2503 สงครามลับ สงครามลาว (65)/บทความพิเศษ พล.อ.บัญชร ชวาลศิลป์

พล.อ.บัญชร ชวาลศิลป์

บทความพิเศษ

พล.อ.บัญชร ชวาลศิลป์

 

2503 สงครามลับ

สงครามลาว (65)

 

ลาวตอนใต้คับขัน

ขณะที่กำลังฝ่ายรัฐบาลลาวในพื้นที่ทุ่งไหหินกำลังอยู่ในความได้เปรียบ แต่ในพื้นที่ภาคใต้กลับอยู่ในภาวะเสียเปรียบ

“ข้าศึกได้โหมกำลังเข้าปฏิบัติการอย่างรุนแรงตามจุดที่ตั้งของฝ่ายรัฐบาลโดยเฉพาะทางด้านเมืองปากซัน สุวรรณเขตนั้น ทหารฝ่ายรัฐบาลกำลังถอยร่นเสียที่มั่นต่างๆ มากมาย จนเป็นที่น่าวิตกว่าอาจจะต้องเสียเมืองสำคัญทั้งสองนี้ให้แก่ข้าศึก ซึ่งถ้าหากเป็นเช่นนั้นย่อมจะกระทบกระเทือนต่อประเทศไทยเป็นอย่างมาก เนื่องจากทั้งสองแห่งอยู่ชิดชายแดนไทยเพียงคั่นด้วยลำน้ำโขงเท่านั้น”

“ดังนั้น ผู้บังคับบัญชาชั้นสูงจึงตกลงใจแบ่งกำลังจากกองกำลังพิเศษที่ล่องแจ้งไปช่วยทางด้านใต้โดยให้กองพันทหารเสือพราน 601 เดินทางไปก่อน และเมื่อใดที่สถานการณ์ทางด้านล่องแจ้งคลี่คลายลงอีกก็จะส่งกองพันทหารเสือพราน 602 ตามไป”

“ส่วนในบริเวณทุ่งไหหิน นายพลวังเปายังคงบัญชาการให้ทหารท้องถิ่นปฏิบัติการรุกอย่างไม่หยุดยั้งเพื่อขับไล่ข้าศึกให้ออกไปจากทุ่งไหหินให้หมดสิ้น สามารถเข้าเกาะข้าศึกหน่วยต่างๆ และรายงานขอเครื่องบินเข้าโจมตีทิ้งระเบิดได้อย่างแม่นยำ หลังจากนั้นจึงเข้ากวาดล้างด้วยกำลังภาคพื้นดิน จนกระทั่งสามารถทำลายชีวิตและอาวุธยุทโธปกรณ์ของข้าศึกลงได้อีกเป็นจำนวนมาก ฝ่ายข้าศึกต้องถอนตัวจากจุดที่เผชิญหน้ากับกองพันทหารเสือพรานต่างๆ เพื่อไปช่วยส่วนหลังของตนทำให้ตลอดแนวเสถียรภาพนั้นปลอดภัยและมั่นคงยิ่งขึ้น”

“เมื่อสถานการณ์ทางด้านนี้เริ่มคลี่คลายลง กองกำลังพิเศษจึงสั่งการเมื่อ 14 มิถุนายน 2514 ให้กองพันทหารเสือพราน 602 เคลื่อนย้ายติดตามกองพันทหารเสือพราน 601 ไปปฏิบัติการทางภาคใต้ของลาว และในวันเดียวกันนี้ กำลังกองร้อยทหารปืนใหญ่ 105 กองพันทหารปืนใหญ่ทหารเสือพราน 635 ก็ได้รับคำสั่งให้เคลื่อนย้ายออกจากฐานยิงไทเกอร์ที่เนินสกายไลน์เหนือล่องแจ้งไปตั้งฐานยิงสนับสนุนแห่งใหม่ขึ้นที่ “ภูห่วง” (หรือภูหัวช้าง) ซึ่งเป็นยอดเนินสูงทางด้านใต้ของทุ่งไหหินเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติการของหน่วยดำเนินกลยุทธ์ในบริเวณใจกลางและทางใต้ของทุ่งไหหินและสกัดกั้นมิให้ข้าศึกถอนตัวลงมาคุกคามล่องแจ้งทางด้านใต้ได้อีกต่อไป”

