ส่องศึกเลือกตั้งซ่อม 2 จว.ใต้ พรรคร่วมรัฐบาลเขย่ากันเอง ‘พปชร.’รุกคืบ – ‘ปชป.’ รักษาที่มั่น/บทความในประเทศ

บทความในประเทศ

 

ส่องศึกเลือกตั้งซ่อม 2 จว.ใต้

พรรคร่วมรัฐบาลเขย่ากันเอง

‘พปชร.’รุกคืบ – ‘ปชป.’ รักษาที่มั่น

ศึกเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ในพื้นที่ภาคใต้ ในเขต 1 จ.ชุมพร แทน “ลูกหมี” ชุมพล จุลใส อดีต ส.ส.ชุมพร เขต 1 พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และเขต 6 จ.สงขลา ของ “ถาวร เสนเนียม” อดีต ส.ส.สงขลา เขต 6 พรรค ปชป. ภายหลังเป็น 2 ใน 5 แกนนำ กปปส. ต้องคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 8 ธันวาคมที่ผ่านมา ชี้ขาดให้พ้นสภาพการเป็น ส.ส.

จากกรณีถูกศาลอาญาสั่งคุมขังในคดีที่ขัดขวางการเลือกตั้งเมื่อปี 2557 สมัยเป็นแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) พร้อมกับสั่งให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จัดการเลือกตั้งซ่อมภายใน 45 วัน

โดยที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 14 ธันวาคมที่ผ่านมา เห็นชอบให้มีการตราพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งซ่อมแทนตำแหน่งที่ว่างลง

โดย กกต.กำหนดวันกาบัตรไว้ คือ วันที่ 16 มกราคม 2565

 

ทั้งนี้ ในสนามการเมืองพื้นที่ภาคใต้ แต่ก่อนถือว่าพรรค ปชป.เป็นเจ้าของพื้นที่ครองแชมป์มาตลอด แต่การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562 “พรรคสีฟ้า” ต้องเจอกับสภาพมนต์ขลังเสื่อม

เพราะโดนพรรคคู่แข่งเจาะพื้นที่ไปถึง 28 ที่นั่ง จากจำนวน ส.ส.ในพื้นที่ภาคใต้ทั้งหมด 50 ที่นั่ง โดยพรรค ปชป.รักษาพื้นที่ไว้ได้เพียง 22 ที่นั่ง

หลายพรรคทั้งจากพรรคร่วมรัฐบาลและพรรคร่วมฝ่ายค้าน อย่างพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พรรคภูมิใจไทย (ภท.) พรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) พรรคประชาชาติ (ปช.) พรรคก้าวไกล (ก.ก.) เจาะพื้นที่ชิง ส.ส.ภาคใต้ของพรรค ปชป.มาได้กันถ้วนหน้า

โดยเฉพาะคู่แข่งคนสำคัญอย่างพรรค พปชร.ที่มี “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรค และ “ผู้กองธรรมนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา และเลขาธิการพรรค เดินหน้ารุกคืบ ชิงพื้นที่ ส.ส.ภาคใต้ของพรรค ปชป.อย่างเต็มกำลัง โดยผลงานการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ทุกสนามที่ผ่านมา พรรค พปชร.กวาดเรียบทุกสนาม

ไม่เว้นพื้นที่ ส.ส.เขต 3 จ.นครศรีธรรมราช เมื่อเดือนมีนาคม 2564 แทน “เทพไท เสนพงศ์” ที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค พปชร.คว้าชัยเลือกตั้งซ่อม ส.ส. เหนือ “พงศ์สินธุ์ เสนพงศ์” จากพรรค ปชป.

