‘ฮอนด้า ซีวิค e:HEV’ ไฮบริด เก๋งสปอร์ตครบเครื่อง-รักษ์โลก / ยานยนต์ สุดสัปดาห์ : สันติ จิรพรพนิต

สันติ จิรพรพนิต

ยานยนต์ สุดสัปดาห์

สันติ จิรพรพนิต

[email protected]

 

‘ฮอนด้า ซีวิค e:HEV’ ไฮบริด

เก๋งสปอร์ตครบเครื่อง-รักษ์โลก

 

ยังเป็นควันหลงในงาน “มอเตอร์โชว์ 2022” ที่เป็นไฮไลต์หลักๆ ไม่พ้นบรรดารถพลังงานทางเลือกทั้งไฟฟ้า 100% หรืออีวี และรถไฮบริด ลูกผสมน้ำมัน+ไฟฟ้า

เนื่องจากได้อานิสงส์มาตรการภาครัฐสนับสนุนทั้งเงิน และลดภาษีต่างๆ ทำให้ราคาปรับลดลงค่อนข้างเยอะ

โดยเฉพาะรถอีวี หั่นราคากัน 2 แสนบาทเศษก็มี

ทำให้ยอดส่วนแบ่งยอดจอง ยอดขายของรถพลังงานทางเลือกในงานนี้พุ่งพรวดเกินคาด

ก่อนหน้านี้นำเสนอรถพลังงานไฟฟ้าไปมากพอสมควร ฉบับนี้ขอมาเจาะรถเด่นในกลุ่มไฮบริด

นั่นคือ “ซีวิค e:HEV” ขุมพลังฟูลไฮบริด ตัวเด่นของฮอนด้า

แต่งานนี้ฮอนด้าเพียงนำมายั่วน้ำลายและเตะสกัดคู่แข่งไว้ก่อน เนื่องจากจะเปิดตัวและราคาอย่างเป็นทางการในช่วงกลางปีนี้

โดยไทยเป็นประเทศแรกในโลกที่ฮอนด้านำ “ซีวิค e:HEV” มาเปิดตัว ไม่น่าแปลกใจเพราะหากดูยอดขายรถตระกูลซีวิคในไทย ถือว่าเป็นระดับต้นๆ เป็นหนึ่งในรถธงของค่ายก็ว่าได้

“ซีวิค e:HEV” มี 2 รุ่นย่อยคือ EL+ และ RS แต่ขอเน้นไปที่รุ่นท็อปเพราะใส่ของเล่นมาเยอะเหลือเกิน

“ฮอนด้า ซีวิค e:HEV” อัพเกรดมาจาก “ซีวิค RS” เจเนอเรชั่นที่ 11 ซึ่งเป็นรุ่นท็อปอยู่แล้ว มาใส่หัวใจใหม่พร้อมการตกแต่งบ่งบอกความเป็นรถไฮบริด รูปร่างหน้าตาไม่ต่างจากตัวเครื่องยนต์ปกติ กระจังหน้าขนาดใหญ่ตกแต่งด้วยโครเมียม พร้อมสัญลักษณ์ “H” สีฟ้า พร้อมสัญลักษณ์ RS

ไฟหน้าขนาดเล็กเข้ากันดีกับกระจังตกแต่งด้วยโครเมียม เป็นแบบ LED โปรเจ็กเตอร์เลนส์ มีระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam : AHB)

ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED ไฟตัดหมอกคู่หน้าและไฟท้ายแบบ LED

กระจังหน้าและกันชนหน้าสไตล์สปอร์ต และมือจับประตูด้านนอกสีเดียวกับตัวรถตกแต่งด้วยโครเมียม

กระจกมองข้างสีดำ มือจับประตูด้านนอกสีดำตกแต่งด้วยโครเมียม

สปอยเลอร์หลังสีดำพร้อม สัญลักษณ์ RS ด้านท้าย

เสาอากาศแบบครีบฉลามสีดำ

ที่น่าสนใจคือล้อล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่สีทูโทนเงินปัดเงา-ดำ ขนาด 18 นิ้ว พร้อมยางสปอร์ตพรีเมียมจากมิชลิน รุ่น “ไพล็อต สปอร์ต 4” ขนาด 235/40 เฉพาะราคายาง 4 เส้นนี่เกิน 3 หมื่นไปแล้ว

ทั้งรูปร่างหน้าตาและบอดี้ขนาดใหญ่ เรียกว่าทำให้รุ่นพี่อย่าง “แอคคอร์ด” แอบค้อนเหมือนกัน

