E-DUANG : จาก ‘สุมาอี้’ ถึง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

เป็นไปได้หรือไม่ที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะเคยศึกษา “วิถี” แห่งประวัติศาสตร์ ในฐานะนักเรียนรัฐศาสตร์

จึงเล่นบท “ลับ ลวง พราง” ได้อย่างแยบยล

แยบยลกระทั่ง “นักรบ” ระดับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อยู่ในอาการ “ตายใจ”

“ตำรวจ” ระดับ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ไม่ระแคะระคาย

ก่อนอื่นก็คือ ไม่คิดว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะหนี

“เมื่อเรามีความสามารถจริง พึงแสดงให้เห็นว่าเราไม่มีความ สามารถ”

อย่างน้อยก็น่าจะเรียนรู้จากกลยุทธ์ “สุมาอี้” มาแล้ว

 

เมื่อหลีซินรับแผนจากโจซองเดินทางไปเยี่ยมสุมาอี้ยังบ้านพัก สุมาอี้ทำอย่างไร

เขาสยายผมเอาผ้าห่มนอนห่มไว้

ให้หญิงรับใช้ 2 คนเข้ามาประคองซ้ายขวา แล้วให้ออกไปรับหลีซินเข้ามาในห้อง

เมื่อหลีซินพูดว่า จะไปเป็นเจ้าเมืองเซียงจิ๋ว

สุมาอี้ก็เอ่ยขึ้น “ซึ่งรับสั่งให้ท่านไปเป็นเจ้าเมืองเป็งจิ๋วนั้นก็ดีอยู่แล้ว”

คนรับใช้ช่วยอธิบายเสริม

“ท่านป่วยครั้งนี้จนลมกำเริบให้หูหนัก ผู้ใดเจรจาก็ไม่ได้ยินถนัด”

หลีซินกลับไปบอกโจซองว่า สุมาอี้ป่วยหนัก

“สุมาอี้นอนนิ่งเยี่ยงศพ ใกล้สิ้นลมปราณ วิญญาณไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ไม่น่ายำเกรง”

 

ภาพของ “สุมาอี้” ที่ปรากฏเบื้องหน้าหลีซิน ก็เหมือนภาพของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ปรากฏ

นับแต่หลังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557

เป็นภาพของ “ละอ่อน” ในทางการเมือง เป็นภาพของความไร้เดียงสา พูดผิด พูดถูก

ยิ่งวางหลักทรัพย์ 30 ล้านบาทประกันตัวยิ่งน่าเชื่อถือ

ผลก็คือ เมื่อหายตัวไปในวันที่ 25 สิงหาคม ก็บังเกิดอาการนะจังงังกันถ้วนหน้า