จาก Zircon ถึง SSC-8 นวัตกรรม ‘อาวุธไร้เทียมทาน’ ของ ‘รัสเซีย’ : จักรกฤษณ์ สิริริน

บทความพิเศษ

จักรกฤษณ์ สิริริน

 

จาก Zircon ถึง SSC-8

นวัตกรรม ‘อาวุธไร้เทียมทาน’ ของ ‘รัสเซีย’

 

แสนยานุภาพกองทัพ “รัสเซีย” มีชื่อเสียงมาตั้งแต่ยังเป็น “สหภาพโซเวียต”

ช่วงที่ “ม่านเหล็ก” สยายปีกครอบคลุมยุค 80 “โซเวียต” เคยสร้าง Akula “เรือดำน้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก”

ซึ่งนอกจากจะติดตั้งขีปนาวุธแล้ว ยังเป็น “เรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์” อีกด้วย

ในขณะที่อาวุธยุทโธปกรณ์ของ “รัสเซีย” ยุคใหม่ บางครั้งโลกภายนอกมิอาจรับรู้เรื่องราวได้ลึกนัก เนื่องจากคนส่วนใหญ่เสพสื่อตะวันตกเป็นหลัก

อย่างไรก็ดี ยังมีผู้ที่พยายามเสาะหาข้อมูล “กองทัพรัสเซีย” ออกมาตีแผ่อยู่เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผ่านการเผยแพร่ของทาง “รัสเซีย” เอง

นัยว่า เป็นการแสดงแสนยานุภาพทางการทหารผ่านสื่อ

ไม่ว่าจะเป็นระบบบอกพิกัด GLONASS (Global Navigation Satellite System) ที่สามารถระบุพิกัดทางการทหารได้อย่างแม่นยำ แม้จะใช้งานในเขตเมืองที่มีอาคารสูงใหญ่จำนวนมากบดบัง

S-400 Triumf ขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานสมรรถนะสูงรัศมีทำการ 400 กิโลเมตร ทันสมัยกว่า Patriot ของสหรัฐอเมริกา สามารถสกัดขีปนาวุธ และจรวดร่อนนำวิถีแบบกลางอากาศ พร้อมกับทำลายเครื่องบินรบ และ Drone

T-14 Armata รถถังเคลื่อนที่เร็วแห่งศตวรรษที่ 21 ติดตั้ง Active Protection System (APS) ประกอบด้วย Sensor และ Radar ค้นหา และป้องกันจรวดทำลายรถถัง มาพร้อมกับป้อมปืนใหญ่ลำกล้อง 125 ม.ม. และปืนกลเร็วอัตโนมัติขนาด 12.5 ม.ม.

Uran-9 รถถัง Drone ที่มาพร้อมป้อมปืนลำกล้อง 30 ม.ม. ยิงได้ 400 นัดต่อนาที ทำงานร่วมกับจรวดต่อต้านรถถังพิสัยไกล (4 กิโลเมตร) สามารถทำลายยานเกราะของข้าศึกในระยะยิงแม่นยำที่ 90%

RS-24 Yars (Topol-MR) ระบบขีปนาวุธข้ามทวีปพิสัยทำการ 12,000 กิโลเมตร ติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์ได้ 10 ตัวพร้อมกัน

Su-30 SM Flanker-C เครื่องบินขับไล่ไอพ่นความเร็วเหนือเสียง มาพร้อมกับ Radar ระยะตรวจจับ 400 กิโลเมตร มาพร้อมกับจรวดนำวิถีอากาศสู่พื้น และปืนใหญ่อากาศ 30 ม.ม.

Su-35 Flanker-E ติดตั้ง R-73 ระบบยิง Missile นำวิถีด้วย Infrared สามารถยิงได้จากทุกมุม มาพร้อมกับ Radar ระยะตรวจจับ 400 กิโลเมตร

Su-57 เครื่องบินขับไล่ 5.0 หลบเลี่ยงการตรวจจับของ Radar ได้ 100%

MiG-31 BM Foxhound เครื่องบินขับไล่สกัดกั้นครองอากาศใหญ่ที่สุดของ “รัสเซีย” ความเร็วเหนือเสียง 10 เท่า มาพร้อมกับ Radar ระยะตรวจจับ 400 กิโลเมตร ติดตั้งขีปนาวุธอากาศสู่พื้น รัศมีการยิง 2,000 กิโลเมตร

