ทั่วโลกตีฆ้อง เปิดศึกชิงนักเที่ยวนักช้อป วัดกำลัง ‘ไทยเที่ยวนอก & นอกเที่ยวไทย’/บทความเศรษฐกิจ

บทความเศรษฐกิจ

 

ทั่วโลกตีฆ้อง

เปิดศึกชิงนักเที่ยวนักช้อป

วัดกำลัง ‘ไทยเที่ยวนอก & นอกเที่ยวไทย’

 

แม้การระบาดโควิด-19 ยังคงไม่หายไป แต่ความรู้สึกต่ออาการหากติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอนในปัจจุบันดูจะผ่อนคลายลงต่อความเคยกังวลว่าติดเชื้อแล้วถึงขั้นชีวิตนั้น เบาบางลง ผนวกกับที่ผ่านมาทุกประเทศจมอยู่กับผลกระทบเศรษฐกิจฝืดเคือง และการค้าทำมาได้ปกติมานาน

ดังนั้น เมื่อเห็นแสงสว่างของความรุนแรงเชื้อโควิดไม่น่าหนักใจเท่าก่อน ทำให้เห็นหลายประเทศพร้อมใจเดินหน้าเปิดประเทศท่องเที่ยวอย่างเต็มสูบ เพิ่มการเอื้อความอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยว ผ่านเงื่อนไขการเดินทางเข้าอาณาจักรแบบลด แลก แจก แถมสุดตัว

โดยเฉพาะการปลดล็อกไม่ต้องกักตัว ไม่ต้องตรวจหาเชื้อผ่านวิธี RT-PCR ทั้งก่อนและหลังเข้าประเทศ

ถือเป็นเงื่อนไขสำคัญที่นำมาใช้ช่วงชิงตลาดนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ

 

โดยจากสำรวจตลาดท่องเที่ยวนอกประเทศ (เอาต์บาวด์) พบว่า ประเทศที่เปิดให้ท่องเที่ยวแบบไม่มีเงื่อนไขการกักตัว มีหลายประเทศที่ได้รับความนิยมในการท่องเที่ยวของคนไทยเที่ยวนอกสูงมาก

โดยเฉพาะเมืองโอปป้า (พี่ชาย) อย่างเกาหลีใต้ ซึ่งตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2565 เป็นต้นไป นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้าประเทศเกาหลีใต้ ไม่จำเป็นต้องกักตัว 7 วัน เมื่อฉีดวัคซีนครบโดสตามกำหนดแล้ว

หรือเที่ยวเกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย เปิดรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศแบบไม่ต้องกักตัว เพียงแสดงหลักฐานด้านสุขภาพ จำพวกฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว มีผลตรวจโควิด-19 แบบ RT-PCR เป็นลบก่อนเดินทางจากประเทศต้นทาง จองโรงแรมและชำระเงินเต็มจำนวนอย่างน้อย 4 วัน

เพื่อนบ้านไทยอย่างเวียดนาม ถือเป็นประเทศแรกๆ ในอาเซียนที่เปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยว เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 17 มีนาคมที่ผ่านมา แต่ต้องมีหลักฐานเอกสารแสดงผลตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นลบ ใช้ได้ทั้งผลการตรวจแบบ RT-PCR ภายใน 72 ชั่วโมง หรือผลการตรวจแบบ Antigen Rapid Test ภายใน 24 ชั่วโมงก่อนเดินทาง ประกันสุขภาพหรือประกันเดินทางต่างประเทศที่ครอบคลุมการรักษาโควิด-19 วงเงินประกันไม่ต่ำกว่า 10,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 332,835 บาท

ตามมาติดๆ ด้วยสิงคโปร์ กัมพูชา และมาเลเซีย

 

ทําให้ประเทศไทยที่มีอุตสาหกรรมเด่นอย่างท่องเที่ยว ต้องถูกแย่งชิงตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่ถือว่ายังไม่ฟื้นตัวดีมากนักนั้น ต้องเจอมรสุมซ้ำเติมหรือไม่

