‘ชูวิทย์ กุ่ย’ เผย คุยอะไรกับ ‘ทักษิณ’ ที่สิงคโปร์?/เปลี่ยนผ่าน ทีมข่าวการเมือง มติชนทีวี

เปลี่ยนผ่าน

ทีมข่าวการเมือง มติชนทีวี

 

‘ชูวิทย์ กุ่ย’ เผย

คุยอะไรกับ ‘ทักษิณ’ ที่สิงคโปร์?

 

ในสภาผู้แทนราษฎร “ชูวิทย์ (กุ่ย) พิทักษ์พรพัลลภ” คือนักการเมืองลายครามวัยย่าง 59 ปี ผู้มีลีลาอภิปรายดุเด็ดเผ็ดมัน และได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส.อุบลราชธานี มาต่อเนื่องถึงเก้าสมัย

ในข่าวการเมืองช่วงหลัง “ชูวิทย์ กุ่ย” คือหนึ่งในผู้แทนราษฎรของพรรคเพื่อไทยที่บินไปเจออดีตนายกรัฐมนตรี “ทักษิณ ชินวัตร” โดย “บังเอิญ” ที่ประเทศสิงคโปร์

ส.ส.อุบลฯ เล่าถึงจุดเริ่มต้นของ “ความบังเอิญ” ดังกล่าว เอาไว้ในรายการ “เอ็กซ์อ๊อก talk ทุกเรื่อง” ทางช่องยูทูบมติชนทีวี ว่า หลังชนะการเลือกตั้ง 2562 เขาและเพื่อนๆ ร่วมพรรคหลายคน ก็วางแผนที่จะจองตั๋วเครื่องบินไปเที่ยวสิงคโปร์ในเดือนมีนาคม 2563

แต่สถานการณ์โควิดที่แพร่ระบาด ส่งผลให้การเดินทางต้องเลื่อนออกไป

ต่อมา ชูวิทย์และเพื่อนๆ ได้นัดหมายใหม่ที่จะเดินทางไปสิงคโปร์ในเดือนพฤศจิกายน 2564 แต่ก็ต้องเลื่อนกำหนดการกันอีกรอบ เพราะโควิดกลับมาแพร่ระบาดอีกหน

ทว่า ในที่สุด ชูวิทย์และเพื่อน ส.ส. ก็ได้ฤกษ์ดี จับเครื่องบินไปเที่ยวสิงคโปร์เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เพราะเป็นช่วงปิดสภา อีกทั้งประเทศเพื่อนบ้านยังกลับมาเปิดรับนักท่องเที่ยวเรียบร้อยแล้ว

ครั้นไปถึงสิงคโปร์ ชูวิทย์และนักการเมืองเพื่อไทยก็ได้ “บังเอิญ” เจออดีตนายกฯ ทักษิณ และคณะ

แม้หลายคนอาจไม่เชื่อในเรื่อง “ความบังเอิญ” ที่ว่า แต่ ส.ส.เก้าสมัยบอกว่านั่นคือ “เรื่องบังเอิญ” ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ เพราะสิงคโปร์เป็นประเทศเล็กๆ ที่ไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากมาย

“อยู่สิงคโปร์ ใครไปใครไปก็ต้องไปกินข้าวมันไก่ไหหลำ ใครไปใครไปก็ต้องไปกินบะกุ๊ดเต๋ ใครไปใครไปก็ต้องไปกินปู มันก็อยู่ทรงนี้แหละ มันก็ต้องไปเจอกัน”

เมื่อถามว่าเขาได้พูดคุยอะไรกับอดีตนายกฯ บ้าง ระหว่างการพบกัน “แบบบังเอิญ” ที่ประเทศสิงคโปร์? “ชูวิทย์ กุ่ย” ก็บรรยายเรื่องราวอย่างละเอียดลออ

