ตัวตน / เอกภาพ : พิชัย แก้ววิชิต

เอกภาพ

พิชัย แก้ววิชิต

 

ตัวตน

 

ขอสวัสดีในวันแห่งความรัก และหากความรักจะเกิดขึ้น ผมก็ขอให้เป็นความรักแบบซื่อๆ เป็นความรักที่อยู่นอกเหตุเหนือผลที่จะมอบให้กับตัวเองและคนรอบข้าง และให้เป็นความรักในแบบที่ไม่เลือกหน้าถ้ามันมีมากพอ

และขอสวัสดีอีกครั้งที่ได้พบกันเป็นครั้งแรกของคอลัมน์ ‘เอกภาพ’ ในมติชนสุดสัปดาห์อย่างเป็นทางการ

จะเป็นพื้นที่ของการเล่าเรื่องราวการถ่ายภาพผ่านมุมมองของคนธรรมดาๆ คนหนึ่งที่รักในศิลปะที่ได้มองสิ่งต่างๆ ที่อยู่รอบตัวผ่านสีสันของชีวิต แสงเงาของความเชื่อ กับโครงสร้างทางสังคมที่ผมเติบโตมา

ยี่สิบกว่าปีกับอาชีพวินมอเตอร์ไซค์ มันนานพอที่จะทำให้ผมเห็นอะไรบางอย่างที่มากกว่าไฟเขียวไฟแดงหรือป้ายจราจร เวลาของชีวิตที่ใช้ไปชี้ให้เห็นความแตกต่างระหว่างหน้าที่และตัวตน

ผมเริ่มที่จะเห็นมุมมองมากกว่าการที่จะคิดหาเงินเข้าบ้านเพียงอย่างเดียว และเริ่มรู้สึกถึงชีวิตที่ถูกไขลาน

ผมได้เห็นโลกที่ถูกฉาบทาด้วยศิลปะที่ที่ผมอยากไปใช้ชีวิต จนอยากตายแล้วไปเกิดใหม่

และท้ายที่สุดผมก็เลือกที่จะตายสมใจ

มันคือการตายทางใจแล้วเกิดใหม่ทางใจด้วย การทำหน้าที่ไปพร้อมกับการมีตัวตน ที่ทำให้ลมหายใจมีความหมาย


เพราะท่อน้ำทิ้ง และคลองที่น้ำเน่ายังมีศิลปะ แล้วศิลปะจะไม่มีอยู่ในหัวใจคนเราได้อย่างไร

 

ในโลกของศิลปะผมวาดรูปไม่เป็น ผมจึงเลือกที่จะถ่ายภาพ

แต่ปัญหามันก็ไม่จบแค่นั้น ในเรื่องของสถานที่และเวลา ผมไม่สามารถที่จะออกเดินทางไปต่างจังหวัดหาวิวสวยๆ เพราะเวลาในการออกวิ่งรถหาเงินผมจะเริ่มตั้งแต่แปดโมงเช้าจนถึงสองสามทุ่ม

มันเป็นรูปแบบตารางชีวิตของผมที่วนซ้ำๆ ด้วยชีวิตส่วนใหญ่ก็จะหาเงินอยู่แต่ในกรุงเทพฯ

และกรุงเทพฯ จะมีอะไรที่น่าถ่ายได้บ้าง แต่ปัญหาคาใจจะอยู่กับผมได้ไม่นานนัก

เขาว่ากันว่าการถ่ายภาพเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง แล้วศิลปะมาจากไหน และคำถามนี้ก็อยู่ได้ไม่นานเช่นกัน ศิลปะก็มาจากเส้น รูปร่าง รูปทรง แสงเงา เป็นคำตอบที่ผมพอจะนึกขึ้นได้

จะเป็นอย่างไรถ้าเราจะมองสิ่งที่อยู่รอบๆ ตัวให้เป็นองค์ประกอบศิลปะและมองออกมาจากความรู้สึกของตัวเอง

มันเป็นการพูดเองเออเองอีกเช่นกัน และไม่นานนักผมก็เริ่มใช้มือถือถ่ายขาโต๊ะ ขาเก้าอี้ ขอบประตูหน้าต่าง

แสงเงาจากสิ่งต่างๆ ไม่รอดพ้นสายตาของผม

ไม่นานนักจินตนาการก็ชี้ทางให้ผมมองไกลออกไปที่ยอดตึกสูงที่ตระหง่านตัดกับสีน้ำเงินของท้องฟ้า

มันเป็นองค์ประกอบภาพในใจที่ลงตัว

แต่สิ่งที่ไม่ลงตัวคืออุปกรณ์ที่ใช้ถ่ายกับเงินในกระเป๋า

โทรศัพท์มือถือที่มีก็ถ่ายไปไม่ถึงในระยะไกล เงินในกระเป๋าก็มีไม่พอที่จะซื้อกล้องใหม่

ไม่นานนักปัญหาก็คลี่คลาย เมื่อผมเอารถมอเตอร์ไซค์ที่ใช้หาเงินไปจำนำกับไฟแนนซ์

พอได้เงินมาหมื่นกว่าบาทก็ซื้อกล้องตามจำนวนเงินที่ได้มา

มันเป็นความลับที่ผมได้ทำผิดกับสถาบันครอบครัวที่แอบเอาเงินไปใช้นอกลู่นอกทาง

และหวังว่าสังคมจะให้อภัยคนอย่างผม

 

ในช่วงเวลาของการถ่ายภาพ ผมมักจะใช้เวลาในช่วงสิบโมงเช้าไปจนถึงเที่ยงหรือบ่ายของทุกๆ วันออกไปถ่ายภาพตามสถานที่ต่างๆ ในกรุงเทพฯ ตามแต่โอกาสจะเอื้ออำนวย เพราะมันเป็นช่วงเวลาที่ผู้โดยสารบางตา

มันเป็นสองสามชั่วโมงต่อวันที่ทำให้ผมรู้สึกอยู่กับความเป็นจริงของตัวเอง

ในการถ่ายภาพ ผมจะให้อิสระและโฟกัสกับความรู้สึกตัวเอง ไม่กักขังตัวเองจากกฎที่ครอบงำอารมณ์ที่อยากแสดงออก

สนุกที่จะเรียนรู้แบบค่อยเป็นค่อยไป

ความถูกผิดในศิลปะไม่อยู่ในองค์ประกอบในการถ่ายภาพของผม

ถึงตอนนี้ผมเชื่อว่า ทุกๆ คน ทุกๆ อาชีพ มีความรู้สึก มีความเป็นมนุษย์ สำหรับผมแล้วองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดของศิลปะคือความเป็นมนุษย์นั่นเอง

เอกภาพสำหรับคนคนหนึ่งคือการมีตัวตนที่ใช้ชีวิตกลมกลืนสอดคล้องเข้าใจไปกับความหลากหลายทางสังคมเพื่อสร้างเอกภาพให้กับตัวเอง

ขอบคุณมากมายครับ