 

สําหรับการเลือกตั้งซ่อมในพื้นที่เขต 1 จ.ชุมพร และเขต 6 จ.สงขลา คอการเมืองฟันธงตรงกันว่าจะเป็นการขับเคี่ยวกันระหว่างพรรค พปชร. และพรรค ปชป. อย่างแน่นอน

โดยพื้นที่เขต 1 จ.ชุมพร ประกอบด้วยอำเภอเมืองชุมพร (ยกเว้นตำบลวังใหม่ ตำบลบ้านนา ตำบลหาดพันไกร ตำบลบางลึก และตำบลถ้ำสิงห์) และอำเภอสวี (ยกเว้นตำบลเขาทะลุ และตำบลเขาค่าย) การเลือกเมื่อปี 2562 ชุมพล จุลใส นำพรรค ปชป.ชนะเลือกตั้ง “ทนายแดง” นายชวลิต อาจหาญ อดีตผู้สมัคร ส.ส.ชุมพร เขต 1 พรรค พปชร.ด้วยคะแนน 47,030 ต่อ 36,703 คะแนน ในพื้นที่ถือว่าแพ้-ชนะกันเพียง 1 หมื่นคะแนน ถึงว่ายังพอแก้มือสู้กันต่อได้

จากการคาดการณ์ศึกเลือกตั้งซ่อมเขต 1 จ.ชุมพร ในส่วนของพรรค ปชป. “ชุมพล” ได้เสนอชื่อนายอิสระพงษ์ มากอำไพ เลขาฯ นายก อบจ.ชุมพร มีศักดิ์เป็นหลานของภรรยานายชุมพล ลงรับเลือกตั้งเพื่อรักษาเก้าอี้ ส.ส.เขต 1 ให้กับพรรค ปชป.

ส่วนพรรคคู่แข่ง พรรค พปชร.เตรียมส่ง “ทนายแดง” อดีตผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 ชุมพร ลงแก้มืออีกครั้ง นอกจากนี้ ยังมี พ.ต.อ.ทศพล โชติคุตร์ หรือ “ผู้กำกับหนุ่ย” จากพรรคกล้า และผู้สมัครจากพรรคก้าวไกล ร่วมลงชิงชัยในศึกเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ด้วย

 

ขณะที่พื้นที่เขต 6 จ.สงขลา ครอบคลุมพื้นที่อำเภอคลองหอยโข่ง อำเภอหาดใหญ่ (เฉพาะตำบลบ้านพรุ และตำบลพะตง) และอำเภอสะเดา (ยกเว้นตำบลสำนักแต้ว และตำบลสำนักขาม) หากมองในภาพใหญ่พื้นที่ จ.สงขลา มีทั้งหมด 8 เขตเลือกตั้ง พรรค พปชร.บุกเจาะพื้นที่เขต 1, 2, 3, 4 ส่วนพรรค ปชป.รักษาฐานที่มั่นได้ 3 เขต 5, 6, 8 ขณะที่พรรคภูมิใจไทยตีไข่แตกพื้นที่เขต 7

การเลือกตั้งเมื่อปี 2562 “ถาวร เสนเนียม” จากพรรค ปชป. เอาชนะนายสมปอง บริสุทธิ์ จากพรรค พปชร.มาด้วย 28,465 ต่อ 19,317 คะแนน ชนะกันเพียง 9,148 คะแนน

สำหรับการเลือกตั้งซ่อมเขต 6 สงขลาครั้งนี้ พรรค ปชป.เตรียมส่งนางสุภาพร กำเนิดผล หรือ “น้ำหอม” รองนายก อบจ.สงขลา และเป็นภรรยาของนายเดชอิศม์ ขาวทอง ส.ส.สงขลา พรรค ปชป. คนสนิทของ “ถาวร” จะลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.แทนนายถาวร

ขณะที่พรรคคู่แข่งอย่างพรรค พปชร.เตรียมส่ง “อนุกูล พฤกษานุศักดิ์” ทายาท “อนันต์ พฤกษานุศักดิ์” เจ้าของโรงงานถุงมือยาง ศรีตรัง อีกหนึ่ง “มือขวา” คนสำคัญของ “ถาวร” ที่ต้องมาชนกันเอง

 

