ราโชมอน กับกรณีแตงโม / เครื่องเคียงข้างจอ : วัชระ แวววุฒินันท์

วัชระ แวววุฒินันท์

เครื่องเคียงข้างจอ

วัชระ แวววุฒินันท์

 

ราโชมอน กับกรณีแตงโม

 

ช่วงนี้คงไม่มีข่าวไหนดึงความสนใจของคนไทยไปได้มากกว่าข่าว “การเสียชีวิตของแตงโม นิดา” แล้ว ถ้าผมเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศยูเครน คงแอบนึกน้อยใจไม่ได้ว่า คนไทยให้ความสนใจกับเรื่องดังกล่าวมากกว่าเรื่องของตูเสียอีก

สำหรับเรื่องของแตงโมนั้น ที่เป็นกระแสข่าวดังจนคนติดตามเหมือนติดซีรีส์ดังๆ เลยทีเดียว ก็เพราะมีเรื่องที่ชวนให้ “เอ๊ะ” เกิดขึ้น พอสงสัยคนก็เลยยิ่งอยากรู้คำตอบ ดังที่ปรากฏว่ามีนักสืบโซเชียลเกิดขึ้นในการนี้มากมาย จนแทบจะมีข่าวความเคลื่อนไหวทุกชั่วโมงเลยก็ว่าได้

ยิ่งเป็นเช่นนี้ก็เหมือนเติมฟืนใส่กองไฟให้ลุกโชนขึ้น และไฟนี้ก็สามารถทำให้มือไหม้ได้หากใครเข้าไปใกล้โดยไม่ระวัง

ดังจะเห็นจากผลลัพธ์ที่ออกมาตามหน้าข่าวนั่นเอง เรียกว่าบางคนนั้นไหม้เกรียมไปทั้งตัวทีเดียว

 

บางคนบอกว่ากรณีของแตงโมนี้ เปรียบได้กับเรื่อง “ราโชมอน” ที่นำมาจากหนังสือมาสร้างเป็นหนัง โดยฝีมือของผู้กำกับฯ ระดับตำนานของญี่ปุ่นคือ “อากิระ คุโรซาวา” เมื่อ 70 กว่าปีก่อน และต่อมาก็ได้มีการแปลเป็นภาษาไทยโดย ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช และได้มีการนำมาแสดงเป็นละครเวทีหลายครั้ง

รวมทั้งได้มีการสร้างเป็นภาพยนตร์ในชื่อ “อุโมงค์ผาเมือง” โดย หม่อมหลวงพันธุ์เทวนพ เทวกุล อีกด้วย

ที่บอกว่าเปรียบได้กับราโชมอนนั้น เพราะมีคนเสียชีวิต มีคนร่วมเหตุการณ์ และเมื่อมีการสอบสวน ก็มีการให้ปากคำจากมุมมองของตนเอง ซึ่งไม่มีใครรู้ดีกว่าตัวเองว่าที่พูดออกมานั้นจริงเท็จแค่ไหน

ซึ่งในราโชมอน ก็เป็นเช่นนั้นที่มีบทสรุปว่า

“มนุษย์ไม่อาจซื่อสัตย์ต่อตนเอง เมื่อพูดถึงเรื่องของตนเอง ไม่มีใครพูดถึงตนเองโดยปราศจากการเติมแต่งให้ดูดี”

 

“ราโชมอน” เป็นชื่อของประตูเมืองเก่าแก่ในเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น เรื่องราวฆาตกรรมนั้นเกิดขึ้นโดยมีตัวละครร่วมเหตุการณ์ 3 ตัวคือ ซามูไร ภรรยาซามูไร และโจรป่า

เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อ ซามูไรเดินทางมากับภรรยาผ่านป่าใหญ่ และได้เจอกับโจรป่า และในที่สุดซามูไรถูกฆ่าตาย

ปริศนาจึงเกิดขึ้นว่า “ใครเป็นคนฆ่าซามูไร หรือซามูไรตายอย่างไร”

