ถึงเวลาสิ้นสุดยุค ‘หวยแพง’? วัดฝีมือรัฐบาลลุงตู่ จบปัญหา…หรือแค่ลูบหน้าปะจมูก/บทความเศรษฐกิจ

บทความเศรษฐกิจ

 

ถึงเวลาสิ้นสุดยุค ‘หวยแพง’?

วัดฝีมือรัฐบาลลุงตู่

จบปัญหา…หรือแค่ลูบหน้าปะจมูก

 

หนึ่งในอภิปัญหาอมตะนิรันดร์กาล ผ่านมาหลายยุคสมัยก็ยังแก้ไม่ได้ นั่นคือ “หวยแพง”

แม้แต่รัฐบาลในปัจจุบัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่เมื่อเดือนมกราคม 2565 ได้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษขึ้นมาแก้ไข สั่งการโดยตรงจากนายกฯ พล.อ.ประยุทธ์

ชื่อเต็มๆ ของคณะกรรมการพิเศษชุดนี้ คือ คณะกรรมการแก้ไขปัญหาผู้ที่ได้รับความเดือนร้อนจากการเสนอขายหรือขายสลากกินแบ่งรัฐบาลในราคาเกินกว่าที่กำหนดในสลากกินแบ่งรัฐบาล โดยนายกฯ มอบหมายให้นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานกรรมการ และมีนายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นรองประธานกรรมการ

และยังมีการแต่งตั้งแยกเป็นอนุกรรมการอีกหลายชุดเพื่อแบ่งการทำงานเป็นหลายด้าน ได้แก่ อนุกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหา คณะกรรมการด้านกฎหมาย และคณะกรรมการด้านประชาสัมพันธ์

ซึ่งอนุฯ ทุกชุดมีเป้าหมายเดียวกันคือต้องแก้การขายหวยเกินราคา 80 บาทให้ได้!

 

สําหรับแผนงานในการแก้ปัญหาหวยแพงของสำนักงานสลากฯ นั้น เริ่มตั้งแต่การล้างระบบผู้ค้าสลาก หมายถึง ผู้ขายรายย่อยที่มีสิทธิซื้อจองสลากเพื่อขายปลีกที่มีสิทธิได้รับโควต้าสลากงวดละ 5 เล่ม หรือ 500 ใบ โดยการลงทะเบียนใหม่นั้น เปิดรับจำนวน 2 แสนสิทธิ ทั้งนี้ ได้ปิดรับลงทะเบียนไปตั้งแต่เดือนมกราคม 2565 ซึ่งพบว่ามีผู้ค้าเข้าร่วมกว่า 1 ล้านราย แบ่งเป็นผู้ค้าสลากเดิมที่อยู่ในระบบจำนวน 1.3 แสนราย และเป็นรายใหม่จำนวน 8.7 แสนราย

นอกจากนี้ ยังขยายการคัดกรองไปถึงผู้ค้าในกลุ่มตัวแทนจำหน่าย อาทิ มูลนิธิ องค์กรการกุศล ที่ปัจจุบันถือครองสลากอยู่ที่ประมาณ 30 ล้านใบ จาก 100 ล้านใบต่องวดด้วย เพื่อค้นหาผู้ค้าตัวจริง ที่ขายโดยตรงถึงมือประชาชนในราคาไม่เกิน 80 บาท

โดยมีขั้นตอนการคัดเลือก 4 วิธี ได้แก่

1. การคัดกรองโดยให้ผู้ซื้อยืนยันการขายในราคา 80 บาทผ่านคิวอาร์โค้ด

2. ให้มีการซื้อขายผ่านแอพพลิเคชั่น “เป๋าตัง” และ “ถุงเงิน”

3. ประสานผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศให้ส่งรายชื่อผู้ค้าตัวจริงในพื้นที่ เพื่อนำมาใช้ในการคัดกรอง

และ 4. ประสานเจ้าหน้าที่สำนักงานตำรวจภูธร 9 ภาค และนครบาลทั่วประเทศ ในการลงพื้นที่เก็บข้อมูลผู้ค้าในพื้นที่รับผิดชอบ

 

แต่แค่เริ่มต้นก็ขลุกขลักซะแล้ว เมื่อระบบไม่พร้อม ทั้งการสแกนคิวอาร์โค้ด, แอพพ์เป๋าตัง เมื่อผู้ซื้อพยายามยืนยันการซื้อขายหวย 80 บาทผ่านคิวอาร์โค้ด และแอพพ์เป๋าตัง แต่ไม่ผ่าน สำนักงานสลากฯ จึงต้องเลื่อนระยะเวลาคัดกรองผู้ค้าจากกำหนดเดิมเริ่มงวดวันที่ 16 มีนาคม-16 เมษายน 2565 ออกไปก่อน เพื่อทดสอบระบบใหม่อีกครั้ง

ขณะที่การตรวจสอบผู้ค้ารายใหม่ 8.7 แสนราย ก็มีปัญหาเพราะจำนวนที่มากกว่าที่ตั้งเป้าหมายไว้มาก ต้องใช้เวลาการคัดกรองมากขึ้น และทำให้กระบวนการคัดกรองผู้ค้าสลากตัวจริงต้องเลื่อนออกไป ไม่ทันเริ่มขายในงวดวันที่ 2 พฤษภาคม 2565 ได้ตามแผน