ศึกเลือกตั้งที่จะมีขึ้น พรรค พปชร.ส่อก้าวข้ามมารยาททางการเมือง ไม่สนความเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ที่ตามธรรมเนียมจะไม่ส่ง ส.ส.แข่งขันกับพรรคที่เป็นเจ้าของพื้นที่เดิม เพราะต้องการรุกคืบและช่วงชิงพื้นที่ภาคใต้ของพรรค ปชป.มาให้ได้มากที่สุด

แม้ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตรในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร.จะขอให้แกนนำพรรค ละเว้นไม่ส่งชิง ส.ส.เลือกตั้งในพื้นที่เขต 1 จ.ชุมพร เนื่องจากมีเหตุผลแบบทอดไมตรีกับ “ตระกูลจุลใส” เนื่องจากการเลือกตั้งครั้งหน้า “ลูกช้าง” สุพล จุลใส ส.ส.ชุมพร เขต 3 พี่ชายของ “ลูกหมี” ชุมพล จะย้ายมาร่วมงานกับพรรค พปชร. จึงไม่อยากจะหักหาญน้ำใจส่ง ส.ส.ของพรรค พปชร.ลงเลือกตั้งซ่อมแข่ง

แต่แกนนำพรรค พปชร.กลับเห็นต่าง และเห็นว่าควรส่งเลือกตั้งซ่อมทั้ง 2 จังหวัด จึงต้องลงคะแนนลับตัดสินกันในที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.)

ผลการลงคะแนนปรากฏว่า เห็นควรให้ส่งผู้สมัคร ส.ส.ลงทั้ง 2 จังหวัด

โดยยกเหตุผลว่า ตามหลักการแล้วที่ผ่านมาพรรค พปชร.ส่งเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ในทุกพื้นที่ ทั้ง จ.ลำปาง ขอนแก่น นครศรีธรรมราช หากจะอ้างเหตุผลในเรื่องของมารยาททางการเมืองในพรรคร่วมรัฐบาล เป็นแค่เหตุผลทางการเมือง แต่พรรค พปชร.ก็ต้องยึดหลักการของพรรคตามที่ผ่านมา

ไม่นับรวมการรุกคืบในหลายพื้นที่ภาคใต้ ทั้ง จ.สุราษฎร์ธานี จ.พัทลุง ที่ “ผู้กองธรรมนัส” ลุยทำพื้นที่อย่างหนัก หวังปักธง ส.ส.พรรค พปชร.ให้ได้

 

แน่นอนพรรค พปชร.ตั้งแต่การเลือกตั้งปี 2562 และเลือกตั้งซ่อม 2564 ก้าวขึ้นมายึดหัวหาดภาคใต้ไว้ได้บางส่วน ย่อมต้องการรุกคืบ ขยายฐานความนิยม วัดเรตติ้ง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ครองความนิยมภาคนี้มากกว่าภาคอื่น และหยั่งวัดกระแสของพรรคในพื้นที่ภาคใต้เพื่อนำมาปรับยุทธศาสตร์ในการสู้ศึกเลือกตั้งครั้งใหม่

ขณะที่พรรค ปชป.ที่กำลังเดินยุทธศาสตร์กลับมาทวงความยิ่งใหญ่อีกครั้ง ต้องสู้ศึกเลือกตั้งซ่อมอย่างเต็มที่ ทางหนึ่งนอกจากจะป้องกันไม่ให้พรรคคู่แข่งมาเจาะพื้นที่ภาคใต้ของตัวเองให้เสียไปมากกว่านี้

อีกทางหนึ่งยังเป็นบททดสอบถึงผลงานและกระแสของพรรค ปชป.ที่เป็นหนึ่งในพรรคร่วมรัฐบาล เดินหน้าปล่อยสารพัดนโยบายออกมาซื้อใจพี่น้องชาวภาคใต้ ว่าได้ผลมากน้อยแค่ไหน

เป็นอีก “ศึกพรรคร่วม” ที่ผลแพ้-ชนะ จะสะเทือนถึงการเลือกตั้งครั้งต่อไป