“ก็เรากินข้าวกันอยู่ ก็เห็นท่านพายัพ (ชินวัตร) มา เห็นท่านพายัพมา ก็มีเลขาฯ ของท่านนายกฯ ยิ่งลักษณ์ (ชินวัตร) มา ท่านนายกฯ ยิ่งลักษณ์มา เราก็ถามว่า อ้าว! ไปไหนกันมาครับท่าน? บอกว่ามาตรวจร่างกาย แต่เดี๋ยว ‘เจ้านาย’ ก็มา เดี๋ยวท่านทักษิณก็มา

“มาเสร็จแล้วเนี่ย เขาควบคุมโควิด เขาก็นั่งโต๊ะละห้าคน ก็มีการจองโต๊ะกันไว้แล้ว โต๊ะใครโต๊ะมัน เสร็จแล้ว เราก็อยากไปหา (ทักษิณ) ทุกคนที่มาก็อยากไปถ่ายรูปด้วย ก็ผลัดเปลี่ยนเวียนกันไปนั่ง

“สิ่งแรกที่เราถาม ก็ถามว่าเจ้านายสบายดีไหม? เขาบอกสบายดี แข็งแรง ออกกำลังกายทุกวัน ก็ถามสารทุกข์สุกดิบน่ะครับ คนชอบพอกันน่ะครับ”

พอถามต่อว่าเขาได้คุยเรื่องการเมืองกับทักษิณบ้างไหม? ชูวิทย์ย้ำหนักแน่นว่า “ไม่ได้คุยครับ ไม่ได้คุยครับ” ก่อนจะอธิบายต่อ

“ไม่ได้คุยนาน เพราะคนอื่นก็กวักมือเรียก บอกถ่ายรูปแล้วก็ออกมา เดี๋ยวจะได้เข้าไป คนอื่นก็อยากถ่าย หลายๆ คน คนไทยที่ไปเยอะแยะก็อยากถ่ายครับ ส่วนคนสิงคโปร์ก็อยากถ่าย ก็คุยได้นิดหน่อย แล้วก็มี มามามาจะรินไวน์ให้กิน มามามาจะรินเหล้าให้กิน ก็ถือแก้วไป ก็ผลัดเปลี่ยนเวียนกันออกมา”

 

ในมุมมองของ “ชูวิทย์ กุ่ย” อดีตนายกฯ ทักษิณ คือบุคคลที่เขาเคารพรักนับถือ เปรียบเสมือน “หลวงพ่อ” รูปหนึ่ง

“ผมเป็นผู้แทนฯ ของพรรคไทยรักไทยตั้งแต่ 1 เมษายน 2543 เป็นพลังประชาชน เป็นเพื่อไทย เราก็เป็นก้นกุฏิ ซึ่งเราอยู่มาตั้งแต่รุ่นแรกของพรรคไทยรักไทย ตั้งแต่ท่านทักษิณมีผู้แทนฯ 1 คน คือคุณหญิงสุดารัตน์ (เกยุราพันธุ์) แล้วท่านเสนาะ (เทียนทอง) ก็พาพวกผม 79 คนไปร่วมอยู่พรรคไทยรักไทย วันที่ 1 เมษายน 2543 ที่สระแก้ว พรรคไทยรักไทยจึงมีผู้แทนฯ 80 คน

“ถามว่า วันนี้ผมจะนับถือ ‘หลวงพ่อทักษิณ’ มันผิดใคร? เพราะหลวงพ่อทักษิณทำมาค้าขายดี ทำให้บ้านเมืองเจริญ ผมก็นับถือท่าน เพราะผมทำมาค้าขาย ส่วนใครจะนับถือหลวงพ่อประยุทธ์ นับถือหลวงพ่อชวน ก็เรื่องของเขาครับ เราไม่ว่ากันครับ แล้วแต่ใครจะนับถือ

“ยิ่งชาวบ้านยังมีสองวัดเลย เถียงกันเลย กูจะไปวัดบ้าน กูจะไปวัดป่า มึงทำไมไม่ไปวัดบ้าน กูไม่ชอบหลวงพ่อ กูจะไปวัดป่า กูชอบอาจารย์ มันก็แล้วแต่วิถีชีวิตของชาวบ้านที่ใครชอบใคร อย่ามาหาว่ากัน”

