2503 สงครามลับ สงครามลาว (67)/บทความพิเศษ พล.อ.บัญชร ชวาลศิลป์

พล.อ.บัญชร ชวาลศิลป์

บทความพิเศษ

พล.อ.บัญชร ชวาลศิลป์

 

2503 สงครามลับ

สงครามลาว (67)

 

ทันทีที่จรวดลูกแรกตกลงในฐานยิงมัสแตง กำลังพลทุกนายต่างก็แยกย้ายกันหลบลงในบังเกอร์ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบังเกอร์เปิด

ก่อนหน้านี้ ผบ.ฐานยิงมีคำสั่งมิให้กำลังพลออกมาทำการยิงต่อต้านในขณะที่ข้าศึกกำลังยิงอาวุธหนักเข้ามา เนื่องจากทราบดีว่าในที่มั่นที่ไม่แข็งแรงเช่นนี้ กำลังพลจะได้รับอันตรายจากอาวุธหนักของข้าศึกได้ง่ายที่สุด

แต่ก็ยังมีเจ้าหน้าที่หมู่ ค.ซึ่งอยู่ใกล้ศูนย์อำนวยการยิงได้ออกมาทำการยิงต่อต้าน จนในที่สุดก็ถูกจรวด 122 ม.ม.ของข้าศึกเสียชีวิตทันที

และทันทีที่อาวุธหนักหยุดยิง ข้าศึกประมาณ 1 หมู่ก็ได้เข้าตีโฉบฉวยต่อที่ตั้ง พัน ทสพ.607 ร้อย 3 ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากฐานยิงมัสแตงไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ 1 ก.ม. ฐานยิงมัสแตงได้ยิงสนับสนุนทันที จนกระทั่งข้าศึกต้องถอนตัวกลับไปในที่สุด

ในวันรุ่งขึ้นข้าศึกได้ยิงอาวุธหนักมาที่ฐานยิงมัสแตงอีก โดยในตอนเช้ายิง ค.82 มา 8 นัด ฝ่ายเราปลอดภัย

และในตอนใกล้ค่ำ ข้าศึกได้ยิง ค.82 มาอีก 4 นัด ทำให้กำลังพลของเราซึ่งกำลังหลบเข้าที่กำบังอย่างรีบร้อนจนไปปัดตะเกียงล้มลง และไฟไหม้ขึ้นลวกร่างกายจนได้รับบาดเจ็บ 2 นาย

30 กรกฎาคม 2514 ข้าศึกได้ระดมยิงอาวุธหนักมายังฐานยิงมัสแตงอีก 35 นัด ฝ่ายเราปลอดภัย

จากการที่ฐานยิงมัสแตงถูกระดมยิงจากอาวุธหนักของข้าศึกเป็นจำนวนมากเช่นนี้ ทำให้กำลังพลเสียขวัญจนพากันลาออกไป 8 นาย

แต่กำลังพลที่เหลือก็ยังคงมีขวัญดีและพากันตำหนิพวกที่ลาออกไป

ทุกคนที่เหลืออยู่ต่างภาคภูมิใจในการปฏิบัติหน้าที่ของตนและให้ความมั่นใจว่าจะกอดคอร่วมเป็นร่วมตายกันต่อไปจนถึงที่สุด

 

ภายหลังจากที่ฐานยิงมัสแตงถูกระดมยิงด้วยอาวุธหนักจากข้าศึก ผบ.ฉก.วีพี และคณะฝ่ายอำนวยการได้ไปตรวจเยี่ยมเพื่อหาข้อมูลสำหรับแก้ไขสถานการณ์ต่อไป

ซึ่งก็ได้เห็นว่าการเคลื่อนย้ายเข้าที่ตั้งยิงใหม่โดยไม่มีการเตรียมการและการสนับสนุนที่ดีเช่นนี้ เป็นผลร้ายแก่หน่วยมาก

ดังนั้น ในครั้งต่อไป ถ้าหากจะมีการเคลื่อนย้ายฐานยิงไปยังพื้นที่ใหม่ จะต้องมีการสนับสนุนวัสดุที่ใช้ในการสร้างฐานอย่างเพียงพอเพื่อให้สามารถยิงสนับสนุนแก่หน่วยได้อย่างเต็มที่

หลังจากนั้นจึงได้สั่งการให้ส่วนหลังส่งวัสดุป้อมสนาม เช่น กระสอบทรายและลวดหนามไปเพิ่มเติมให้ นอกจากนั้น ยังให้ส่งถังน้ำมันเปล่าไปให้เพื่อใช้บรรจุดินใช้เป็นเครื่องกำบังด้วย