“ฐานยิงสนับสนุนแห่งใหม่นี้ประกอบด้วยปืนใหญ่เบากระสุนวิถีโค้ง 105 จำนวน 2 กระบอก ใช้นามฐานยิงว่า ‘คอบร้า’ และกำลังกองพันทหารเสือพราน 604 ก็เคลื่อนย้ายไปยึดอยู่ยังบริเวณใกล้เคียงเพื่อทำการคุ้มครองฐานยิงแห่งนี้”

“ในวันเดียวกันนั้น กองร้อยปืนใหญ่ 105 กองร้อยนี้ก็เริ่มวางกำลังจัดตั้งที่ตั้งปืนและศูนย์อำนวยการยิงอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งสามารถทำการยิงสนับสนุนได้ในเวลาเพียงไม่กี่วัน หลังจากส่วนล่วงหน้าเดินทางไปถึง”

 

วังเปารุกหนัก

สถานการณ์ตอนกลางเดือนมิถุนายนเริ่มเปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อต้นปี 2514 อย่างเห็นได้ชัด

แนวรบขยายลึกเข้าไปในทุ่งไหหินอย่างรวดเร็ว กองกำลังทหารเสือพรานไทยต้องเคลื่อนย้ายตามไปสนับสนุนการรุกของนายพลวังเปาออกไปทางตะวันออกเรื่อยๆ

จนทำให้เป็นที่น่าวิตกว่าในพื้นที่ส่วนหลังอาจจะไม่ปลอดภัย เนื่องจากมีกำลังระวังป้องกันไม่เพียงพอ

ขณะที่การรบในบริเวณทุ่งไหหินเริ่มทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น ฝ่ายท้องถิ่นของนายพลวังเปายึดคืนปืนใหญ่ขนาด 105 ม.ม. ซึ่งทหารเวียดนามเหนือยึดไปจากฝ่ายเราแล้วตั้งยิงอยู่บริเวณใจกลางทุ่งไหหินได้เป็นผลสำเร็จ

 

ทหารเสือพรานขวัญดีขึ้น

ทหารเสือพรานเริ่มมีขวัญดีขึ้นตามลำดับ สถิติการขาดหนีและสละสิทธิ์ของอาสาสมัครทหารเสือพรานเริ่มลดน้อยลง

ยิ่งไปกว่านั้นอาสาสมัครซึ่งกลับจากลาพักยังได้พาสมัครพรรคพวกมาสมัครใหม่อีกเป็นจำนวนมากซึ่งกองกำลังพิเศษก็รับไว้เพื่อทดแทนกำลังพลซึ่งขาดไปในระยะ 3-4 เดือนที่แล้วมา

ขณะนั้นฝ่ายนายพลวังเปามีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องให้ฝ่ายเราเคลื่อนกำลังไปยึดรักษาตำบลสำคัญต่างๆ ซึ่งยึดไว้ได้ ทั้งนี้ เพื่อให้ฝ่ายท้องถิ่นสามารถเคลื่อนย้ายไปปฏิบัติการรุกไล่ข้าศึกยังพื้นที่ต่อไปได้อย่างทันท่วงที

กองกำลังพิเศษจึงได้มีคำสั่งให้กองพันทหารเสือพราน 609 เคลื่อนย้ายเข้าที่ตั้งบริเวณ “ภูเทิง” อันเป็นเนินสูงทางด้านตะวันออกของทุ่งไหหิน และในทันทีที่กองพันทหารเสือพราน 610 เสร็จสิ้นการฝึกจากกาญจนบุรีและเดินทางมาถึงล่องแจ้งก็ได้รับคำสั่งให้เคลื่อนย้ายกำลังไปยึดรักษา “ภูเซอ” อันเป็นเนินสูงทางด้านตะวันตกของทุ่งไหหิน