ม่นานนี้ นักการเมืองอาวุโสจากจังหวัดอุบลราชธานี เพิ่งออกมาทำนายว่าพรรคเพื่อไทยจะกวาดเก้าอี้ ส.ส.ได้ 280 ที่นั่ง ในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้า

และเมื่อรวมกับพันธมิตรอื่นๆ พรรคร่วมฝ่ายค้าน ณ ปัจจุบัน ก็อาจได้ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎรเกิน 300 เสียง

สองผู้ดำเนินรายการจึงสอบถามทันทีว่า “อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร” คือปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้เพื่อไทยประสบชัยชนะแบบแลนด์สไลด์ใช่หรือไม่? ชูวิทย์ตอบคำถามนี้ ผ่านการเทียบเคียงประสบการณ์ทางการเมืองที่เขาสั่งสมมา

“ถามว่ายานายห้างตราใบห่อ ถ้ามีรูปนายห้างตราใบห่อเป็นสำคัญ เขาก็จะเชื่อว่าเป็นของแท้ใช่ไหมครับ? ซึ่งวันนี้จะเอาใครมาเป็น

“แรกๆ ท่านสมัคร สุนทรเวช ประชาชนเขายังถามว่าสู้จริงไหม? เราก็บอกว่าสู้จริง แล้วพอท่านสมัครเสร็จ ก็ท่านสมชาย วงศ์สวัสดิ์ สู้จริงไหม? เราบอกว่าสู้จริง อันนี้น้องเขยท่าน เสร็จแล้วพอยิ่งมานายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เขาก็ถามว่าสู้จริงไหม? ก็ดูนามสกุล

“เสร็จแล้ววันนี้คุณอุ๊งอิ๊งน่ะนามสกุลอะไร? ซึ่งพรรคเพื่อไทย (ประชาชน) เขาชอบอยู่แล้ว แต่ว่าวันนี้หัวอยู่ไหน? วันนี้เราก็พอเห็นแพลมๆ แล้วว่าหัวคือคุณอุ๊งอิ๊ง แล้วพวกผู้แทนฯ จะสบายใจไหม? พวกผมสบายใจแล้ว แต่ประชาชนจะคิดอย่างไร? เราก็ไม่รู้ครับ”

ครั้นจี้ถามว่าลูกสาวคนสุดท้องของอดีตนายกฯ จะก้าวขึ้นไปเป็นผู้นำประเทศสืบต่อจากพ่อและอาๆ ได้หรือไม่? ผู้แทนฯ อุบลฯ ก็ประเมินความเป็นไปได้ จากผลงานของรัฐบาลชุดปัจจุบัน

“วันนี้จะได้เป็นนายกฯ หรือไม่ได้เป็น มันก็อยู่กับพี่น้องประชาชน ถามว่าอายุน้อยสำคัญไหม? วันนี้อายุน้อยเขาไม่ได้ทำงานคนเดียว วันนี้พรรคเพื่อไทยเรามีทีมเศรษฐกิจครบหมดครับ

“แล้วพี่น้องประชาชนก็มีความเชื่อว่าวันนี้ ถ้ามีการเลือกตั้ง โอกาสที่คุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนจะดีขึ้น เศรษฐกิจจะดีขึ้น ยาบ้าจะหมดจากประเทศไทย ก็มีพรรคเดียวเท่านั้นแหละ ก็คือพรรคเพื่อไทยครับ

“เขามีความเชื่อมั่นอย่างนั้น เพราะเขาปล่อยโอกาสให้รัฐบาลวันนี้ทำงาน แล้วทำงานไม่ได้ ทำงานไม่เป็น เขาก็คิดถึงเรา เพราะเขาเคยมีประสบการณ์แล้วว่าพรรคเพื่อไทยมาคราวใด ความสุขของพี่น้องประชาชนก็เกิดขึ้น”