ไฮไลต์ ไม่ใช่ ไฮ ‘หลวม’ เพื่อไทย ‘แบก’ ความคาดหวัง เติมให้เต็ม 10 ลบกระแส ‘ด้อยค่า’

ช่วงต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทย (พท.) นำทัพโดย “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย จัดอีเวนต์ใหญ่ ภายใต้ธีมงาน “10 เดือนที่ไม่รอ ทำต่อให้เต็ม 10”

โดยเป้าประสงค์เพื่อสรุปการดำเนินงานของพรรคเพื่อไทย และสรุปผลงานของรัฐบาลภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี

ไฮไลต์สำคัญคือ การแสดงวิสัยทัศน์และโชว์ความคืบหน้านโยบายต่างๆ ของพรรคเพื่อไทย พร้อมกับประกาศเป้าหมายการทำงานในอนาคต

หลังจากพรรคเพื่อไทยในฐานะแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ยืนยันว่าได้ตัดสินใจอย่างถูกต้อง จัดตั้งรัฐบาลโดยไม่ต้องรอให้สมาชิกวุฒิสภาหมดอายุในวันที่ 10 พฤษภาคมนี้ จนกระทั่งขณะนี้เป็นเวลากว่า 9 เดือนแล้ว และกำลังจะก้าวเข้าสู่เดือนที่ 10

 

นโยบายสำคัญที่ถูกหยิบยกขึ้นมาบอกเล่าในงานนี้ มีหลากหลายเรื่องด้วยกัน

อาทิ นโยบายดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท

ซึ่ง “เพื่อไทย” มองว่าโครงการนี้เป็นการใช้เม็ดเงิน 5 แสนล้านบาทอัดเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ เป็นพายุหมุนสี่ลูกที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโตได้

เช่นเดียวกับ “ซอฟต์เพาเวอร์” ซึ่งรัฐบาลสามารถทำให้สังคมสนใจหันมาตื่นตัวกับคำว่าซอฟต์เพาเวอร์มากยิ่งขึ้น โดยซอฟต์เพาเวอร์จะเป็นนโยบายเรือธงที่รัฐบาลจะทำทันทีเมื่อมีโอกาส รัฐบาลมีนโยบาย 1 ครอบครัว 1 ซอฟต์เพาเวอร์ ให้มีรายได้ 2 แสนบาทต่อปี จะให้ลงทะเบียนมิถุนายนนี้

เตรียมตั้งศูนย์เรียนรู้เพิ่ม TCDC ภายใน 2570 จะมีศูนย์เรียนรู้ทั่วประเทศ

จะตั้งสถานีโทรทัศน์ส่งเสริมซอฟต์เพาเวอร์ เป็นพื้นที่ให้คนไทยได้ปลดปล่อยศักยภาพ เป็นต้น

ประเด็นรัฐธรรมนูญ เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่พรรคเพื่อไทยให้ความสำคัญมาเป็นลำดับต้นๆ เหตุเพราะประชาชนจำนวนมากยังเรียกร้องให้จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ซึ่งถือเป็นภารกิจที่สำคัญเร่งด่วน ที่ต้องทำให้สำเร็จภายในรัฐบาล ภายใน 4 ปี เพื่อทำให้รัฐธรรมนูญเป็นรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนเพื่อประชาชน

อีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญของงาน “10 เดือนที่ไม่รอ ทำต่อให้เต็ม 10” นั่นคือ การเปิดตัว 9 ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด ลงแข่งขันสู้ศึกสนามเลือกตั้งท้องถิ่น ซึ่งจะครบวาระช่วงสิ้นปี 2567 และเปิดลงคะแนนเลือกตั้งกันช่วงต้นปี 2568

ซึ่งพรรคเพื่อไทยเล็งเห็นความสำคัญของการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น การยกระดับความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนให้ดีขึ้น

 