รวมถึงการจัดการกับผู้ค้าที่ทำผิดเงื่อนไข ได้แก่

1. การขายเกิน 80 บาท ซึ่งมีโทษทางกฎหมาย

และ 2. การขายส่ง ซึ่งมีโทษสูงสุดคือการตัดสิทธิในการซื้อจองสลาก

โดยในปี 2563-2564 ที่มีวิกฤตของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ทำให้การค้าขายปรับตัว การขายสลากก็เช่นกัน จึงเกิดแพลตฟอร์มดังๆ หลายเจ้า ที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางขายสลาก ซึ่งยังพบการขายสลากเกินราคา การขายรวมสลากเลขชุดบนแพลตฟอร์มบางราย ซึ่งอาจจะเข้าข่ายผิดเงื่อนไขได้

 

ที่เป็นข่าวใหญ่ ทีมเฉพาะกิจได้บุกค้นไปแล้ว 2 แพลตฟอร์มใหญ่ พบสลากของกลางถึง 6.74 ล้านใบ ด้านสำนักงานสลากฯ ก็มีการตัดสิทธิผู้ค้าที่เกี่ยวข้องไปแล้วกว่า 8,900 ราย และคาดว่าจะมีการตัดสิทธิเพิ่มเติมจากอีกแพลตฟอร์มหนึ่งไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นราย

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้รัฐบาลปิ๊งไอเดียว่าสำนักงานสลากฯ ควรเปิดแพลตฟอร์มกลาง เพื่อแก้ปัญหาสลากแพงและเป็นการตอบโจทย์พฤติกรรมคนรุ่นใหม่ ทำให้การขายสลากถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งดูแแลโดยสำนักงานสลากฯ เอง แล้วให้ผู้ที่ได้รับการคัดเลือกรอบใหม่มีสิทธิเลือกว่าที่จะขายบนแพลตฟอร์ม ในราคาไม่เกิน 80 บาท ผ่านแอพพ์เป๋าตัง โดยมีแผนจะเปิดตัวในต้นเดือนพฤษภาคมนี้

อีกแผนงาน ที่สำนักงานสลากฯ พยายามผลักดันมาตลอด คือ จุดขายสลาก 80 บาท ซึ่งจูงใจผู้ค้าด้วยการให้โควต้าพิเศษหลังจากเข้าร่วมโครงการ มีการเพิ่มสลากเป็นงวดละ 25 เล่ม หรือ 2,500 ใบ ตั้งเป้าหมายให้เกิดขึ้น ในแต่ละเขตหรืออำเภอละ 1 จุด รวมไม่ต่ำกว่า 1,000 จุดกระจายทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ภายในงวด 16 มิถุนายน 2565 ซึ่งมีการนำร่องแล้วในพื้นที่ส่วนกลาง คือกรุงเทพฯ และนนทบุรี รวม 78 จุด ภาคกลางชัดเจนแล้วอีก 151 จุด

คาดว่าจะเริ่มขายในงวดวันที่ 2 พฤษภาคมนี้

 

แผนงานสุดท้าย ที่ถือว่าเป็นก้าวสำคัญของสำนักงานสลากฯ ในปีนี้คือ การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยแนวคิดนั้น มีการศึกษาในหลายรูปแบบ เช่น สลากเลข 2 ตัว 3 ตัว สลากรูปภาพ 12 นักษัตร เป็นต้น

ซึ่งการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ มีขั้นตอนที่ซับซ้อน ตั้งแต่การเดินสายเพื่อรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ (ประชาพิจารณ์) ทั่วประเทศ คาดว่าจะเริ่มในครึ่งหลังของปีนี้ หลังประกาศให้โควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น

เมื่อแล้วเสร็จจึงนำเสนอต่อกระทรวงการคลัง และเสนอต่อคณะรัฐมนตรี ตามลำดับ

จึงประมาณการว่า จะได้เห็นและเริ่มจำหน่ายผลิตภัณฑ์ใหม่นี้ให้ประชาชนทั่วไปได้ในปี 2566

ทั้งนี้ การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ไม่ใช่แนวทางใหม่เสียทีเดียว เนื่องจากมีงานด้านวิชาการจากมหาวิทยาลัยในไทยที่เชื่อถือได้ ได้ทำการศึกษาไว้ ในโครงการจำหน่ายสลากเลข 2 ตัว 3 ตัว เมื่อกว่า 10 ปีที่แล้ว หรือหวยบนดิน ที่มีผลอย่างเห็นได้ชัดว่า ช่วยแก้ไขปัญหาหวยแพง รวมทั้งช่วยปราบหวยใต้ดินได้

แต่ด้วยปัญหาหลายอย่าง โดยเฉพาะเรื่องทางการเมืองทำให้โครงการนี้ได้ปิดตัวลง และเหลือเพียงสลากกินแบ่งรัฐบาลเช่นปัจจุบันนี้

 

การเดินทางของวาระแห่งชาติ อย่าง “ปัญหาหวยแพง” ที่ยาวนานมานับหลายทศวรรษ จะแก้ไขได้สำเร็จหรือไม่…ต้องตามลุ้นกัน โดยเฉพาะประธานคณะกรรมการ นายอนุชา นาคาศัย ลั่นวาจาไว้ว่า สลากงวด 16 มิถุนายนนี้เป็นต้นไป ได้เห็นสลาก 80 บาท มีจำหน่ายบนแพลตฟอร์มออนไลน์แน่นอน

สลากออนไลน์ 80 บาท จะจีรังยั่งยืนหรือไม่ ต้องตามกันอีกยาวๆ เพราะล่าสุด แรมโบ้-เสกสกล อัตถาวงศ์ ประกาศลาออกจากตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี หน้าที่ปราบหวยแพงก็พ้นไปด้วย

ความพยายามแก้หวยแพง…ดูเหมือนจะเป็นมหากาพย์ที่ใกล้เห็นแสงที่ปลายอุโมงค์หรือไม่…ตามดู