มนต์เสื่อม/ลึกแต่ไม่ลับ จรัญ พงษ์จีน

จรัญ พงษ์จีน

ลึกแต่ไม่ลับ

จรัญ พงษ์จีน

 

มนต์เสื่อม

 

เชื่อว่าผู้คนที่ก้าวสู่ถนนสายการเมือง ในอดีตต่างพากันใฝ่ฝันอยากเข้าสังกัด “พรรคประชาธิปัตย์” ที่สร้างตำนานประดับวงการมามากต่อมากไม่ขาดสาย และปฏิเสธไม่ได้ด้วย เพราะเป็นพรรคการเมืองที่เก่าแก่ อยู่คู่การเมืองไทยมายาวนานที่สุด

พรรคประชาธิปัตย์ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ.2489 เมื่อวันที่ 6 เมษายนที่ผ่านมา เพิ่งจะจัดงานวันครบรอบ 76 ปี ณ ที่ทำการพรรค ถนนเศรษฐศิริ มีตัวแทนจากพรรคการเมืองอื่นนำแจกันดอกไม้ไปร่วมแสดงความยินดี กลิ่นยังหมาดๆ อยู่เลย

แต่ไม่กี่วันต่อมา ไอดอลแห่งวงการเมืองก็โดน “ก้อนอิฐ” เมื่อ “นายปริญญ์ พานิชภักดิ์” รองหัวหน้าพรรค-ประธานคณะทำงานทีมเศรษฐกิจทันสมัย-ผู้อำนวยการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร “ดีแตก”

ถูกกองทัพผู้หญิงตบเท้าเข้าแจ้งความดำเนินคดี ตกเป็นผู้ต้องหา รุมกันแจ้งข้อกล่าวหา คุกคามและลวนลามทางเพศ ขู่เข็ญใช้กำลังประทุษร้าย ข่มขืน รวมเข่งกันแล้วกว่า 14 ราย

พร้อมบรรยายพฤติกรรมซ้ำๆ ซากๆ ว่า ถูกนักการเมืองชื่อดังคนนี้ชวนไปกินข้าวที่ร้านอาหาร เมื่อเหยื่อติดเบ็ด จะเปิดฉากชวนคุยเรื่องเพศ แล้วยกระดับไปทีละขั้น จูบปาก จับก้น ลงเอ่ยด้วยการข่มขืน เสร็จสมบ่มิสม โดยที่ไม่สามารถต่อสู้ขัดขืนได้

เล่นเอาชาวประชาธิปัตย์ต้องพากันช็อกซินีม่ากันทั้งพรรค จนต่อมา “นายปริญญ์” ออกโรงมาปฏิเสธ ยืนยันว่าบริสุทธิ์ ให้ทนายพาเข้ามอบตัวสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรม

ในทางการเมือง เขาประกาศลาออกจากตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกับพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งรองหัวหน้าพรรค ผู้อำนวยการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. สะเด็ดน้ำแม้กระทั่งสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์

“นายปริญญ์” ไม่ใช่ผ้าขี้ริ้ว ปูมประวัติดีเลิศประเสริฐศรี ประชาธิปัตย์ได้เพชรเม็ดงาม ของดีมีชาติตระกูล มาทดแทนส่วนที่ชำรุดสึกไป เป็นลูกชายของ “ด๊อกเตอร์ซุป-ศุภชัย พานิชภักดิ์” เลขาธิการการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา หรือเลขาฯ อังก์ถัด อดีตรองนายกรัฐมนตรีมือเศรษฐกิจคนสำคัญ เมื่อครั้ง “นายชวน หลีกภัย” ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แถมเจ้าตัวจบเศรษฐศาสตร์และการเงิน มหาวิทยาลัยชื่อดังจากประเทศอังกฤษ

กลับมาเมืองไทยก็ทำงานที่ธนาคารระดับแถวหน้า มีผลงานดีลเกี่ยวกับการเงินการลงทุนจนมีชื่อเสียง การที่ “นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ดึง “ปริญญ์” ที่ทั้งหล่อทั้งเก่ง มาสู่ถนนสายการเมือง มอบตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค โต้โผทีมเศรษฐกิจอเวนเจอร์ส จึงได้รับเสียงชื่นชมมาก เพราะเข้ากับยุคสมัยที่ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมสมาร์ตโฟนได้เปี๊ยบพอดีเลย

แต่แล้ว เหมือนมะม่วงมีหนอน “นายปริญญ์” ถูกผู้หญิงกว่าโหลรุมแจ้งความดำเนินคดี ข้อหาบัดสีบัดเถลิง แต่เขารีบตัดไฟแต่ต้นลม ชิงไขก๊อกเพื่อแสดงความรับผิดชอบ

ถ้าเป็นพรรคการเมืองอื่น เรื่องก็น่าจะจบข่าว เพราะเป็นเรื่อง “ส่วนตัว” เมื่อผู้ก่อเหตุแสดงสปิริต ก็รับกรรมที่กระทำลงไป

แต่ของพรรค์นี้กับพรรคประชาธิปัตย์ มันมหัศจรรย์ ปิดจ๊อบที่ “ปัญหาส่วนบุคคล” ไม่ได้