เนื่องจากที่ผ่านมา ภาคท่องเที่ยวต้องพึ่งพาการท่องเที่ยวของคนในประเทศเป็นหลัก เพื่อหมุนเวียนเศรษฐกิจในภาพรวม ทำให้หากหลายประเทศในใจของคนไทยเปิดประเทศแล้ว จะดึงดูดคนไทยให้ตบเท้าออกไปเที่ยวนอกกันหมดหรือไม่

แล้วภาคการท่องเทียวไทยยังมีศักยภาพในการแข่งขันกับหลายประเทศท่องเที่ยวทั่วโลกมากน้อยเท่าใด

เนื่องจากในปี 2562 ช่วงที่ภาคการท่องเที่ยวไทยเฟื่องฟูมากๆ เรายังพบว่า มีคนไทยเดินทางออกไปเที่ยวต่างประเทศเกือบ 11 ล้านคน โดยเฉพาะคนในระดับบนขึ้นไป ที่มีความสามารถและศักยภาพในการใช้จ่าย

ความหวังที่จะกระตุ้นให้คนกลุ่มนี้ท่องเที่ยวและใช้จ่ายในประเทศมากขึ้น จะดับลงหรือไม่

นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) ระบุว่า ขณะนี้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั่วโลกมีแนวโน้มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ประเทศท่องเที่ยวทั้งในภูมิภาคยุโรป อเมริกาและเอเชีย มีนโยบายเปิดประเทศต้อนรับชาวต่างชาติแล้ว ทุกประเทศใช้นโยบาย Ease-of-Traveling ผ่อนคลายมาตรการเข้า-ออกประเทศจนเกือบจะกลับสู่ภาวะปกติ โดยศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ได้มีมติผ่อนคลายการเข้าประเทศอย่างต่อเนื่อง

สทท.จึงเชื่อมั่นว่าการท่องเที่ยวของไทยจะพลิกฟื้น และกลับมาเป็นเครื่องจักรสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างรายได้กว่า 20% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไทยอีกครั้ง

โดยเชื่อมั่นว่า หากประเทศไทยยกเลิกระบบไทยแลนด์ พาส และการตรวจหาเชื้อผ่านวิธี RT-PCR เมื่อเดินทางเข้าประเทศแล้ว จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวสูงขึ้นแน่นอน เนื่องจากการพูดคุยกับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ผ่านมา

เพราะว่าประเด็นดังกล่าวถือเป็นปัจจัยหลักที่มีผลต่อการตัดสินใจเดินทางของนักท่องเที่ยว

 

ส่วนความพร้อมของภาคเอกชนนั้น นายชำนาญยืนยันว่ามีความพร้อมแน่นอน ทั้งธุรกิจโรงแรมตั้งแต่ 1 ดาวถึง 5 ดาว ทัวร์ท่องเที่ยว และธุรกิจเกี่ยวเนื่องต่างๆ เหลือเพียงรัฐบาลปลดล็อกเกณฑ์ที่ไม่เอื้อความสะดวกให้เท่านั้น ทุกอย่างก็พร้อมเดินหน้าต่อได้ทันที

โดยประเทศไทยยังถือเป็นจุดหมายปลายทางอันดับต้นๆ ของต่างชาติอยู่ ทำให้สามารถแข่งขันได้แน่นอน

รวมถึงขณะนี้สมาคมได้เดินหน้าทำการตลาดแบบรายประเทศ เพื่อหาความต้องการของแต่ละประเทศ ว่าอยากได้อะไรบ้าง หากเดินทางมาเที่ยวไทย และตอบสนองความต้องการให้ได้ทั้งในด้านสินค้าและการบริการ

พร้อมย้ำว่า เราจะต้องปรับภาพในภาคการท่องเที่ยว (Re-Design) เพื่อสร้างการท่องเที่ยวไทยให้ยั่งยืน

