เปิดสถิตยุคส่งออกยาเสพติด ตะลึง! ซุกเฮโรอีนส่งไต้หวัน ตร.เร่งจับมือต่างประเทศปราบ/โล่เงิน

โล่เงิน

 

เปิดสถิตยุคส่งออกยาเสพติด

ตะลึง! ซุกเฮโรอีนส่งไต้หวัน

ตร.เร่งจับมือต่างประเทศปราบ

 

ถึงสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และสร้างผลกระทบในทางสังคมไทยอย่างหนัก

ปัญหายาเสพติดซ้ำเติมเข้าไปอีก นอกจากแพระระบาดในประเทศแล้ว มีการลักลอบส่งจากไทยไปนอกราชอาณาจักรจำนวนหลายครั้ง ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา

จนมีการเหน็บแนมว่าเป็นสินค้าส่งออกไทย

 

ย้อนเหตุการณ์ 1 ปี พบว่าเคยมีการส่งยาเสพติดจากไทยไปต่างประเทศดังนี้

4 พฤษภาคม ตำรวจนครซิดนีย์ ยึดไอซ์น้ำหนัก 316 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 100 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือประมาณ 2,400 ล้านบาท ถูกซุกซ่อนไว้ในกล่องเตาปิ้งย่างไฟฟ้า และเครื่องทำน้ำอุ่น บนเรือขนส่งสินค้าลำหนึ่งที่มาจากประเทศไทย และได้เข้าจอดเทียบท่าเรือโบทานีย์ ในนครซิดนีย์ รัฐนิวเซาธ์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย

30 พฤษภาคม ศุลกากรฮ่องกงยึดเฮโรอีน 23.5 กิโลกรัม มูลค่า 900 ล้านบาท ซุกซ่อนมากับเครื่องกรองน้ำและเครื่องชงกาแฟ ส่งมาจากประเทศไทย

25 กรกฎาคม ศุลกากรฮ่องกงตรวจยึดยาเสพติดส่งจากประเทศไทย เป็นโคเคนซุกในอาหารเพื่อสุขภาพ เมตแอมเฟตามีนเหลวซุกในสินค้าน้ำมันอะโวคาโด และและเฮโรอีนที่ซุกซ่อนในซองเครื่องปรุงรสเส้นหมี่กึ่งสำเร็จรูป มูลค่าของกลางประมาณ 275 ล้านบาท

9 พฤศจิกายน ศุลกากรฮ่องกงยึดเฮโรอีนต้องสงสัยซุกในกระป๋องแป้งทาตัว 6 กระป๋อง น้ำหนักประมาณ 2.2 กิโลกรัม มูลค่า 14.7 ล้านบาท โดยสำแดงเป็นเครื่องครัวส่งจากไทย

25 พฤศจิกายน สำนักงานตำรวจเขตนิวไทเป แถลงข่าวยึดเฮโรอีนจำนวน 1,172 ก้อน ถูกซุกซ่อนเอาไว้ในแท่งไม้ที่ถูกส่งมาจากประเทศไทย น้ำหนัก 447 กิโลกรัม มูลค่าเกือบ 6 พันล้านบาท

นับเป็นปฏิบัติการจับยาเสพติดล็อตใหญ่ที่สุดเท่าที่ไต้หวันเคยมีมา มีการจับกุมผู้ต้องสงสัย 7 คน เข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดียาเสพติดและถูกตั้งข้อหาก่ออาชญากรรม

 

นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) กล่าวถึงกรณีการยึดเฮโรอีนล็อตใหญ่ 447 กิโลกรัม ว่า หลังจากจับกุมแล้ว ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ประชุมหารือกับทางการไต้หวัน ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ทันที เพื่อดําเนินการรวบรวมพยานหลักฐานและออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งชาวไทย ชาวต่างชาติมาดําเนินคดี และยึดทรัพย์ทางกฎหมายโดยเร็ว

ต่อมาวันที่ 16 ธันวาคม บช.ปส., ป.ป.ส., กรมศุลกากร และเจ้าหน้าที่ทหาร ขยายผลติดตามจับกุมผู้ร่วมขบวนการและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในประเทศไทย กระทั่งทราบว่า ยาเสพติดดังกล่าวได้นำเข้ามาจากฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน ก่อนนำมาดัดแปลงซุกซ่อนฝังใส่ท่อนไม้ที่โกดังไม้แห่งหนึ่งในซอยบงกช 35 ต.คลองสอง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี จากนั้นจะถูกส่งออกไปยังปลายทางประเทศไต้หวัน ด้วยการสำแดงเป็นสินค้าไม้ส่งออก

