‘นิพิฏฐ์’ ทิ้งพรรค ปชป. จับมือกลุ่ม 4 กุมาร สู้สงครามครั้งสุดท้าย/บทความในประเทศ

บทความในประเทศ

 

‘นิพิฏฐ์’ ทิ้งพรรค ปชป.

จับมือกลุ่ม 4 กุมาร

สู้สงครามครั้งสุดท้าย

 

การก้าวออกจากรั้วพระแม่ธรณีบีบมวยผม ของ “นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ” ที่อยู่ประชาธิปัตย์มายาวนานถึง 29 ปี อดีต ส.ส. 8 สมัย เป็นรองหัวหน้าพรรคดูแลภาคใต้ 3 สมัย ถือว่ายาวนานในประวัติศาสตร์ของประชาธิปัตย์เลยก็ว่าได้

ดังนั้น การตัดสินใจหันหลังให้ประชาธิปัตย์ครั้งนี้ “นิพิฏฐ์” บอกว่าไม่มีจุดแตกหักอย่างที่ใครสงสัย ว่าอะไรคือจุดแตกหักถึงขั้นแยกย้ายกันอย่างนี้

เป็นการจากกันด้วยดี แต่แฝงด้วยความน้อยใจ เพราะที่อยู่มา 29 ปี ได้เป็นรัฐมนตรีเพียงปีเดียว คือ รมว.วัฒนธรรม สมัยรัฐบาล “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” และน้อยใจที่ผู้บริหารพรรคชุดใหม่ นำโดย “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” ไม่ค่อยเห็นประโยชน์ เห็นคุณค่า และไม่เรียกใช้บริการ

โดยเจ้าตัวบอกว่า ที่ผ่านมาไม่ว่าประชาธิปัตย์จะเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้านก็จะต้องใช้บริการตลอด แต่ครั้งนี้เป็นรัฐบาลขณะที่พรรคเล็กลงมาก ประกอบกับตนเองอาจถูกมองว่ามีความสนิทสนมกับ “อภิสิทธิ์” ซึ่งคราวเลือกตั้ง ส.ส.ที่ผ่านมา ตัวเองเป็นรองหัวหน้าพรรคดูแลภาคใต้ ทำให้พรรคพ่ายแพ้จาก 50 ที่นั่งได้มาแค่ 22 ที่นั่ง

นิพิฏฐ์มองว่า การเลือกตั้งที่ผ่านมา พรรคก็แพ้ทั้งประเทศ ไม่ใช่แพ้เฉพาะภาคใต้เสียเมื่อไหร่ และถ้าประชาธิปัตย์จะฟื้น ภาคใต้ต้องฟื้นก่อน ถ้าภาคใต้ไม่ฟื้นก็อย่าหวังเลย

จึงลงชิงตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคดูแลภาคใต้อีกสมัย

 

แต่ดูเหมือนการเป็นรองหัวหน้าพรรคครั้งนี้ จะไม่ค่อยปลื้มกันเท่าไหร่ เพราะเหตุการณ์ที่ทำให้นิพิฏฐ์รู้สึกว่าหมดความสำคัญกับพรรค คือช่วงเลือกตั้งซ่อมที่ จ.นครศรีธรรมราช แทน “เทพไท เสนพงศ์” ที่ผ่านมา แม้เป็นรองหัวหน้าพรรคดูแลภาคใต้ แต่ในโปสเตอร์หาเสียง รถแห่ รถประชาสัมพันธ์ กลับไม่มีชื่อนิพิฏฐ์ปรากฏ ขณะที่มีชื่อของรองหัวหน้าภาคทุกคน หรือแม้แต่เวทีปราศรัยก็ไม่มีคิวขึ้นปราศรัย

