ตั้งคำถาม ‘ผู้นำ’ ฟังความข้างเดียว… สั่งสอบ ‘สาธิต มธ.’ บิดเบือนประวัติศาสตร์!! / การศึกษา

การศึกษา

 

ตั้งคำถาม ‘ผู้นำ’ ฟังความข้างเดียว…

สั่งสอบ ‘สาธิต มธ.’

บิดเบือนประวัติศาสตร์!!

 

กลายเป็นประเด็นร้อนแรงทันทีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนที่ทำเนียบรัฐบาล ว่ากำลังให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดูกรณีมีข้อห่วงใย “หลักสูตร” ของ “โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.)” เพราะอาจ “บิดเบือน” ประวัติศาสตร์ และสถาบัน

ทำเอา “งานเข้า” โรงเรียนสาธิต มธ.แทบจะในทันที…

แม้จะยังไม่ทราบถึงสาเหตุ หรือที่มาที่ไป ที่ดลใจให้นายกฯ เปรยเสียงดังๆ ไปยังโรงเรียนสาธิต มธ. เบื้องต้นทางโรงเรียนได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงในประเด็นหลักๆ โดยย้ำว่าโรงเรียนให้ความสำคัญกับการเคารพความหลากหลายทางความคิด และมุมมอง โดยร่วมกับผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้เชี่ยวชาญหลายสาขาอาชีพ พัฒนาหลักสูตรที่ช่วยเตรียมความพร้อมให้เยาวชนเป็นพลเมืองไทย และพลเมืองโลก ที่พร้อมใช้วิจารณญาณในการเผชิญความเปลี่ยนแปลงอย่างเท่าทัน

โดยโรงเรียนมีเป้าหมายบ่มเพาะเยาวชนให้มีจิตสำนึกเป็นพลเมืองเข้มแข็ง เป็นพลเมืองโลกที่ยึดโยงกับบริบทสังคมไทย รู้จักคิด วิเคราะห์ สร้างสรรค์ มีภาวะผู้นำ

พร้อมตบท้ายว่า โรงเรียนตระหนักดีว่าการบุกเบิก สร้างการเปลี่ยนแปลง เป็นเรื่องต้องอาศัยระยะเวลา มีข้อจำกัดมากมายในการสร้างการรับรู้ และความเข้าใจ โรงเรียนหวังว่าเจตนารมณ์ในการสร้าง และพัฒนาการศึกษาของโรงเรียน จะช่วยยกระดับคุณภาพการศึกษาของประเทศ

 

หลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล อดีตรองอธิการบดีฝ่ายความยั่งยืนและบริหารศูนย์รังสิต มธ.ศูนย์รังสิต ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กชื่อ Prinya Thaewanarumitkul เพื่อสื่อสารไปถึง “ผู้นำประเทศ” โดยตรง…

โดยอธิบายถึง “ปัญหา” หลักของการศึกษาของไทย ที่สอนให้ท่องจำ และทำตามคำสั่งอาจารย์ โดยไม่ต้องใช้ความคิดมากมาย ซึ่งเป็น “การศึกษาแบบอำนาจนิยม” ที่นอกจากจะไม่อาจทำให้ไทยเกิดกำลังทางความคิด และสติปัญญา ก็ไม่อาจพาประเทศไทยไปไหนได้ แล้วยังเป็นการศึกษาที่ไม่ส่งเสริมประชาธิปไตย เพราะเป็นการศึกษาแบบสอนให้คนเชื่อฟังผู้มีอำนาจ แม้ว่าอำนาจนั้นจะได้มาโดยมิชอบ การปฏิวัติรัฐประหารถึงยังไม่หมดไป และประชาธิปไตยที่ตั้งอยู่บนหลักการความเสมอภาคเท่าเทียม และสิทธิเสรีภาพที่รับผิดชอบต่อส่วนรวม จึงไม่ประสบความสำเร็จในประเทศไทยเสียที