Helicopter โจมตีและลำเลียง Mil Mi-35 (Hind-E) รัศมีปฏิบัติการ 450 กิโลเมตร ติดตั้งปืนกล 23 ม.ม. 2 กระบอก มาพร้อม Missile ต่อต้านรถถัง และระบบเป้าลวง Missile ต่อต้านอากาศยาน

Helicopter โจมตี Kamov Ka-50 ติดตั้งปืนกล 30 ม.ม. สำหรับยิงทำลายยานเกราะ มาพร้อมมาพร้อม Missile ต่อต้านรถถัง และระบบเป้าลวง Missile ต่อต้านอากาศยาน นำวิถีด้วย Laser

Belgorod เรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ บรรทุกพาหนะใต้น้ำไร้คนขับ (Unmanned Underwater Vehicles หรือ UUV ติดตั้งขีปนาวุธ Poseidon 2M39 ความเร็ว 185 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พิสัยยิง 10,000 กิโลเมตร

Kh-47M2 Kinzhal (The Dagger) ระบบปล่อยจรวดนำวิถีพิสัยไกล Hypersonic เคลื่อนที่ในอากาศได้เร็วกว่าเสียง 10 เท่าของความเร็วเสียง สามารถทะลวงแนวป้องกันขีปนาวุธของข้าศึก และโจมตีเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Zircon ถึง SSC-8 หรือนวัตกรรม “อาวุธไร้เทียมทาน” ของ “รัสเซีย” ยุค 2022

 

Zircon คือขีปนาวุธพิสัยไกล Hypersonic เคลื่อนที่ในอากาศได้ “เร็วกว่าเสียง” 9 เท่า ที่อัตรา 4,600 Miles ต่อชั่วโมง พิสัยยิงไกลระยะ 1,000 กิโลเมตร

ติดตั้งได้ทั้งบนเรือรบ และเรือดำน้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สามารถโจมตีเป้าหมายได้ทั้งบนบก และกลางทะเล ทำลายเครื่องบิน และเรือรบได้ในพริบตา

Zircon ใช้นวัตกรรม Scramjet เพื่อสร้างแรงขับเคลื่อนจากการเผาไหม้ โดยบีบอัดอากาศจากชั้นบรรยากาศ ผสมกับเชื้อเพลิงบนตัวจรวด แทนการบรรทุกเชื้อเพลิง และ Oxidizers เหมือนกับจรวดทั่วไป

ส่งผลให้ Zircon มีน้ำหนักเบากว่าขีปนาวุธรุ่นก่อนๆ จึงทำให้มันสามารถพุ่งออกไปได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งนอกจากสมรรถนะ “ความเร็วเหนือเสียง” แล้ว ยังสามารถเดินทางรอบโลกได้ ถือเป็นอาวุธที่ยากต่อการติดตาม และสกัดกั้น

ชาติเดียวที่มีระบบป้องกัน และทำลาย Zircon ได้ก็คือ “รัสเซีย” เอง!

โดย “กองทัพรัสเซีย” ได้ทำการทดสอบยิงขีปนาวุธ Zircon จากเรือรบ Admiral Gorshkov ใน “ทะเลขาว” ซึ่งสามารถโจมตีเป้าหมายกลางทะเล Barents ที่อยู่ห่างออกไปไกลถึง 400 กิโลเมตรได้อย่างแม่นยำ

ทั้งนี้ ประธานาธิบดีรัสเซีย Vladimir Putin ได้กล่าวว่า Zircon เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งของโครงการ “อาวุธรุ่นใหม่” ของ “รัสเซีย” ที่นอกจากจะเป็นระบบอัตโนมัติแล้ว ยังหลบเลี่ยงเกราะป้องกันขีปนาวุธ และโจมตีที่ใดก็ได้ในโลก!

โดย Vladimir Putin ได้มีคำสั่งให้ “กองทัพเรือรัสเซีย” เร่งติดตั้งขีปนาวุธ Zircon ให้แล้วเสร็จในปีนี้!

และคาดว่า “กองทัพเรือรัสเซีย” จะติดตั้งขีปนาวุธ Zircon เข้ากับ “กองเรือดำน้ำ” ต่อไปในปีหน้า!