ที่พีกสุดช่วงหาตัวผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 พัทลุง คนที่มาจะแทน “นายนิพิฏฐ์” นั้น ซึ่งเป็นการเตรียมตัวไว้สำหรับการเลือกตั้งครั้งต่อไป ทำให้ “นิพิฏฐ์” อารมณ์เสียอีกรอบ เพราะความไม่ลงรอยกันในพื้นที่ จ.พัทลุง กับนริศ ขำนุรักษ์ ส.ส.พัทลุง และ น.ส.สุพัชรี ธรรมเพชร อดีต ส.ส.พัทลุง ที่ดูเหมือนทั้งสองฝ่ายจะออกมาพูดไม่ตรงกัน จนทำให้นิพิฏฐ์ไม่พอใจเพราะผู้บริหารดันไปกระกาศตัวคนอื่นลงสมัคร ไม่ใช่คนที่ตัวเองวางเอาไว้

จน “นิพิฏฐ์” ถูก ส.ส.รุ่นน้องตามไปถาม และทำให้ถึงกับควันออกหูโกรธมากๆ ด้วยคำถามที่ว่า อยู่ฝ่ายใครใน ปชป. เจ้าตัวเลยตอบกลับไปว่า “อยู่ฝ่ายพระแม่ธรณีฯ ฝ่าย ปชป.อย่ามาถามผมอย่างนี้”

คำถามที่ต้องให้เลือกข้างอย่างนี้ “นิพิฏฐ์” บอกว่ารู้สึกอึดอัด อยู่ต่อไปก็คงไม่มีประโยชน์ และบางครั้งนโยบายการฟื้นฟูพรรค ผมก็มีความเห็นที่แตกต่างกับผู้มีอำนาจ จึงคิดว่าเราเสียสละแล้วเดินออกมาเพื่อให้พรรคเดินต่อไป ตามแนวทางของผู้บริหาร

ทั้งนี้ การยอมรับว่าไม่ค่อยจะลงรอยกับผู้มีอำนาจในพรรค ที่ไม่สามารถฟื้นปักษ์ใต้ได้ ทำให้ “นิพิฏฐ์” ตัดสินใจลาออกจากสมาชิกพรรคเมื่อวันที่ 6 ธันวาคมที่ผ่านมา และกราบลานายหัวชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เรียบร้อย แม้นายชวนจะเคยบอกให้อดทน และอย่าลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคก็ตาม ก็ไม่สามารถรั้งไว้ได้

และเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม “นิพิฏฐ์” ก็ได้ให้ตัวแทนไปยื่นลาออกจากตำแหน่งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี หรือผู้ช่วยรองนายกฯ จุรินทร์ แม้เจ้าตัวจะบอกว่า คนเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรี ไม่จำเป็นต้องเป็นสมาชิกพรรคก็ได้ แต่เพื่อตัดปัญหาก็ลาออกดีกว่า

 

การลาออกของ “นิพิฏฐ์” แม้ “จุรินทร์” หัวหน้าพรรค จะบอกว่าไม่อยากพูดถึง แต่การลาออกจากพรรคเป็นเรื่องธรรมดา ก็มีคนเข้า คนออก แต่ก็ทำให้คนในพรรครู้สึกเสียดาย เพราะเป็นนักการเมือง นักกฎหมายที่มีคุณภาพ ซึ่งในพรรคเองไม่มีใครรู้ว่าลึกๆ แล้วคืออะไร เพราะถือว่าให้เกียรติ เมื่อนิพิฏฐ์ตัดสินใจแล้วก็ต้องเคารพ และไม่ใช่ว่าพรรคไม่ให้ที่ยืน เพราะตำแหน่งผู้ช่วยรองนายกฯ ที่นิพิฏฐ์ได้ไป ถือว่าใหญ่แล้วสำหรับคนที่ไม่ได้ผู้แทนฯ

จนมีคนตั้งข้อสังเกตว่า การลาออกครั้งนี้อาจจะเป็นเรื่องส่วนตัวของนายนิพิฏฐ์เองก็ได้ เพราะการลาออกครั้งนี้ต้องยอมรับว่ากระทบพรรคพอสมควร และทำให้พรรคเสียหาย เกิดความสั่นคลอนไปพอสมควร

จนมีคนมองไปถึงตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคดูแลภาคใต้ที่จะมาแทนนายนิพิฏฐ์ ระหว่าง “ชินวรณ์ บุณยเกียรติ” ส.ส.นครศรีธรรมราช ที่มีความอาวุโส

กับคู่ชิง “เดชอิศม์ ขาวทอง” ส.ส.สงขลา ส.ส.สมัยแรก แต่มีเพาเวอร์ได้แรงหนุนจาก “ถาวร เสนเนียม”

 

เมื่อขาดจากความเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์แล้ว จากนี้จะไปไหนต่อ ซึ่งเป็นข่าวมาระยะหนึ่งแล้วว่า ก่อนที่ “นิพิฏฐ์” จะสละเรือพระแม่ธรณีบีบมวยผม ว่าอาจไปซบอยู่กับ “กลุ่ม 4 กุมาร” ซึ่ง “นิพิฏฐ์” เปรยให้ฟังว่าก่อนหน้านี้มี 3-4 พรรคเชิญไปพูดคุยให้มาทำงานการเมืองด้วยกัน เพราะเขารู้ว่าน่าจะไปไม่ได้แล้วกับ ปชป. น่าจะอยู่กันยากแล้ว

ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่า อดีตสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ผู้นี้จะไปทำงานการเมืองกับกลุ่ม 4 กุมาร ในนามกลุ่มไทยแลนด์ ฟิวเจอร์ ที่อาจแปลงร่างกลายเป็นพรรคการเมืองในอนาคต โดยมีนายอุตตม สาวนายน อดีตหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นหัวหน้าพรรค และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีตเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ เป็นเลขาฯ พรรค

โดยมีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกฯ เป็นแบ๊กอัพใหญ่อยู่ และจะมีการเปิดตัวพรรคการเมืองใหม่ช่วงประมาณวันที่ 23 หรือ 24 มกราคม 2565 แว่วๆ ว่า สถานที่ทำการพรรคอยู่แถวสุวรรณภูมิโน่น

แต่มีการขอไว้ว่าอย่าเพิ่งเอ่ยชื่อพรรคที่จะไปสังกัด เพราะกลัวว่า “นิพิฏฐ์” จะเปลี่ยนใจ เพราะทิ้งระยะเวลาไว้นานจากการขาดจากสมาชิกพรรคการเมืองเดิม แต่คาดการณ์ว่าเป็นพรรคของกลุ่ม 4 กุมาร

เพราะนิพิฏฐ์ถูกใจในแนวคิดของ “สมคิด” เสียแล้ว

 

หาก “นิพิฏฐ์” ไม่เปลี่ยนใจ อาจจะเข้าไปรับผิดชอบในพื้นที่ภาคใต้ เพราะเคยเป็นอดีตรองหัวหน้าพรรคที่ดูแลภาคใต้มานาน มีความคุ้นเคยและรู้แนวทางการต่อสู้ในพื้นที่เป็นอย่างดี

ถึงตอนเลือกตั้งทั่วไปที่จะมาถึงในอีกไม่ช้า ในระบบเลือกตั้งแบบบัตรสองใบ “นิพิฏฐ์” นอกจากจะต้องทำศึกกับพรรคการเมืองอื่นที่หวังเจาะพื้นที่ปักษ์ใต้แล้ว ยังต้องสู้ศึกกับบ้านเก่าเจ้าของฐานเสียงอีกด้วย คงเป็นการวัดกันระหว่าง “นิพิฏฐ์” กับ ปชป.เป็นแน่

และเมื่อพรรคการเมืองใหม่ที่ว่า เปิดตัวออกมาแล้วไปได้สวย นโยบายถูกใจ ก็คงต้องจับตาดูว่า ปีหน้าจะมีสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์คนไหนอดทนไม่พอ โบกมือลาไปอยู่กับ “นิพิฏฐ์” อีกสักกี่คน

เป็นการบ้านที่ผู้บริหารพรรคประชาธิปัตย์ต้องปรับกลยุทธ์รับมือกับการเลือกตั้งครั้งหน้า