ขณะที่โรงเรียนสาธิต มธ.ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อ “สาธิต” การศึกษาแบบให้นักเรียน “คิด” และมีวินัยแบบ “รับผิดชอบ” ทั้งต่อคนเอง ต่อคนอื่น และต่อส่วนรวม เป็นการศึกษาเพื่อสร้างสติปัญญา ไม่ได้สอนให้ทำตามสั่ง จึงย่อมแตกต่างไปจากการศึกษาแบบที่นายกฯ เคยได้รับการศึกษามา จึงพอเข้าใจได้ว่าทำไมนายกฯ จึงไม่เข้าใจ แต่ที่ “ไม่เข้าใจ” เลยคือนายกฯ ไปฟังมาจากไหน หรือไปอ่านเฟซบุ๊กใครมา มากล่าวหาว่าโรงเรียนสาธิต มธ.บิดเบือนประวัติศาสตร์ และสถาบัน ทั้งๆ ที่แค่สอนให้คิด ให้ตั้งคำถาม และให้มีวินัยแบบคิดเอง และรับผิดชอบต่อส่วนรวม

พร้อมทั้งระบุว่า นายกฯ ยังไม่ได้ตรวจสอบอะไรเลย ก็พูดผิดๆ ไปแล้ว เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีอย่างยิ่งต่อเยาวชน จะว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ไม่ได้เพราะเป็นถึงนายกฯ โปรดตรวจสอบข้อมูลก่อนจะพูด…

เรียกว่า ส่งสารถึงผู้นำประเทศแบบตรงๆ ไม่มีอ้อมค้อม ให้ต้องตีความ!!

 

ขณะที่นายอนุชาติ พวงสำลี ประธานบริหารโรงเรียนสาธิต มธ.ออกมาย้ำจุดยืนของโรงเรียนแทบจะในทันที ว่าโรงเรียนไม่ได้บิดเบือนประวัติศาสตร์ใดๆ เพราะใช้ตำราของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) แต่โรงเรียนจะให้นักเรียนอ่านหนังสือหลากหลาย เลือกอ่านตำรา และเอกสารอื่นๆ ได้ ไม่ยึดติดการเรียนการสอนเฉพาะสำนักคิดใดสำนักคิดหนึ่ง เด็กต้องเรียนทุกสำนักคิดที่หลากหลาย เพื่อจะสร้างเด็กให้มีวุฒิภาวะ โดยจะเชิญผู้ทรงคุณวุฒิ อาจารย์พิเศษ ปราชญ์ชาวบ้าน มาแลกเปลี่ยนวิธีคิด และจัดการเรียนการสอน

แต่ที่น่าจะเป็น “ประเด็น” และทำให้ พล.อ.ประยุทธ์สั่งตรวจสอบหลักสูตรของโรงเรียนสาธิต มธ.น่าจะมาจากเรื่องที่เชิญ “ศ.ดร.ธงชัย วินิจจะกูล” นักประวัติศาสตร์ ซึ่งถูกมองว่าเป็น “นักวิชาการเสื้อแดง” มาแลกเปลี่ยนแนวคิดกับนักเรียน เนื่องจากนายอนุชาได้โพสต์ขอบคุณ ศ.ดร.ธงชัยบนเฟซบุ๊กส่วนตัว

นายอนุชาชี้แจงว่า ได้เชิญ ศ.ดร.ธงชัยมาเสนอกรอบเนื้อหา และแนวทางการจัดการเรียนการสอนวิชาประวัติศาสตร์ เพราะเป็นนักวิชาการที่มีชื่อเสียง และเขียนตำรามากมาย รวมทั้งให้ ศ.ดร.ธงชัยช่วยคิดว่าจะทำอย่างไรให้เด็กเรียนประวัติศาสตร์แล้วสนุก เรียนแล้วคิด วิเคราะห์ได้ รักที่จะอ่านหนังสือ และค้นคว้าต่อ

พร้อมกับย้ำว่า ศ.ดร.ธงชัยเน้นอย่างมากว่าโรงเรียนไม่ควรทิ้งเนื้อหาประวัติศาสตร์สำนักใดสำนักหนึ่ง โดยมีจุดมุ่งหมายในการสอน คือทำอย่างไรให้เด็กเกิดความใคร่รู้

แต่เมื่อมีภาพข่าวเผยแพร่ออกไป กลับกลายเป็นว่าโรงเรียนสาธิต มธ.นำนักวิชาการเสื้อแดง มา “ล้างสมอง” นักเรียน!!

