เผยแพร่ |
---|
เหตุปัจจัยอะไรที่ทำให้พรรคก้าวไกลจำเป็นต้องส่งคนลงสมัครรับเลือกตั้งเพื่อชิงตำแหน่ง”ผู้ว่าฯกรุงเทพมหานคร”
คำตอบสำคัญอย่างที่สุด คือ ฐานเสียงในกรุงเทพมหานคร
การเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2562 ที่ผ่านมา คะแนนที่เรียกว่าป้อบปูล่าร์โหวตของพรรคอนาคตใหม่ได้มา 808,272 มากเป็นอันดับ 1
ตามมาด้วยของพรรคพลังประชารัฐ 791,893 คะแนน ตามมาด้วยของพรรคเพื่อไทย 604,699 คะแนน ตามมาด้วยของพรรคประ ชาธิปัตย์ 474,820 คะแนน
แม้พรรคอนาคตใหม่จะถูกยุบ แต่ก็ผ่องถ่ายกลายมาเป็นพรรค ก้าวไกลอย่างที่เห็นและเป็นอยู่ พรรคก้าวไกลย่อมแบกรับมรดกอันเป็นของพรรคอนาคตใหม่มาเป็นของตน
ในฐานะที่เป็นพรรคการเมืองซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างพลังอัน
มาจาก”มวลชน” พรรคก้าวไกลย่อมมีความจำเป็น
และหากติดตามบทบาทของพรรคก้าวไกลก็ดำเนินตามแผนที่กำหนดเป็น”ยุทธศาสตร์”นี้อย่างต่อเนื่อง
จังหวะก้าวหนึ่งของพรรคก้าวไกลก็คือ การตระเตรียมหาตัวผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ก.ให้ครบตามกำหนด 50 เขตเพื่อเป็นฐานในทางการเมืองให้กับ”ผู้ว่าฯกทม.”
ภาพในพื้นที่ที่ประชาชนเห็นจนชินตาก็คือ ภาพของว่าที่ผู้สมัคร สก.เดินไปกับภาพของ ส.ส.และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.
ขณะเดียวกัน พรรคก้าวไกลก็มีมติแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาตัวผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.โดยมี นายสุรเชษฐ์ ประวีณวรวุฒิ เป็นประธานและได้ตัวว่าที่ผู้สมัครอยู่ในมือแล้ว
หากฟังจาก นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค ประสานกับคำแถลงของ นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ โฆษกพรรค ก็เป็นอันรับรู้ร่วมกันว่าจะเปิดตัวภายในกลางเดือนมกราคมนี้แน่นอน
แม้ว่าฝ่ายที่เรียกตนเองว่า”ประชาธิปไตย”จะมีข้อเสนอในเชิงยุทธ ศาสตร์ว่า ฝ่ายประชาธิปไตยน่าจะรวมศูนย์กำลังสนับสนุน นายชัช ชาติ สิทธิพันธุ์ เพียงคนเดียวเพื่อให้เกิดเสียงแตก
กลายเป็นโอกาสให้”ตาอยู่”อย่าง “ดร.พี่เอ้”แย่งชิงเอาไป
กระนั้น หากประเมินจากท่าทีของพรรคก้าวไกลก็ต้องยอมรับว่าถึงอย่างไรพรรคก้าวไกลก็ต้องเดินหน้า
สนามเลือกตั้ง”ผู้ว่าฯกทม.”จึงมากด้วยความร้อนแรงอย่างสูง