และยิ่งขยายเพดานสะท้านลั่นทุ่งไปทั้งพรรค เมื่อ “กลุ่มไลน์อดีต ส.ส.และ ส.ส.ประชาธิปัตย์” จุดไฟสุมรังมดแดงหมายไล่จับจิ้งจอก เอาเรื่องผัวของอีกคนเป็นผัวของอีกคน มาปะฉะดะกันในกลุ่ม

สุดท้ายเรื่องของ “ปริญญ์” ยกระดับ ขยายเพดาน ให้แกนนำพรรค กรรมการบริหารพรรค รับผิดชอบด้านจริยธรรม กดดันจน “จุรินทร์” ต้องคายทิ้งตำแหน่งประธานคณะกรรมการส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศ กับประธานยุทธศาสตร์และนโยบายสตรีแห่งชาติ

แต่ฝ่ายตรงข้ามอยากเห็นทางสว่างที่ราคาแพงมากกว่านี้ อยากจะให้ “อู๊ดด้า” ลาออกจากหัวหน้าพรรค และหวังเตะรวบถึงตำแหน่งรองนายกฯ-รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ด้วย

เพียงแต่ผู้จุดชนวน แอบอยู่ในมุมมืด ไม่เปิดเผยตัวตนให้จะจะ ว่าใครจะมาเสียบแทน หากกดดันบังเกิดผลสำเร็จ

กลับไปที่พรรคประชาธิปัตย์ “พิมพ์นิยม” ที่สร้างคนการเมืองให้แจ้งเกิดมาแล้วมากต่อมาก “จุดเข้มแข็ง” ที่ดีที่สุดคือ “โครงสร้างพรรค” ขั้นตอนการเลือกบุคคลมาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค ต้องมาจากที่ประชุมใหญ่ ผู้มีสิทธิ์ออกเสียงมาจากสัดส่วนหลายกอง 1.ส.ส.ปัจจุบัน+อดีต 2.สาขาพรรคทั่วประเทศ 3.คณะกรรมการบริหารชุดปัจจุบัน 4.ตัวแทนสมาชิกพรรคที่เป็นผู้นำองค์กรท้องถิ่น จาก อบจ.-เทศมนตรี-ส.ก.-ส.ข.

ด้วยโครงสร้างดังกล่าวถือว่าเป็นจุดแข็ง ใครจะมาชุบมือเปิบ เข้ามาสังกัดแล้วใช้เงินล่อซื้อ ลัดคิวไปหยิบชิ้นปลามัน ได้เก้าอี้รัฐมนตรีในทันทีทันใดไม่ได้ เหมือนพรรคการเมืองอื่นอีกหลายพรรค เพียงแค่หิ้วกระเป๋าเจมส์บอนด์ก็ได้เก้าอี้ที่ต้องการสมใจ

แต่ประชาธิปัตย์ยาก ต้อง “เข้าคิว” ผู้ที่จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ต้องมีพรรษา เดินเรียงตามลำดับไหล่

ทว่า ในโลกใบนี้ไม่มีอะไรจีรังยั่งยืน ประชาธิปัตย์ใช้โครงสร้างเก่า จนกลายเป็นละครย้อนยุค มิติทางความคิดเก่าคร่ำครึ สนิมจับ ไม่ยกระดับเป็นสากล เลือกตั้งใหญ่เมื่อปี 2562 เกิดเสียมวยไม่เป็นท่า ทั่วประเทศได้รับเลือกตั้งเข้ามาเพียง 52 ที่นั่ง สนามปักษ์ใต้ เสาไฟฟ้าร่วงกราวในหลายจังหวัด ที่เสียหายบานตะเกียง คือสนาม กทม. “ประชาธิปัตย์” แชมป์เก่าเกือบตลอดกาล “สูญพันธุ์” ไม่ได้รับเลือกตั้งเลยแม้แต่คนเดียว

หลังจากนั้น ประชาธิปัตย์มนต์เสื่อม เกิดเลือดไหลบ้าระห่ำ ซึ่งไม่เคยปรากฏมาก่อน

บิ๊กเนมคนสำคัญทยอยลาออกจากประชาธิปัตย์เป็นว่าเล่นคนแล้วคนเล่า อาทิ “กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ-กษิต ภิรมย์-พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค-กรณ์ จาติกวณิช-วรงค์ เดชกิจวิกรม-อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี-วิฑูรย์ นามบุตร-นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ-ถวิล ไพรสณฑ์-เอกนัฏ พร้อมพันธุ์-อภิชัย เตชะอุบล-วิทยา แก้วภราดรัย”

และมีอีกหลายคนที่กำลังกระโจนหนีบ้านหลังเก่าโดยไม่สนใจไยดี

เชื่อว่า หลังเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ในวันอาทิตย์ที่ 22 พฤษภาคมนี้ กรณี “ด๊อกเตอร์เอ้-สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์” ผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์ เกิดพ่ายป่าราบ เข้าป้ายคะแนนมาที่ 4 หรือที่ 5 แบบไม่เห็นฝุ่น

ประชาธิปัตย์จะเลือดไหลครั้งใหญ่อีกคำรบ