โดยสร้างสมดุลใน 3 มิติ คือ

1. สมดุลด้านการตลาด (Demand-Supply) การสร้างโอกาสทางการตลาดให้เพียงพอที่จะรักษาห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ภาคการท่องเที่ยวให้อยู่รอด รักษาการจ้างงานให้ได้ แล้วมาพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยหากถามว่า จำนวนนักท่องเที่ยวเท่าใด รายได้เท่าใด ภาคการท่องเที่ยวถึงจะอยู่ได้ คำตอบคือ 40% ของปี 2562 ที่มีการลงทุนสร้างซัพพลายเชนรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้กว่า 40 ล้านคน และนักท่องเที่ยวไทย 166 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้รวม 3 ล้านล้านบาท

2. สมดุลด้านสินค้า (Natural-Manmade) การเพิ่มแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ เพื่อลดการพึ่งพาและทำลายทรัพยากรธรรมชาติ โดยหันมาเน้นการท่องเที่ยวเฉพาะกลุ่มที่มนุษย์เป็นผู้สร้างและบริการ อาทิ กลุ่มท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ กลุ่มท่องเที่ยวเชิงกีฬา กลุ่มท่องเที่ยวเชิงอาหาร

และ 3. สมดุลเชิงพื้นที่ (City-Community) เพื่อแก้ไขปัญหาโอเวอร์ทัวริซึ่มในแหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง หรือการไม่กระจายตัวของนักท่องเที่ยว

รวมถึงได้วางเป้าหมายในการผลักดันให้เกิดความต้องการ (ดีมานด์) มีนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2565 อยู่ที่ 16 ล้านคน เนื่องจากเป็นจุดที่ทำให้ธุรกิจท่องเที่ยวไทยไปรอด และคนไทยเที่ยวไทย 75 ล้านคน-ครั้ง เพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจรวม อยู่ที่ 1.2 ล้านล้านบาทให้ได้

เพราะหากมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาทั้งปี 2565 อยู่เพียง 5 ล้านคนนั้น ภาคการท่องเที่ยวจะไม่สามารถอยู่ได้จริงๆ รวมถึงรายได้ที่เกิดขึ้นนี้ยังจะก่อให้เกิดการจ้างงาน และรายได้ในส่วนของภาษีคิดเป็นมูลค่ากว่าแสนล้านบาทด้วย

 

แตกต่างจากตัวเลขเป้าหมายของนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่ระบุว่า ปี 2565 ประเทศไทยจะมีรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 30% ของรายได้รวมปี 2562 และน่ามีจำนวนนักท่องเที่ยวประมาณ 7 ล้านคน จากเป้าเดิมวางไว้ที่ 8-10 ล้านคน และมีรายได้ในปี 2566 เพิ่มเป็น 50% ของปี 2562 และมีรายได้ใกล้เคียงกับปี 2562 ได้ภายในปี 2567

“คาดหวังว่า หลังจากรัฐบาลปลดล็อกเงื่อนไขการเข้าประเทศทั้งหมด ซึ่งคาดว่าจะเป็นวันที่ 1 มิถุนายน 2565 เป็นต้นไปแล้ว เชื่อมั่นว่าจะทำให้ภาพรวมการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทย จะทยอยชัดเจนขึ้นอย่างต่อเนื่อง” นายพิพัฒน์กล่าว

จากเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวที่ไม่สอดคล้องกัน และความกังวลการพึ่งพาไทยเที่ยวไทยได้น้อยลง สะท้อนจากสัญญาณคนไทยจองทัวร์เที่ยวนอก กำลังแซงจองห้องพักในไทย เริ่มชัดขึ้นในช่วงหยุดยาวสงกรานต์นี้

ตลอดปี 2565 คงเป็นอีกปีของภาคการท่องเที่ยวไทย กุมขมับ!!!