ในด้านความขาดแคลนไม้ซึ่งจะนำมาใช้สร้างบังเกอร์ปิดนั้น ได้ให้ออกไปตัดไม้ตามขนาดที่ต้องการในพื้นที่อื่นแล้วมัดรวมกันเพื่อให้เฮลิคอปเตอร์มายกไปสู่ฐานยิง

ขณะนั้นข้าศึกซึ่งกำลังรวมกันอยู่ทางทิศตะวันออกของทุ่งไหหินได้เพิ่มการปฏิบัติการต่อฝ่ายเรามากขึ้น ทั้งการเข้าตีด้วยกำลังทหารราบและด้วยอาวุธหนักต่างๆ รวมทั้งใช้รถถัง PT-76 ซึ่งติดตั้งปืนใหญ่ขนาด 76 ม.ม.

ฝ่ายเราพยายามจำกัดอำนาจการยิงของข้าศึกด้วยการใช้ปืนใหญ่จากฐานยิงมัสแตงระดมยิงตามจุดที่พบว่าเป็นที่ตั้งล่าสุด หรือที่สงสัยทางด้านตะวันออกและตะวันออกเฉียงเหนือของทุ่งไหหิน และให้ฐานยิงคอบร้ายิงรบกวนและขัดขวางในบริเวณทางใต้ของทุ่งไหหินตลอดเวลา

นอกจากนั้น ยังได้ออกคำสั่งให้ทุกหน่วยออกทำการลาดตระเวนให้มากขึ้นเพื่อค้นหาที่ตั้งอาวุธหนักของข้าศึกและป้องกันไม่ให้ข้าศึกเข้าเกาะฝ่ายเราจนสามารถทำการตรวจการณ์เพื่อปรับการยิงได้

ได้ใช้ประโยชน์จากประสบการณ์ที่ฐานยิงบ้านนาซึ่งข้าศึกสามารถเข้าเกาะฝ่ายเราในระยะใกล้แล้วทำการปรับการยิงอย่างแม่นยำต่อที่ตั้งฝ่ายเรา โดยที่การสนับสนุนทางอากาศไม่เพียงพอที่จะค้นหาและทำลายอาวุธหนักโดยเฉพาะปืนใหญ่ข้าศึกซึ่งมีระยะยิงไกลกว่าของฝ่ายเราได้

เมื่อเป็นเช่นนี้ฐานยิงของเราจะตกอยู่ภายใต้การระดมยิงอย่างหนักจนต้องประสบกับความสูญเสียอย่างมากมายดังที่เป็นมาแล้ว

 

แผนของวังเปา

เพื่อแก้ปัญหาการรุกของข้าศึก ฝ่ายท้องถิ่นในขณะนั้น นายพลวังเปาได้ตกลงใจดำเนินแผนการใหม่โดยใช้กรม GM-21 ซึ่งประกอบด้วยกำลัง 3 กองพันคือ บีจี.201 202 และ 206 เคลื่อนที่จากบริเวณตะวันออกของภูเทิงขึ้นไปทางเหนือเพื่อยึดแก่งไก่ (คังไข) โดยให้บีจี.227 และบีจี.229 มาเป็นส่วนกำลังให้หน่วยภูเทิงแทน

กรม GM-22 ประกอบด้วยกำลัง 3 กองพัน คือ บีจี.203 204 และ 205 ซึ่งกำลังรุกออกไปทางทิศตะวันออกเข้าสู่เมืองเชียงขวางนั้นให้เปลี่ยนทิศทางโดยตีตลบขึ้นไปทางเหนือข้ามถนนสายที่ 4 เพื่อกวาดล้างข้าศึกทางด้านตะวันออกของทุ่งไหหินและไปบรรจบกับกรม GM-21 ซึ่งหลังจากยึดแก่งไกได้แล้วก็จะตีตลบลงมาทางใต้ ทั้งนี้ เพื่อลดความกดดันของข้าศึกที่กระทำต่อหน่วยซึ่งยึดทุ่งไหหินอยู่ทางตะวันออกคือหน่วยภูเทิงคอมเพล็กซ์

ส่วนกำลังพล GM-23 ซึ่งประกอบด้วยบีจี. 208 209 และ 210 นั้น ให้เคลื่อนที่จากบริเวณเหนือภูเก็ง รุกขึ้นไปทางทิศเหนือเพื่อบรรจบกับกำลังกลุ่ม GM-24 คือ บีซี.221 และ 223 ที่ลาดบวกเพื่อป้องกันมิให้ข้าศึกคุกคามทุ่งไหหินจากทางทิศเหนือ

แผนการยุทธ์ของนายพลวังเปานั้นมิได้หวังทำลายข้าศึกขั้นแตกหัก แต่เพื่อเป็นการบีบบังคับให้กำลังของข้าศึกซึ่งยังรวมตัวกันไม่ติดต้องถอนตัวออกไปตามช่องโหว่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือเท่านั้น

