ถวิล ไพรสณฑ์ ในวัย 84 ปี มีฝันอะไร และทำไมต้องมาอยู่พรรคก้าวไกล?/รายงานพิเศษ

รายงานพิเศษ

 

ถวิล ไพรสณฑ์ ในวัย 84 ปี

มีฝันอะไร

และทำไมต้องมาอยู่พรรคก้าวไกล?

 

ถวิล ไพรสณฑ์ อดีต ส.ส.หลายสมัย เปิดใจสาเหตุที่โบกมือลาประชาธิปัตย์มาสมัครสมาชิกพรรคก้าวไกลตลอดชีพว่า ตัวเองในอดีตเคยเป็นผู้อำนวยการเขตบางขุนเทียน หลังจากได้ลาออกจากราชการ (ณ ขณะนั้นระดับซี 10 แล้ว) ก็มาลงสมัครรับเลือกตั้งในเขตนั้น จนต่อมาก็ได้รับเลือกตั้ง 5 สมัย

ด้วยความที่เป็นคนที่มีพรรคพวกมาก คบหากันยาวนาน 30-40 ปี ดังนั้น ช่วงที่พอมีเวลาว่าง ก็เลยมีโอกาสไปนั่งคุยกับเพื่อนฝูงที่ประจำในพื้นที่ตรงนั้น

จนกระทั่งมีอยู่วันหนึ่ง ส.ส.กาย ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ของพรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นผู้แทนฯ อยู่ในพื้นที่ตรงนี้ ไปตรงจุดที่ผมพบปะพูดคุยเพื่อนฝูงด้วย จึงได้มีการพูดคุยกันอย่างสนุก

แล้วด้วยความที่ ส.ส.ณัฐชา เขาเองเป็นคนปักษ์ใต้เหมือนกันเลยคุยกันถูกคอพอสมควร

ประกอบกับผมเองพอได้อ่านนโยบายของพรรคอนาคตใหม่ (เดิม) ก่อนมาเป็นพรรคก้าวไกล เราก็เห็นนโยบายหนึ่ง คือเขาชูธงเรื่องการกระจายอำนาจที่ชัดเจน รวมถึงสนามการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นครั้งหลังสุดที่ผ่านมาทางคณะก้าวหน้าได้ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งในระดับท้องถิ่นจำนวนมาก ก็เห็นว่าเขาอยากจะมุ่งเน้นเรื่องทำให้ท้องถิ่นเป็นสมัยใหม่

ผมก็เฝ้าติดตามดูจนเห็นว่า คณะก้าวหน้าได้ประกาศชัดเจนว่าจะใช้วิธีทำงานแบบใหม่ ไม่มุ่งเน้นว่ามีงบฯ แล้วจะทำถนนหนทาง แต่จะมุ่งเน้นสร้างเศรษฐกิจของคนในท้องถิ่น

ผมเห็นว่าอันนี้มันเป็นสิ่งที่ถูกต้อง การบริหารท้องถิ่นต้องเน้นการเป็นอยู่ของประชาชนเป็นสำคัญ ผมก็พอใจกับชุดนโยบายหลายอย่างของเขา

พอผมได้คุยกับ ส.ส.กายเสร็จ ผมก็เข้าใจว่าเขาคงได้ไปพูดคุยกับปิยบุตร แสงกนกกุล จนกระทั่งมีการนัดว่าอยากจะคุยกับผม ว่าเขาอยากจะทำโครงการให้ความรู้กับผู้สมัครท้องถิ่น โดยให้ตัวผมที่ทำงานด้านนี้มานานมาช่วยบรรยายและแนะนำหลักสูตรว่าควรจะต้องทำอย่างไร

ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่ผมชอบมาก จากประสบการณ์ที่เรามีทั้งในและต่างประเทศซึ่งเราเองไปดูงานบ่อยมาก เราได้เห็นการปกครองท้องถิ่นรอบโลกแล้วก็เลยรับปากว่ายินดีที่จะไปช่วยบรรยายให้

ต้องเข้าใจก่อนว่า คนที่จะลงสมัครในท้องถิ่นหากไม่รู้เรื่องกฎหมาย ไม่เข้าใจระเบียบในท้องถิ่นว่าเป็นอย่างไร การทำงานและนโยบายที่เป็นประโยชน์กับประชาชนจะเกิดความสำเร็จได้ยาก

ปัจจุบันหากเราดูหลายประเทศที่เจริญแล้ว องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเขามีความเข้มแข็งอย่างมาก สังเกตดูหลายประเทศมีผู้ว่าราชการจังหวัดที่มาจากการเลือกตั้ง แถบยุโรปเองก็เน้นหนักไปที่ส่วนท้องถิ่นเป็นพิเศษ