ทั้งนี้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวแสดงวิสัยทัศน์หัวข้อ “เติมเพื่อไทยให้เต็ม 10 สนับสนุนรัฐบาลเปลี่ยนประเทศ” โดยยืนยันว่าตัดสินใจถูกต้องมากที่จัดตั้งรัฐบาลผสมเมื่อ 10 เดือนที่แล้ว เพื่อไทยเป็นพรรคการเมืองที่มีประสบการณ์ในการบริหารประเทศมากที่สุด หากไม่เป็นแกนนำรัฐบาลผสม คงยากที่ปัญหาหมักหมมจะแก้ไขได้

พรรคเพื่อไทยจะเป็นพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลที่มีศักยภาพ มีนโยบายที่ดี มีรัฐมนตรีที่เก่ง สร้างอนาคตให้ประเทศไทย ที่สำคัญจะต้องสามารถผลักดันนโยบายให้เกิดขึ้นจริงในอนาคต แม้คู่แข่งพยายามทำลายความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อเรา ด้อยค่าในสิ่งที่เราทำ

ซึ่งไม่ใช่เรื่องใหม่ ในสมัยไทยรักไทยเกิดวาทกรรม “30 บาทตายทุกโรค” แต่ทุกอย่างผ่านไปด้วยการทำงานนโยบายสำเร็จ ผลงานเท่านั้นจะพิสูจน์ ไม่ใช่วาทกรรมหรือการใส่ความต่อว่าจากใคร เพราะ 30 บาทรักษาทุกโรคใช้ได้จริง และกำลังเดินหน้าพัฒนาครั้งใหญ่ในรอบ 20 ปี เป็น 30 บาทรักษาทุกที่

เพื่อไทยเป็นพรรคการเมืองที่มีประสบการณ์ในการบริหารประเทศมากที่สุด หากไม่เป็นแกนนำรัฐบาลผสม คงยากที่ปัญหาหมักหมมจะแก้ไขได้ กฎหมายพยายามจะให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นอิสระจากรัฐบาล เรื่องนี้เป็นปัญหาและอุปสรรคในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เพราะนโยบายการคลังถูกใช้งานข้างเดียวอย่างหนัก จนทำให้หนี้สูงขึ้นทุกปี จากการตั้งงบประมาณขาดดุล ถ้านโยบายการเงินที่บริหารโดยธนาคารแห่งประเทศไทยไม่ยอมเข้าใจและร่วมมือ ประเทศจะไม่มีทางลดเพดานหนี้ได้

“พรรคเพื่อไทยจะครองสติ ไม่หวั่นไหว ไม่เล่นเกมโต้ตอบไปมา เพราะไม่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน เรามีอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบอยู่ในมือซึ่งกำลังลงมือทำ เราทำได้อย่างแน่นอน ขณะที่นโยบายกำลังเดินไปข้างหน้า พรรคเพื่อไทยก็กำลังพัฒนาไม่หยุดยั้งเพื่ออนาคตของประเทศไทย รัฐบาลเพิ่งปรับ ครม.ซึ่งมีเสียงจากนักวิชาการหลายท่านที่น่าเชื่อถือได้ให้คำยืนยันว่า ถูกฝาถูกตัวมากที่สุด”

“ทุกอย่างกำลังขับเคลื่อนไปข้างหน้า ไม่มีทางเลยที่จะแย่กว่าเดิม เรารู้ว่าการทำงานให้บ้านเมืองนั้น เป็นงานที่ Thank Less and End Less ต้องทุ่มเทไม่มีวันสิ้นสุด แต่เต็มใจที่จะทำเพราะเราเป็นพรรคการเมืองแห่งการเปลี่ยนแปลงเพื่อความเจริญของประเทศ” น.ส.แพทองธารระบุ

 

ขณะที่ “นายเศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี กล่าวแสดงวิสัยทัศน์ หัวข้อ “4 ปีรัฐบาลเปลี่ยนประเทศ เติมประเทศไทยให้เต็ม 10” ว่า ช่วงหนึ่งปีที่ก้าวเข้ามาในบ้านหลังนี้ ตั้งแต่การลงพื้นที่หาเสียง การตั้งรัฐบาลมีอะไรหลายอย่างที่อาจขัดสายตา มีวาทกรรมต่างๆ แต่หน้าที่คือการฟอร์มรัฐบาลที่มีความมั่นคง ทำงานร่วมกันเพื่อดูแลทุกคนอย่างทั่วถึง 10 เดือนที่ผ่านมาเป็นที่ประจักษ์ เหลือเวลา 3 ปีนิดๆ เตรียมนโยบายไว้หลายอย่างเพื่อไปถึงเป้าหมาย