โดยมีนายสัญญา (สงวนนามสกุล) และนายบุญรอด (สงวนนามสกุล) เจ้าหน้าที่ป่าไม้ชำนาญการ สังกัดกรมป่าไม้ สองหุ้นส่วนบริษัทโคกใหญ่ ประกอบกิจการค้าและส่งออกไม้ เป็นผู้ดำเนินการส่งออก และเป็นผู้เช่าใช้โกดังดังกล่าวในการดัดแปลงท่อนไม้เพื่อเตรียมทำการซุกซ่อนยาเสพติด จึงรวบรวมพยานหลักฐาน ก่อนเข้าทำการจับกุมตัวพร้อมดำเนินคดีในความผิดมูลฐาน “องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ”

เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้งสองรายให้การปฏิเสธ โดยอ้างว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติด แต่ยอมรับว่าเป็นผู้ส่งออกท่อนไม้ดังกล่าว เนื่องจากถูกว่าจ้างจากนายวัน หรือ ใหญ่ มีชัยพล นายทุนชาวลาว ให้ส่งออกไม้ไปยังไต้หวัน

ด้าน พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส. กล่าวว่า สำหรับขบวนการดังกล่าวเป็นเครือข่ายใหญ่ ซึ่งเจ้าหน้าที่เตรียมขยายผลเอาผิดผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเพิ่มเติมอีก 5 ราย 1 ในนั้นมีนายทุนสัญชาติลาวรวมอยู่ด้วย ส่วนโกดังดังกล่าวจะเป็นโกดังที่ใช้สำหรับดัดแปลงท่อนไม้เพื่อซุกซ่อนยาเสพติดหรือไม่ อยู่ระหว่างการเก็บชิ้นไม้เพื่อส่งตรวจพิสูจน์

 

ด้าน พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ให้ความเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์เกี่ยวกับยาเสพติดในประเทศลาว ว่า ในรอบ 3-4 ปีที่ผ่านมา วัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตยาเสพติดมันมีราคาถูกลงมาก เทคโนโลยีในการผลิตทำให้สามารถผลิตได้ในปริมาณมากขึ้น ในต้นทุนที่ถูกมาก ทำให้ “ความต้องการขาย” สูง

ส่วน “ความต้องการซื้อ” นั้น นอกจากบริโภคในประเทศแล้ว ก็ยังมีการส่งออกอีกด้วย ซึ่งไทยไม่ใช่ผู้ผลิต แต่ประเทศรอบด้านเป็นผู้ผลิต ซึ่งเราก็ได้ทำการปิดกั้นไม่ให้เข้ามา แต่ในทางปฏิบัติแล้วไม่สามารถนำคนไปยืนตามแนวชายแดนตลอดได้ แต่ก็พยายามทำการสืบสวนหาข่าว รวมถึงมีมาตรการเฝ้าระวังต่างๆ ร่วมกันหลายหน่วยงาน อย่างปีหน้าก็มีกฎหมายประมวลยาเสพติดออกมาแล้ว ซึ่งตรงใจเราตรงที่ว่า ผู้เสพคือผู้ป่วย เราก็จะพยายามจัดการกับ “ความต้องการซื้อ” ตรงนี้ ให้ลดจำนวนลงได้ โดยไม่ใช้การลงโทษหรือการเอาไปขัง แต่เอาไปบำบัดรักษา ก็จะยั่งยืนกว่า

“ประเทศเรานั้นจะบอกว่าไม่ใช่ทางผ่านก็ไม่ได้ เพราะมีประเทศที่เป็นผู้ผลิตอยู่ข้างกัน ถ้าไม่ขนส่งออกทะเล ก็ต้องผ่านเรา แต่จะผ่านเราเพื่อไปยังประเทศปลายทาง หรือผ่านมาขายในประเทศเรา ก็ต้องจัดการทั้งหมด ซึ่งตอนนี้ก็เพิ่มความร่วมมือระหว่างประเทศมากขึ้นกับประเทศที่เป็นทั้งต้นทางและปลายทาง เพื่อนำข้อมูลมาสืบสวนขยายผล และดำเนินคดีในส่วนที่เกี่ยวข้องกับคนร้ายในประเทศ ภายใต้กฎหมายของเรา” ผบ.ตร.กล่าว

เป็นที่ทราบกันดีว่า การป้องกันและปราบปรามยาเสพติดเป็นนโยบายหลักที่รัฐบาลให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ

ดังนั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเร่งแก้ไข อย่าให้ยาเสพติดจากไทยกลายเป็นสินค้าส่งออก ทำลายภาพลักษณ์ประเทศ