แต่บ้านเราที่ผ่านมาชัดเจนว่าภาพของรัฐบาลที่ผ่านมาทุกยุคทุกสมัย จะเห็นว่าใครมาจากไหนไม่รู้ เป็น ส.ส.สมัยเดียวก็เป็นรัฐมนตรีแล้ว ในการบริหารงานก็ต้องอยู่ภายใต้คอนโทรลของข้าราชการหมด เพราะเขาไม่รู้ไม่เข้าใจระบบราชการเป็นอย่างไร นี่คือจุดอ่อนของการเมืองไทย

เพราะถ้ามีการผ่านเวทีท้องถิ่นที่เป็นเวทีสำคัญ ก่อนพัฒนามาสู่การเล่นการเมืองระดับชาติ และก้าวไปเป็นรัฐมนตรี เขาจะบริหารได้ดี ผู้บริหารหลายประเทศเขาผ่านตั้งแต่ระดับท้องถิ่นมาก่อนทั้งสิ้น

ของเรากลายเป็นว่าใครก็ได้มีกำลังพอเป็นรัฐมนตรีได้ สิ่งเหล่านี้มันเป็นเรื่องที่เสียหายมากเพราะคุณเข้าไปแล้วคุณก็จะทำอะไรในเชิงบริหารที่ดีไม่ได้

และเมืองไทยเราเป็นเมืองแห่งการรวมศูนย์อำนาจ

นี่คืออุปสรรคของการพัฒนาระบอบประชาธิปไตย ทุกอย่างถูกควบคุมโดยระบบราชการ สิ่งเหล่านี้ต้องปรับปรุงแก้ไข ถ้ายังมีสภาพเป็นอย่างนี้ การพัฒนาก็จะทำได้ลำบาก

อุปสรรคสำคัญที่ท้องถิ่นพัฒนาไม่ได้ยังคงติดที่ราชการของเรา เพราะถ้าเรายิ่งกระจายอำนาจมากเท่าไหร่ ส่วนกลางก็จะยิ่งถูกลดความสำคัญมากขึ้นเท่านั้น ประเทศอื่นเขาเจริญได้เร็วเพราะเขากระจายอำนาจ สิ่งที่ต้องทำในบ้านเราจากนี้ไป ต้องเร่งเครื่องทำพร้อมกันหลายๆ อย่าง

เช่น ถ้าจะให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด ข้าราชการท้องถิ่นเรามีน้อยมากเมื่อเทียบส่วนกลาง แต่อย่างในญี่ปุ่นเขาจะกลับหัวกลับหาง เขาจะเน้นหนักในท้องถิ่นมากกว่า

 

สําหรับการตัดสินใจลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ ถวิล ไพรสณฑ์ รับว่าเป็นการตัดสินใจที่ยาก ในความเป็นจริงช่วงที่ผมไม่ได้เป็น ส.ส.เพราะผมเองอยู่ในบัญชีรายชื่อ แล้วตั้งแต่หลังปีเลือกตั้ง 2562 เป็นต้นมาผมก็นั่งทำงานให้พรรคเสมอ ผมเป็นประธานคณะกรรมการกฎหมายของพรรค เป็นรองประธานกรรมการคณะกระจายอำนาจของพรรค เวลาพรรคมีเรื่องอะไรในทางกฎหมาย ทางหัวหน้าพรรค ทีมพรรคก็จะส่งมาให้ผมร่วมกันพิจารณา

เช่น การร่างกฎหมายแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทุกอย่างก็ตั้งต้นที่เราก่อน เราก็ทำไป แต่ว่าผมเสียดายว่าเรื่องของการกระจายอำนาจที่เป็นอุดมการณ์หนึ่งของพรรคประชาธิปัตย์ 1 ใน 10 ข้อของอุดมการณ์ตั้งแต่ก่อตั้งพรรค หลังเลือกตั้งมา เรื่องนี้ถูกลดความสำคัญลงไป

อย่างเช่น การจัดทำกฎหมายพิเศษเรื่องแม่สอด ผมร่างกฎหมายเตรียมข้อมูลเรียบร้อย หาข้อมูลทั้งจังหวัด เทศบาล ว่าจะตั้งเป็นมหานครแม่สอด ทำให้เหมือนพัทยา

ปรากฏว่าเสนอไปให้ที่ประชุม ส.ส.ของพรรคพิจารณา กลายเป็นว่าเรื่องก็เงียบหายไป ก็ไม่ทราบว่าหายไปไหน ไม่ได้ถูกเสนอเข้าไป และช่วงหลังเองก็ไม่ได้มีเรื่องที่ ส.ส.หรือฝ่ายบริหารสั่งการมาให้ ผมก็ได้ช่วยเพียงเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ผมเองก็ไปพรรคเป็นประจำเกือบทุกวัน ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา กลายเป็นว่าช่วงที่ผ่านมาผลงานที่ผมตั้งใจทำมันไม่มีออกมาเลย ก็น่าเห็นใจ พอพรรคไปร่วมรัฐบาลและมี ส.ส.ส่วนหนึ่งเป็นรุ่นใหม่ รุ่นเก่าก็ติดภารกิจมากมาย

