ความตายเหมือนก้อนเมฆ… ปรมาจารย์เซน ‘ติช นัท ฮันห์’/กาแฟดำ สุทธิชัย หยุ่น

สุทธิชัย หยุ่น

กาแฟดำ

สุทธิชัย หยุ่น

 

ความตายเหมือนก้อนเมฆ…

ปรมาจารย์เซน ‘ติช นัท ฮันห์’

 

เมื่อ 13 ปีก่อน ผมมีโอกาสไปปฏิบัติธรรมกับท่านติช นัท ฮันห์ ที่หมู่บ้านพลัม ณ ประเทศฝรั่งเศส

ในส่วนหนึ่งของการทำสารคดี “Zen 2010 : จากสวนโมกข์ สู่หมู่บ้านพลัม”

เป็นประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิตที่หายากยิ่ง

และบทสนทนาธรรมกับท่าน “บิดาแห่งการตื่นรู้” ยังตราตรึงฝังใจและความทรงจำจนถึงทุกวันนี้

วันที่ 22 มกราคมที่ผ่านมา หลวงปู่นัท ฮันห์ ได้ละสังขารด้วยวัย 95 ปีที่บ้านเกิดของท่านที่เวียดนาม

ผมยังจำคำสอนของท่านเรื่อง “ความตาย” ได้อย่างดี

หลวงปู่ติช นัท ฮันห์ ได้กล่าวในธรรมบรรยาย ณ วัดใหม่ หมู่บ้านพลัม ฝรั่งเศส เมื่อ 21 พฤษภาคม 2557 ในหัวข้อ

“ก้อนเมฆไม่เคยตาย” ว่า

เราต้องทำสมาธิภาวนาเพื่อให้เห็นตัวเราไม่ใช่แค่ในร่างกายนี้ แต่นอกร่างกายนี้ด้วย

ขณะนี้ฉันสามารถเห็นตัวฉันไม่ใช่แค่ในร่างกายนี้ ฉันเห็นตัวฉันที่สืบต่อไปในเหล่าเพื่อนๆ ในเหล่าลูกศิษย์ ในงานของฉัน และอื่นๆ อีกมากมาย

และถ้าเธอต้องการจะมองเห็นฉัน อย่ามองมาทางร่างนี้

ร่างกายนี้เป็นแค่ส่วนน้อยๆ ของฉันเท่านั้น บุคคลที่เธอเชื่อว่าเสียชีวิตไปแล้ว เขาไม่ได้สูญหายไป แต่เขายังคงอยู่ตรงนั้นในรูปแบบอื่นๆ

จงมองหาเขาในตัวเธอ ในลูกๆ ของเธอ เขายังคงอยู่ตรงนี้กับเธอ ณ ที่นี่และขณะนี้

ความตายของคนที่เธอรักก็เหมือนกับก้อนเมฆบนท้องฟ้า เมื่อก้อนเมฆไม่อยู่ตรงนั้น ไม่ได้หมายความว่าเมฆได้ตายไปแล้ว

เมฆยังคงสืบเนื่องต่อไปในรูปแบบอื่นๆ เช่น ฝน หิมะ หรือน้ำแข็ง

ถ้าเธอไม่ยึดติดอยู่กับรูปลักษณะเพียงอย่างใดอย่างหนึ่งของเมฆ เธอก็จะสามารถตระหนักเห็นเมฆของเธอในรูปแบบอื่นๆ

และไม่เสียใจเมื่อมันไม่ได้คงสภาพอยู่เช่นนั้น

คนที่เธอรักอาจกลายเป็นฝนและบอกเธอว่า “ที่รัก เธอไม่เห็นฉันในรูปแบบอื่นๆ หรือ?”