 

นอกจาก Zircon แล้ว “รัสเซีย” ยังมีขีปนาวุธข้ามทวีป Sarmat และขีปนาวุธร่อนพลังงานนิวเคลียร์ Burevestnik

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง SSC-8 ขีปนาวุธร่อนความเร็วเหนือเสียง-อานุภาพทำลายล้างสูง

พลอากาศเอก John Hyten ผู้บัญชาการหน่วยขีปนาวุธและอาวุธหัวรบนิวเคลียร์ของสหรัฐอเมริกา กล่าวยอมรับกับคณะกรรมาธิการการทหารของวุฒิสภาว่า การที่ “รัสเซีย” มีอาวุธดังกล่าวเข้าประจำการ จะทำให้สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป และ NATO ไม่สามารถที่จะป้องกัน SSC-8 ได้

“SSC-8 เป็นอันตรายทั้งต่อสหรัฐอเมริกา และสหภาพยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง NATO ซึ่งไม่สามารถที่จะป้องกัน SSC-8 ได้เลย” พลอากาศเอก John Hyten กระชุ่น

พลอากาศเอก John Hyten ระบุว่า การที่ “กองทัพเรือรัสเซีย” ได้ทำการทดสอบ SSC-8 ขีปนาวุธล่องหนพิสัยกลางมาแล้วหลายครั้งนั้น ทางการสหรัฐอเมริกาได้พยายามร้องเรียนว่า “รัสเซีย” ได้ทำการละเมิดพันธกรณีภายใต้สนธิสัญญา INF (Intermediate-Range Nuclear Forces Treaty 1987)

“กระทรวงต่างประเทศสหรัฐอเมริกาได้ข้อสรุปในรายงานการควบคุมอาวุธนิวเคลียร์พิสัยกลาง โดยแหล่งข่าวของกระทรวงต่างประเทศสหรัฐอเมริกาได้ให้ข้อมูลว่า รัสเซียมีการละเมิดพันธกรณีภายใต้สนธิสัญญา INF ในการจำกัดการสร้างอาวุธนิวเคลียร์ทุกประเภท ทั้งขีปนาวุธ และจรวดร่อนที่ติดตั้งกับยานพาหนะทางบก (Mobile Ground-Launched Cruise Missiles : GLCM)” พลอากาศเอก John Hyten กล่าว และว่า

SSC-8 น่ากลัวตรงที่สามารถยิงได้ไกลถึง 5,500 กิโลเมตร และสามารถติดหัวรบนิวเคลียร์ได้อีกด้วย พลอากาศเอก John Hyten สรุป

 

ท่ามกลางสถานการณ์ “รัสเซีย” บุก “ยูเครน” นอกจากการเปิดตัวอาวุธยุทโธปกรณ์อันทันสมัยเพื่อแสดงแสนยานุภาพของ “รัสเซีย” แล้ว

“รัสเซีย” ยังคำรามดุจ “หมีขาวยักษ์” ด้วยการประกาศความร่วมมือกับพันธมิตรหลายชาติที่อยู่ตรงข้ามกับสหรัฐอเมริกา อาทิ “อิหร่าน” และ “ปากีสถาน”

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความร่วมมือด้านอวกาศระหว่าง “รัสเซีย” กับ “จีน” ที่ท้าทายชาติตะวันตกเป็นอย่างมาก

ชี้ให้เห็นความร่วมมือด้านการทหารระหว่าง “จีน” กับ “รัสเซีย” ที่แน่นแฟ้นขึ้น ซึ่งจะช่วยให้ “กองทัพปลดปล่อยประชาชน” ของ “จีน” มีอำนาจระดับโลกในศตวรรษที่ 21

เพราะเป็นที่ทราบกันดี ว่า “ดาวเทียม” นั้นเป็นหนึ่งในยุทโธปกรณ์ที่มีความสำคัญทางอำนาจการทหารในศตวรรษที่ 21 นั่นเอง

แม้กระทั่ง “อินเดีย” ซึ่งเป็นชาติพันธมิตรของ “สหรัฐอเมริกา”

เห็นได้จากการที่ “รัสเซีย” ร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับ “อินเดีย” ในการพัฒนาระบบขีปนาวุธร่อน BrahMos มาตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 1990 แล้ว

ความสัมพันธ์นี้ได้สะท้อนให้เห็นถึงความซับซ้อนเชิงยุทธศาสตร์ในเวทีโลก หรือ “ภูมิรัฐศาสตร์ใหม่” ที่กำลังเปลี่ยนแปลง

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ระเบียบโลกใหม่” ที่อาจพลิกโฉมหน้าหลังสถานการณ์ “รัสเซีย” บุก “ยูเครน” จบลง

ซึ่งเราจะมาวิเคราะห์กันต่อในสัปดาห์หน้าครับ!