เรื่องเล่าผ่านการสนทนากันของบุคคลสามคนคือ พระ คนตัดฟืน และคนทำช้อง (ทำวิกผม) ที่มาเจอกันที่ประตูราโชมอนแห่งนี้ ทั้งสามพากันพูดถึงเรื่องนี้จากที่ได้พบเห็นมาผ่านมุมมองของตนเองด้วย โดยผู้อ่านหรือผู้ชมจะปะติดปะต่อเรื่องจากการให้ปากคำผ่านการสอบสวนของเจ้าเมือง ซึ่งจากปากคำนั้นได้สร้างความกังขาให้กับผู้ไต่สวนมาก

เพราะทุกคนกล่าวอ้างว่า ตนเป็นผู้ฆ่าซามูไร…แปลกดีไหมล่ะ

โจรป่าให้ปากคำว่า ตนมองเห็นซามูไรมากับภรรยาซึ่งมีความงามต้องใจ จึงอยากได้นางเป็นของตน โจรจับซามูไรมัดไว้ และลงมือข่มขืนภรรยาที่โจรกล่าวอ้างว่านางนั้นสมยอมโดยดี สร้างความเจ็บแค้นให้ซามูไรมาก จึงเกิดการดวลดาบกันขึ้นระหว่างโจรร้ายที่ป่าเถื่อนกับซามูไรผู้มากด้วยศักดิ์ศรี

สุดท้ายโจรก็สังหารซามูไรลงได้…นี่คือคำให้การของหนึ่งผู้รอดชีวิตที่อยู่ในเหตุการณ์

อีกปากคำหนึ่งของผู้รอดชีวิตเช่นกันคือ ภรรยาซามูไร นางให้ปากคำว่านางไม่ได้สมยอมตอนที่ถูกข่มขืน แต่เมื่อมองเห็นสายตาของซามูไรผู้สามีที่มองอย่างเหยียดหยาม ไร้เยื่อใย จึงเกิดความเสียใจแสนสาหัส จึงยื่นกริชให้สามีสังหารตนเสีย แต่ตนเป็นลมหมดสติไป เมื่อฟื้นขึ้นมาก็เห็นร่างสามีนอนตายเพราะกริชนั้นอยู่ข้างๆ ตน และนางก็รับว่า นางนั้นเป็นผู้สังหารสามีเสียเอง

ส่วนซามูไร แม้จะตายไปแล้วก็ได้มีการเชิญวิญญาณมาให้ปากคำผ่านร่างทรง ซามูไรให้การว่า ตนมิอาจทนเห็นภรรยาที่นอกใจตนได้ นอกจากจะสมยอมจากการถูกข่มขืนแล้ว นางยังจะหนีไปกับโจรป่านั่นอีก นั่นเป็นการทำลายศักดิ์ศรีลูกผู้ชายที่เป็นถึงซามูไรอย่างเขาอย่างน่าอดสูใจยิ่ง

และเพื่อเป็นการรักษาศักดิ์ศรีของตน ซามูไรจึงเป็นผู้จบชีวิตตนเองลง

เอาล่ะสิ วุ่นวายขายปลาช่อนกันใหญ่ ไม่รู้เลยว่า “ความจริง” คืออะไรกันแน่ และเรื่องราโชมอนนี้ก็จบลงแบบที่ไม่ได้มีข้อสรุปอันใดให้ชัดเจน ทิ้งให้ผู้คนได้เก็บไปถกคิดกันไปเองตามความเห็นและประสบการณ์ของตนเอง

 

ลองมาคิดเล่นๆ ว่า หากกรณี “ราโชมอน” เกิดขึ้นตอนนี้ น่าจะมีอะไรสนุกๆ เกิดขึ้นตามมาบ้างตามประสาสังคมนิยมเสพดราม่าของไทย

อันดับแรกเลย คงต้องหาว่าใครเป็นผู้แจ้งตำรวจ เอ๊ย แจ้งเหตุฆาตกรรมนี้กับบ้านเมือง เป็นไปได้ไหมที่อาสาสมัครของมูลนิธิใดๆ จะไปถึงก่อนตำรวจ เพราะเครือข่ายของคนทำงานอาสาเหล่านี้มักหูตาไวเสมอ

แต่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกลางป่าไม่ใช่อยู่ริมแม่น้ำ คงไม่ง่ายที่อาสาสมัครไปถึงที่เกิดเหตุในเวลาอันรวดเร็วได้ ถึงกระนั้นก็นับว่าเร็วพอประมาณ แต่ก็อาจจะยังไม่ถูกใจใครบางคนที่ก่นด่าว่า “มาช้ามากกกกกก”