คนที่เธอรักจะสืบเนื่องต่อไปเสมอ

สมาธิภาวนาจะช่วยให้เธอตระหนักถึงรูปแบบใหม่ๆ ของคนที่เธอรัก

ธรรมชาติที่แท้ของเราคือการไม่เกิดและไม่ตาย

ก้อนเมฆก็เช่นกัน

เมฆอาจเปลี่ยนเป็นหิมะ ลูกเห็บ หรือฝน แต่เมฆไม่อาจกลายไปเป็นความไม่มีอะไรเลย นี้ก็เช่นเดียวกับคนที่เธอรัก เขาไม่อาจตายได้ เขาจะสืบเนื่องต่อไปในรูปแบบใหม่ และเธอสามารถมองอย่างลึกซึ้งและตระหนักเห็นเขาในรูปแบบที่หลากหลาย

จงมองหาเขาในตัวเธอ และมองหาเขารอบๆ ตัวเธอ

ในการสนทนาธรรมอีกครั้งหนึ่ง หลวงปู่สอนให้รู้ว่ามนุษย์เรา “ไม่มีเกิด ไม่มีตาย”

ท่านบอกว่า

เมื่อเรามองไปที่ท้องฟ้า และไม่เห็นก้อนเมฆที่รักอีกต่อไป เราคิดว่าก้อนเมฆได้ตายไปแล้ว

แต่ความจริง ก้อนเมฆยังคงดำรงอยู่ต่อไปภายใต้รูปแบบของฝนหรือรูปแบบอื่นๆ

เกิดและตายเป็นเพียงปรากฏการณ์ที่เรามองเห็นบนพื้นผิว

หากมองอย่างลึกซึ้งเราจะพบว่า เราไม่มีเกิดและไม่มีตาย มีแต่การสืบเนื่องที่ไม่หยุดยั้ง

เมื่อเราได้สัมผัสกับธรรมชาติแท้แห่งการไม่เกิดและไม่ตาย เราจะไม่หวาดกลัวอีกต่อไป

ไม่เพียงแต่พุทธศาสนาเท่านั้นที่พูดถึงการไม่เกิดและไม่ตาย แต่วิทยาศาสตร์ก็พูดถึงเรื่องนี้เช่นกัน

เป็นสิ่งน่าสนใจยิ่งที่เราสามารถแลกเปลี่ยนการค้นพบของกันและกัน

ขอให้พวกเราได้ใช้ชีวิตอย่างลึกซึ้งขึ้นเพื่อสัมผัสกับธรรมชาติแห่งการไม่เกิดและไม่ตาย

พวกเราต้องใช้ชีวิตของเราอย่างมีสติมากขึ้น ด้วยความสงบแจ่มใส เพื่อสัมผัสอย่างลึกซึ้งถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในตัวเราและรอบตัวเรา เราจึงจะสามารถสัมผัสได้กับสภาวะแห่งความเป็นจริง

นั่นคือธรรมชาติแห่งการไม่เกิดและไม่ตาย ซึ่งพุทธศาสนาเรียกว่า นิพพาน เราไม่ต้องไปตามหามันที่ไหนไกลห่าง แต่จงตามหามันในตัวของเราเอง

 

ต้องจารึกไว้ด้วยว่าหมู่บ้านพลัม ศูนย์ปฏิบัติธรรมในประเทศฝรั่งเศส ออกแถลงการณ์ว่า ติช นัท ฮันห์ หนึ่งในผู้นำทางจิตวิญญาณที่ทรงอิทธิพลที่สุดของโลก และผู้บุกเบิกการฝึกสมาธิภาวนาสมัยใหม่ มรณภาพเมื่อเวลา 00.00 น. ของวันที่ 22 มกราคม สิริอายุ 95 ปี

หลวงปู่เป็นภิกษุชาวเวียดนามที่ได้ต่อสู้เพื่อเพื่อนร่วมชาติในยุคสงครามเวียดนาม

และต่อมาได้เผยแผ่คำสอนของพระพุทธเจ้าให้แก่มวลมนุษยชาติอย่างกว้างขวาง

ท่านถึงแก่มรณภาพอย่างสงบที่วัดตื่อเฮี้ยว เมืองเว้ ประเทศเวียดนาม

อันเป็นสถานที่บรรพชาเป็นสามเณรเมื่อ 80 ปีก่อน

 

ติช นัท ฮันห์ นามเดิมคือ เหงวียน ซวน เป๋า (Nguyen Xuan Bao) เกิดที่จังหวัดกวางสี ตอนกลางของเวียดนาม เมื่อ 11 ตุลาคม 1926 (หรือ พ.ศ.2469) จากนั้นได้บรรพชาเป็นสามเณรขณะมีอายุ 16 ปี

ผมเคยเจอหลายคนทั้งคนไทยและต่างชาติที่บอกว่าผมว่าได้อ่านหนังสือเล่มเดียวของหลวงปู่ “ก็เปลี่ยนชีวิตของฉันเลย”