การจะเดินไปถึงเป้าหมายได้ ต้องผ่านอะไรอีกหลายอย่าง ต้องมีช่วงเวลาที่อัพแอนด์ดาวน์ มีเวลาที่เสียใจ พอใจ ถูกใจ ไม่ว่าในมิติไหน ทั้งนิติบัญญัติ บริหาร ตำแหน่งต่างๆ ที่ต้องดูแลกัน ตนเชื่อว่าถ้าเราทุกคนมุ่งมั่น มีความสามัคคี เข้าใจซึ่งกันและกัน เห็นใจเขา เห็นใจเรา เชื่อว่าถนนที่เดินไปข้างหน้าจะสะดวกขึ้นและง่ายขึ้น

“เชื่อว่าหัวหน้าพรรค ผู้ใหญ่ในพรรค ส.ส.ทุกคนเห็นความมุ่งมั่นของทุกคน ไม่ใช่แค่ของผม ของรัฐมนตรีหรือของกรรมการบริหารอย่างเดียว ทุกคนเห็นถึงความตั้งใจจริงและจุดประสงค์ที่เรามาร่วมอยู่ตรงนี้ ผมไม่ได้มาเพื่อตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่ต้องการยกระดับชีวิตความเป็นอยู่คนไทยทุกคน อยากให้ประชาชนอยู่ดีกินดี เชื่อว่านโยบายที่เราเสนอไปเป็นที่ประจักษ์ว่าเรามีความตั้งใจจริง” นายเศรษฐาระบุและว่า

พรรค พท.รับไม้ต่อจากพรรคการเมืองที่ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ในครั้งแรก จนมาเป็นรัฐบาลนายเศรษฐา วันนั้นเราโดนทั้งคำถาม คำดูถูก คำเหยียดหยาม คำต่อว่าสารพัด แต่สังเกตว่าพรรค พท.เราไม่เคยตอบโต้ และต้องยอมรับว่าเราไม่ได้เก่งในการตอบโต้รายวัน เราไม่ได้ชำนาญในการคิดวาทกรรมสวยหรูเพื่อเชือดเฉือนเพื่อทำให้คนอื่นเจ็บปวด โดยไม่ได้นึกถึงประชาชน และนั่นไม่ใช่การทำงานของพรรค พท.

อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่า พรรคเพื่อไทยในฐานะแกนนำรัฐบาล ต้องแบกความหวังของคนไทยทั้งประเทศ เพื่อขับเคลื่อนนโยบายแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ที่สะสมมาเป็นระยะเวลายาวนาน

ผลงานของรัฐบาลนับตั้งแต่เข้ามาบริหารประเทศ ล้วนพิสูจน์ให้เห็นว่า ระยะเวลาแค่ไม่ถึง 10 เดือน รัฐบาลนำโดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้ขับเคลื่อนนโยบายสำเร็จลุล่วงไปได้บางส่วนแล้ว

ฉะนั้น ระยะเวลาภายใน 4 ปีนับจากนี้ไป เชื่อว่าหลายนโยบายต้องได้รับการพิสูจน์ว่าจะประสบความสำเร็จในอนาคตหรือไม่ และสิ่งที่โชว์ในงานนี้ เป็นไฮไลต์จริงๆ มิใช่ไฮ “หลวม” อย่างมีการวิพากษ์วิจารณ์หลังงานผ่านพ้นไปอย่างหนัก โดยเฉพาะประเด็นที่ถูกกล่าวหาว่าแทรกแซงธนาคารแห่งประเทศไทย จนทำให้สิ่งที่คาดหวังว่าจะได้ ลดระดับลงอย่างน่าเสียดาย!?!