ซึ่งถ้าเป็นไปตามแผนนี้ บริเวณทุ่งไหหินก็จะปลอดภัยจากข้าศึกไปจนตลอดฤดูแล้งปี 2514 และฝ่ายทหารท้องถิ่นก็จะสามารถวางกำลังป้องกันทุ่งหินได้อย่างเหนียวแน่นเพื่อให้ประชาชนเข้าอยู่อาศัยในบริเวณทุ่งไหหินต่อไป โดยมีสนามบินทุ่งไหหินหรือสนามบินเชียงขวางเป็นแหล่งส่งกำลังใหญ่ ซึ่งในขณะนั้นนายพลวังเปาได้ส่งบีจี.224 ไปยึดรักษาพร้อมทั้งทำการซ่อมแซมสนามบินอย่างรีบเร่งแล้ว

กำลังทหารเสือพรานของ บก.ฉก.วีพี มีหน้าที่สนับสนุนฝ่ายท้องถิ่นด้วยการป้องกันพื้นที่ซึ่งทางทหารท้องถิ่นยึดไว้ได้ และบัดนี้ก็กำลังปฏิบัติภารกิจนั้นอยู่อย่างเต็มที่และมั่นใจว่าฝ่ายเราจะต้องรักษาพื้นที่ที่ได้รับมอบไว้อย่างสุดความสามารถ

 

ปืนใหญ่มาเพิ่ม

30 กรกฎาคม 2514 พัน ป.ทสพ.636 ซึ่งเสร็จสิ้นการฝึกจากศูนย์การทหารปืนใหญ่ ลพบุรี ได้เดินทางมาถึงล่องแจ้ง 3 กองร้อย คือ กองร้อย กองบังคับการและบริการ ร้อย ป.155 และร้อย ค.หนัก ส่วนร้อย ป.105 นั้นได้รับคำสั่งให้แยกไปปฏิบัติงานในพื้นที่สุวรรณเขต ภาคใต้ของประเทศลาวพร้อมทั้ง ผบ.พัน ด้วย

และโดยเหตุที่ผู้บังคับบัญชายังมิได้ตกลงใจใช้ปืนใหญ่กองพันใหม่นี้ในบริเวณใด จึงได้ให้พักอยู่โรงเรียนลาวรวมเผ่าในบริเวณล่องแจ้งชั่วคราวเพื่อรับทราบสถานการณ์และแผนการปฏิบัติก่อน

แต่ต่อมาไม่นานก็ได้รับคำสั่งให้เคลื่อนย้ายไปสมทบกับฐานยิงอีเกิลและบางส่วนไปเข้าประจำที่ฐานยิงซีบร้าเดิม

เพื่อเป็นสถานีถ่ายทอดวิทยุจากศูนย์ประสานการยิงสนับสนุน (ศปยส.) ไปยังฐานปืนมัสแตงและคอบร้า ซึ่งอยู่ห่างออกไปในแนวหน้ามากเกินกำลังส่งของวิทยุ ศปยส.จะส่งข่าวโดยตรงได้

 

สิงหาคม 2514…

ข้าศึกเริ่มส่งกำลังมาเพิ่มอีกเป็นจำนวนมากเพื่อจะเปิดการรุกใหญ่ต่อฝ่ายเราตามขอบด้านตะวันออกและด้านเหนือของทุ่งไหหิน ประกอบด้วย กรม 174 กรม 141 กรม 209 และกรม 866 ขณะที่กรม 165 และกรม 148 ยังคงปฏิบัติการรบอย่างต่อเนื่อง

ข้าศึกจึงมีกําลังมากกว่ากำลังที่ทำการรบอยู่เมื่อฤดูแล้งที่ผ่านมาเกือบ 2 เท่า

นายพลวังเปาตระหนักดีว่า กำลังทหารของตนเพียงประมาณหมื่นคนนั้นเสียเปรียบกำลังของเวียดนามเหนือที่หลั่งไหลกันเข้ามาจากชายแดนซึ่งอยู่ห่างจากทุ่งไหหินเพียงไม่ถึง 100 กิโลเมตร

แต่ที่ยังสามารถทำการรบอยู่ได้ก็เนื่องจากมีกำลังทางอากาศสนับสนุน เมื่อใดที่ข้าศึกรวมตัวกันเป็นหน่วยใหญ่จนฝ่ายเราตรวจการณ์พบ เมื่อนั้นกำลังทางอากาศของฝ่ายเราก็จะลงโจมตีทิ้งระเบิดทำลายทันที

นับเป็นปัญหาอุปสรรคใหญ่ของข้าศึก