โดยประธานบริหารโรงเรียนสาธิต มธ.ยืนยันว่า การเชิญนักวิชาการ หรือปราชญ์ชาวบ้าน เพื่อให้ความรู้ แลกเปลี่ยนความคิดในการจัดการเรียนการสอนเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับวิธีคิดทางการเมืองของตัวบุคคล เพราะเป็นปรัชญาของโรงเรียนสาธิต มธ.คือ ร่วมสร้างสังคมแห่งการเคารพ และเรียนรู้ร่วมกัน

สำหรับผลที่ได้จากแนวปฏิบัตินี้ นายอนุชาระบุว่า นักเรียนเคารพความแตกต่างหลากหลาย ไม่ตัดสินคนด้วยวิธีคิดทางการเมือง และไม่ตัดสินคนจากความเชื่อ ซึ่งเป็นหน้าที่สำคัญของสถาบันการศึกษา ที่จะแยกสถาบันการศึกษา และการเมืองให้ออกจากกัน

สอนให้เด็กเคารพความแตกต่างระหว่างกัน!!

 

แม้ พล.อ.ประยุทธ์จะออกมาแก้เกี้ยวภายหลังประธานบริหารโรงเรียนสาธิต มธ.แจกแจงข้อสงสัยในประเด็นต่างๆ ว่าการตรวจสอบเป็นเรื่องของหน่วยงานที่ต้องตรวจสอบว่ามีการเรียนการสอนอย่างไร ไม่ใช่บังคับ…

เมื่อมีข่าว ก็ให้ไปตรวจสอบเท่านั้นเอง!!

ขณะที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัติกรรม (อว.) นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ ในฐานะที่กำกับดูแล ได้สอบถามผู้บริหารโรงเรียนสาธิต มธ. และได้รับคำยืนยันว่าไม่ได้บิดเบือน หรือล้างสมอง ขณะเดียวกันก็ยืนยันว่านายกฯ ไม่ได้มีเจตนาไม่ดี เพียงแต่รับฟังเสียงสะท้อนมาจากผู้ปกครอง จึงให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปดู

อย่างไรก็ตาม ศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับ นักวิชาการด้านการศึกษา มองกรณีนี้ทำให้เห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ซึ่งเป็นผู้นำประเทศ ฟังข้อมูลด้านเดียวแล้วตัดสินทันที ถือเป็นภาวะเสี่ยง และอันตรายของประเทศ ถ้าผู้นำประเทศฟังข้อมูลกระพี้เดียว กลับเชื่อ แล้วตัดสินว่าโรงเรียนสาธิตแห่ง มธ.กำลังล้างสมองเด็ก ถือเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่

เพราะการเรียนการสอนประวัติศาสตร์ ต้องให้เด็กรับฟังข้อมูลรอบด้าน เปรียบเทียบ และวิจารณ์ได้ ไม่ใช่เรียนแบบดั้งเดิม ทำให้รักชาติ เกิดอคติ และเกลียดชังประเทศเพื่อนบ้าน…

นอกจากนี้ ศ.ดร.สมพงษ์มองว่าโรงเรียนสาธิต มธ.แม้เพิ่งก่อตั้งไม่นาน แต่กลับโดดเด่น กล้าออกจากระบบโรงเรียนสาธิตทั่วไป ที่ทำหน้าที่ 2 ด้าน คือสวัสดิการของเจ้าหน้าที่ และผลิตชนชั้นนำของประเทศ แต่โรงเรียนสาธิต มธ.กลับแตกต่าง ไม่ให้นักเรียนใส่เครื่องแบบ และการจัดการเรียนการสอนเป็นรูปแบบที่ลงมือทดลอง แล้วเห็นผลการเปลี่ยนแปลง

พร้อมทิ้งท้ายด้วยการแนะนำ พล.อ.ประยุทธ์ ว่าหากจะ “ปฏิรูปการศึกษา” จริงๆ ก็ให้พาคณะปฏิรูปการศึกษาไปดูงานที่โรงเรียนสาธิต มธ.แล้วจะได้ “คำตอบ” ว่าควรจะปฏิรูปการศึกษา ปฏิรูปหลักสูตร ปฏิรูปครู และสร้างหน่วยการเรียนรู้อย่างไร!!