เลยไม่ได้ทำเรื่องนี้ต่อ

 

ถวิลบอกว่า เมื่อพอมารู้เรื่องที่พรรคก้าวไกลจะทำเรื่องนี้จริงจัง แล้วคุณณัฐชามาชวน ผมก็สนใจมากทีเดียว โดยที่ผมไม่ได้ไปเสนอตัวเองก่อน ก็แค่มานั่งคุยกันเฉยๆ

ยืนยันอีกครั้งว่าผมกับพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้มีอะไรกัน ไม่มีเรื่องติดค้างกัน ตอนผมอยู่พรรคก็ไม่มีใครไม่ชอบผมเพราะผมไม่ได้มีปัญหาอะไรกับใคร ผมว่างผมก็ไปที่พรรคตลอด เราผูกพันมาตั้งแต่ พ.ศ.2525 และผมเองเป็นคนที่จัดระบบหลายอย่างให้พรรค เช่น ร่างข้อบังคับเรื่องการบริหารภายในพรรค ในสำนักงานเลขาธิการ ข้อบังคับที่ใช้อยู่ผมก็เป็นคนร่างเกือบทุกฉบับ มีการจัดระบบเงินเดือนระบบต่างๆ ภายใน ผมก็ทำ

พูดได้ว่าผมไม่มีปัญหานอกจากเรื่องที่เคยมีในอดีต คือกลุ่ม 10 มกรา มาวันนี้ผมคิดว่าผมอยู่ตรงนี้ผมจะได้ทำเรื่องที่ผมถนัดมากกว่าเพื่อให้มีผลในทางปฏิบัติ ก็คิดไว้แล้วว่าจะทำอะไรบ้างหลังจากนี้

พร้อมยืนยันว่าผมก็ไม่ได้มีปัญหากับการทำงานร่วมกับคนรุ่นใหม่ เพราะผมเองเปิดกว้าง และผมก็มีหัวคิดที่ก้าวหน้าและทันสมัยอยู่แล้ว

สำหรับความฝันที่ผมคิดเอาไว้ แม้ยังคงเป็นจริงไม่ได้ ในการเลือกตั้งต่อไปก็คงจะไม่เกิดขึ้น การเมืองยังคงเข้ารูปรอยเดิม อย่างที่ผมพูดไปว่าการเมืองเราไม่มีพื้นฐาน บางคนได้รับเลือกตั้งมาด้วยอะไรก็ไม่ทราบ ผมดูแล้วค่อนข้างยากว่า ในห้วงนี้จะเกิดความเปลี่ยนแปลงชัดเจน ตราบใดที่ท้องถิ่นยังไม่เข้มแข็ง

แต่เราต้องทำให้พวกเขาเข้มแข็งให้ได้ เราต้องลดอำนาจรัฐ เพิ่มอำนาจประชาชน โดยการทำเรื่องท้องถิ่น สิ่งเหล่านี้จะช่วยแก้ปัญหาการเมืองระดับชาติได้ ไม่เช่นนั้นไม่มีหนทางอื่นอีกแล้ว ปัญหามันจะหนักขึ้นกว่าเดิม

อย่างความวุ่นวายในสภาที่เกิดขึ้นไม่ใช่ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับความเดือดร้อนของประชาชนเลย มันเป็นปัญหาของอะไรกับอะไรก็รู้กันอยู่

ผมเสียดายว่า คนที่เป็นนักการเมืองต้องรู้ตัวว่าทำอย่างนี้ไม่ได้ คุณต้องมองปัญหาของประชาชน ไม่ใช่ปากพูดแต่ว่าจะทำเพื่อประชาชน พูดเท่าไหร่มันก็ไม่ใช่เรื่องจริง คุณต้องทำจริงๆ ไม่ใช่พูดแต่ปาก

อย่างไรก็ตาม ผมรู้สึกดีใจมากที่วันนี้เห็นคนรุ่นใหม่เข้ามาสู่เวทีต่างๆ มากขึ้นเพราะประเทศชาติเป็นของเขา ในอนาคตต้องให้เขามีความเป็นอิสระในการแสดงความคิดเห็น และเขาเองก็ต้องเรียนรู้ว่า หนทางที่จะเดินนั้นจะต้องทำอย่างไรให้ประสบความสำเร็จ ให้คนส่วนใหญ่ยอมรับได้

ผมเชื่อว่าการที่เกิดปรากฏการณ์อย่างนี้ขึ้น ทำให้มองเห็นโอกาสของประเทศเราแล้ว ไม่ใช่ว่าอำนาจจะอยู่ที่กลุ่มหนึ่งกลุ่มใดอีกต่อไป

ชมคลิป