ท่านเป็นนักเขียนและกวีที่สร้างความประทับใจให้กับคนทั้งโลก

ท่านเขียนหนังสือกว่า 100 เล่มที่แปลไปแล้วกว่า 40 ภาษา มียอดขายกว่า 5 ล้านเล่ม

เฉพาะในอเมริกา หนังสือขายดีเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางมี อาทิ

ปาฏิหาริย์แห่งการมีสติ (The Miracle of Mindfulness)

สันติภาพทุกย่างก้าว (Peace is Every Step)

ความโกรธ ปัญญาดับเปลวไฟแห่งโทสะ (Anger) และ

คำสอนว่าด้วยรัก (Teachings on Love)

หลวงปู่ผู้นับถือนิกายเซนได้รับการยกย่องให้เป็น “บิดาแห่งการมีสติตื่นรู้” (Father of Mindfulness)

ถือได้ว่าท่านเป็นผู้ปฏิวัติวงการเจริญสติอย่างแท้จริง

ท่านเป็นพระอาจารย์สอนการฝึกสมาธิภาวนา

อีกทั้งยังพัฒนาวิธีการเจริญสติร่วมกับหลักการทางจิตวิทยาคลินิกกระแสหลัก เพื่อรักษาโรคซึมเศร้า โรควิตกกังวล และโรคเครียด

สารคดี “ก้าวเดินกับฉัน” (Walk With Me) ซึ่งเกี่ยวกับชีวิตของติช นัท ฮันห์ บรรยายเสียงโดยเบเนดิกต์ คัมเบอร์แบตช์ นักแสดงชาวอังกฤษ เข้าฉายในโรงภาพยนตร์เมื่อปี ค.ศ.2017 ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายไปทั่วยุโรป

 

ติช นัท ฮันห์ กลายเป็นที่สนใจในระดับสากลเมื่อปี ค.ศ.1966 เมื่อท่านเดินทางไปยังประเทศตะวันตกเพื่อรณรงค์ด้วยสันติวิธีให้ยุติสงครามเวียดนาม

ระหว่างอยู่ที่สหรัฐ ได้พบกับผู้นำหลายท่าน รวมถึง ดร.มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ นักต่อสู้เพื่อคนผิวดำที่นั่น

แต่การเมืองในเวียดนามเองทำให้รัฐบาลเนรเทศท่าน จึงต้องลี้ภัยสงครามใช้ชีวิตในต่างแดนนานถึง 39 ปี

ช่วงหนึ่งท่านมาอยู่เมืองไทย รณรงค์หาทางช่วยเหลือเพื่อนร่วมชาติที่หนีสงครามจากเวียดนาม กลายเป็น Boat People ที่ต้องขอลี้ภัยไปทั่วโลก

ท่านมีโอกาสกลับบ้านเกิดในปี ค.ศ.2018 และใช้ชีวิตในช่วงบั้นปลายที่วัดของตนเอง

 

หลวงปู่สร้าง “หมู่บ้านพลัม” ที่ฝรั่งเศสเพื่อเป็นศูนย์ฝึกสมาธิสำหรับคนจากทั่วโลก

นอกจากนี้ปี ค.ศ.1982 ท่านได้ก่อตั้งกลุ่มต่างๆ เช่น กลุ่มเจริญสติท้องถิ่นกว่า 1,000 กลุ่ม, ศูนย์ฝึกสมาธิหลาย 10 ศูนย์ และวัด 10 แห่งซึ่งกระจายอยู่ในสหรัฐ ยุโรป และเอเชีย

ศูนย์ปฏิบัติธรรมของติช นัท ฮันห์ เป็นแหล่งเผยแพร่เซนของพุทธศาสนาที่เติบโตอย่างรวดเร็วที่สุดในโลกตะวันตก

ในประเทศไทย ท่านมาตั้งสถานปฏิบัติธรรมหมู่บ้านพลัมนานา ชาติ ประเทศไทย ที่บ้านสระน้ำใส ตำบลโป่งตาลอง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา มีเนื้อที่ประมาณ 80 ไร่

(สัปดาห์หน้า : บทสนทนาธรรมของผมกับหลวงปู่ติช นัท ฮันห์)