น่าแปลกใจที่อาสาสมัครไปถึง กลับไม่เจอใครเลย เหลือแต่เพียงศพของซามูไรนอนจมกองเลือดอยู่เดียวดาย มาสืบรู้ในภายหลังว่า โจรป่าและภรรยาซามูไรตกใจ ต่างพากันหนีไปตั้งหลักก่อน เพื่อจะหารือกันว่าจะให้ปากคำอย่างไรดีที่ตัวเองจะรอด

แต่คงเถียงกันไปมาไม่ลงตัว สุดท้ายเลยคิดว่าเอาตัวเองรอดในภาพลักษณ์ที่ดีดีกว่า เลยบอกว่าตนเองเป็นผู้สังหารซามูไร เพื่อให้คนอื่นไม่อาจรับรู้เหตุผลที่แท้จริงของตัวเองที่ออกมาเป็นผลลบได้

มีการถามหากล้องวงจรปิดด้วย แต่ทุกคนก็บอกว่ากลางป่าอย่างนั้นจะไปหากล้องวงจรปิดมาจากที่ไหนกัน ถึงแม้จะมีกล้องอยู่จริง แต่ก็มักจะเสียขึ้นมาพอดี เหมือนที่ปรากฏในข่าวให้เราได้ยินได้ฟังกันบ่อยๆ เป็นอันว่าเรื่องกล้องวงจรปิดจบไป

ทีนี้ก็มีการเข้ามาร่วมสังฆกรรมของครอบครัว ญาติมิตร เพื่อนฝูงของทั้งซามูไร ภรรยาซามูไร และโจรป่า

ญาติของซามูไรก็เป็นเดือดเป็นแค้นว่าต้องหาคนทำผิดมารับผิดชอบให้ได้ ในขณะเดียวกันก็พุ่งเป้าโจมตีไปที่ภรรยาของซามูไรในฐานะคนใกล้ชิดและร่วมในเหตุการณ์

แม้ภรรยาจะบอกว่า ตนเองเป็นผู้สังหารสามีเสียเอง แต่ทุกคนก็ไม่เชื่อ พร้อมกลับไปขุดคุ้ยหาหลักฐานต่างๆ ที่เป็นคลิปในอดีตมาประกอบความคิดเห็นของตนเอง

ว่าแล้วโลกก็ได้รับรู้ว่าใครเป็นใคร มีอดีตความเป็นมาอย่างไรในเวลาอัน รวดเร็ว เร็วยิ่งกว่าจรวดทำลายล้างของรัสเซียที่ยิงไปยังยูเครนเสียอีก

 

เรื่องแตงโม นิดา นี้ ถ้าเป็นซีรีส์ก็ต้องบอกว่าโคตรหักมุม ชนิดที่คนดูกำลังจะไปนอนแล้ว ต้องยอมอดนอนเพื่อดูต่อให้มันรู้เรื่องกันไป งั้นนอนไม่หลับ

สุดท้ายความจริงก็คือความจริง ขึ้นอยู่กับว่าเป็นความจริงของใคร

แม้แต่คนที่ทำให้ความจริงนั้นปรากฏขึ้นมา ก็ยังไม่สามารถแน่ใจได้เลยว่า นั้นเป็นความจริงที่ถูกต้อง…จริงๆ

 

ขออาลัยต่อดวงวิญญาณของแตงโม นิดา ด้วย ไม่ว่าสุดท้ายผลจะออกมาอย่างไร แตงโมก็ได้จากไปแล้วจริงๆ แต่สิ่งที่แตงโมทิ้งไว้ให้ก็คือบทเรียนให้กับสังคมชิ้นใหญ่ที่เราควรศึกษาและจดจำไว้ว่า

“มนุษย์ไม่อาจซื่อสัตย์ต่อตนเอง เมื่อพูดถึงเรื่องของตนเอง ไม่มีใครพูดถึงตนเองโดยปราศจากการเติมแต่งให้ดูดี” •

 

…………………………….

อ่านเพิ่มเติม :

‘ข่าวแตงโม’ / ของดีมีอยู่ : ปราปต์ บุนปาน
https://www.matichonweekly.com/?p=528954&preview=true