ส่วนกองพันทหารเสือพราน 611 และ 612 ซึ่งเสร็จสิ้นการฝึกไล่เลี่ยกับกองพันทหารเสือพราน 610 ก็ได้รับคำสั่งให้ปฏิบัติงานทางด้านเชียงลมซึ่งใกล้ชายแดนไทยทางภาคเหนือ

ดังนั้น ในขณะนั้นกำลังของกองกำลังพิเศษล่องแจ้งจึงมีทหารเสือพรานทั้งหมดรวม 8 กองพันทหารราบ สนับสนุนด้วยกองพันทหารปืนใหญ่ และในตอนปลายเดือนมิถุนายน 2514 กองพันทหารเสือพราน 606 ก็ได้รับคำสั่งให้เคลื่อนกำลังออกจากที่ตั้งเดิมบริเวณเนิน 1663 ไปยึดรักษา “ภูเก็ง” อันเป็นยอดเนินสูงข่มทุ่งไหหินทางทิศเหนือ

จึงเห็นได้ว่าในเดือนมิถุนายนนี้ ภารกิจของทหารเสือพรานเปลี่ยนแปลงไปจากการยึดรักษาเพียงซำทองและล่องแจ้งเป็นยึดรักษาทุ่งไหหินทั้งหมด

ซึ่งเป็นที่น่าวิตกว่า ภารกิจนี้อาจจะเกินกำลังของทหารเสือพรานเพียง 8 กองพันที่จะรับมือกับข้าศึกซึ่งจะต้องรวมกำลังกันเพื่อปฏิบัติการรุกโต้ตอบในทันทีที่ฤดูฝนสิ้นสุดลงอย่างแน่นอน

แต่อย่างไรก็ตาม ฝ่ายเราก็จำเป็นต้องปฏิบัติตามคำเรียกร้องของฝ่ายนายพลวังเปา เนื่องจากสถานการณ์ทางยุทธวิธีกำลังอำนวยให้ฝ่ายท้องถิ่นทำการรุกไล่ข้าศึกออกไปจากทุ่งไหหินให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

ตลอดเดือนมิถุนายน 2514 ฐานยิงสนับสนุนทั้ง 5 ฐานของกองพันทหารปืนใหญ่ทหารเสือพราน 635 คือ ซีบร้า อีเกิล คอบร้า ไวต์ฮอร์ส และโซดา มีภารกิจยิงสนับสนุนลดน้อยลงมาก เนื่องจากไม่มีการปฏิบัติของฝ่ายเราและฝ่ายข้าศึกที่สำคัญภายในรัศมีการยิง

ทุกฐานยิงจึงคงทำการยิงรบกวนและขัดขวาง ป้องกันฐานและส่องสว่างสนามรบให้แก่หน่วยต่างๆ ในเวลากลางคืนเท่านั้น

สถานการณ์ตามจุดต่างๆ ที่กองพันทหารเสือพรานตั้งอยู่ค่อนข้างสงบ แต่ฝ่ายเราก็ทำการลาดตระเวนรอบที่ตั้งอย่างไม่ประมาท ฐานยิงต่างๆ ของเราได้รับการผ่อนคลายทางด้านภารกิจยิงสนับสนุน แต่ทุกฐานก็ยังคงทำการลาดตระเวนและปรับปรุงเสริมสร้างความแข็งแรงให้แก่ที่มั่นอยู่เสมอ

ยิ่งไปกว่านั้น ผบ.ฐานยิง ที่ได้รับข่าวว่าจะต้องเคลื่อนย้ายไปยังที่ตั้งฐานยิงใหม่เพื่อสนับสนุนทหารราบก็จะต้องตระเตรียมแผนการเคลื่อนย้ายเพื่อความรวดเร็วและเรียบร้อยในเมื่อผู้บังคับบัญชาตกลงใจในการเลือกที่ตั้งฐานยิงใหม่