ภายในไม่ต่างจากรุ่นปกติใช้สีดำ แต่ไม่ดูอึดอัดด้วยความกว้างใหญ่ ออกแบบได้เรโทรนิดๆ

พวงมาลัย 3 ก้านพร้อมระบบมัลติฟังก์ชั่นควบคุมระบบเครื่องเสียงและปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์

มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 10.2 นิ้ว ตรงกลางเป็นระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว แบบ Advanced Touch ออกแบบลอยตัวมองเห็นเด่นชัด

รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay แบบไร้สาย และ Android Auto พร้อมระบบสั่งการด้วยเสียง Siri

มี “ฮอนด้า คอนเนค” (Honda CONNECT) เทคโนโลยีเชื่อมต่อรถยนต์ที่ทำงานผ่านแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ตโฟน

ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบปรับอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย-ขวา

คอนโซลหน้าเน้นความเรียบหรู มีแผงรังผึ้งเป็นช่องแอร์

เบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) และ Auto Brake Hold วางอยู่ใกล้ๆ คันเกียร์

อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger)

ระบบสตาร์ตเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมต

เบาะนั่งหนังกลับเดินด้ายแดงเพิ่มความสอร์ต

เจาะช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง พร้อมช่องต่อ USB 2 ตำแหน่ง

พนักพิงด้านหลังสามารถพับได้แบบ 60:40 เพิ่มพื้นที่บรรทุกสำหรับของขนาดยาว หรือพับเพื่อหยิบของที่กระโปรงหลัง

ขุมพลังฟูลไฮบริด e:HEV เครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร Direct Injection Atkinson-Cycle DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว แบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน

เกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT)

เครื่องยนต์บล็อกนี้เป็นแบบฉีดตรง รับประกันความแรงและความประหยัดได้เป็นอย่างดี

ส่วนสเป๊กอย่างละเอียดต้องรออีกสักพัก แต่ดูจากเครื่องยนต์แล้วจี๊ดจ๊าดหายห่วงแน่นอน

การขับเคลื่อนมีให้เลือก 3 แบบ

ขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode)

ขับขี่ด้วยระบบไฮบริด (Hybrid Drive Mode)

และขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive Mode)

ส่วนการขับขี่มี 3 โหมดให้เลือก

ECON Mode – ปรับการทำงานของเครื่องยนต์ให้สัมพันธ์กับการขับขี่เพื่ออัตราการประหยัดเชื้อเพลิงมากขึ้น

Normal Mode – สำหรับการขับขี่ใช้งานโดยทั่วไป

Sport Mode – การทำงานของเครื่องยนต์ตอบสนองการเร่งได้ดียิ่งขึ้นเพื่อการขับขี่ที่สนุกเร้าใจ

ไม่พลาดกับเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ เอกลักษณ์ของค่ายอย่าง “Honda SENSING” ทำงานผ่านกล้องมุมมองกว้างด้านหน้า ช่วยตรวจจับรถยนต์และคนเดินถนน

ประกอบด้วยระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System : CMBS) ช่วยเตือนผู้ขับขี่ให้ลดความเร็วเมื่อมีรถยนต์ รถจักรยานยนต์ จักรยาน หรือคนเดินถนนที่อยู่ในระยะไม่ปลอดภัย และเมื่อมีความเสี่ยงต่อการชน ระบบจะช่วยเสริมแรงเบรกอัตโนมัติ

ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow : ACC with LSF)

ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System : LKAS)

ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning : RDM with LDW)

ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (Lead Car Departure Notification System : LCDN)

นอกจากนี้ มีระบบตัวช่วยอีกเพียบ เช่น ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch)

ระบบช่วยเตือนความเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Driver Attention Monitor)

กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ (Multi-angle Rearview Camera)

ระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมตอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock)

ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารด้านหน้า พร้อมเตือนผู้โดยสารด้านหลัง (Front Passenger and Rear Seat Belt Reminder)

และไฟเตือนเบาะนั่งด้านหลัง (Rear Seat Reminder) เป็นต้น

สนนราคาฮอนด้า ยังไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการ แต่พอแง้มๆ มาว่า

รุ่น e:HEV EL+ ราคาประมาณการไม่เกิน 1,150,000 บาท

รุ่น e:HEV RS ราคาประมาณการไม่เกิน 1,270,000 บาท •