ก่อสร้าง / นาย ต.

กำลังซื้อตลาดบนดีตลาดล่างแผ่ว

 

สภาพตลาดอสังหาริมทรัพย์ในเวลานี้ คงไม่แตกต่างจากตลาดสินค้าอื่นๆ นัก เพราะเป็นตลาดที่มีส่วนผสมหลายอารมณ์ปนเปกันอยู่

พอคลาย “ล็อกดาวน์” ผู้คนเริ่มขยับตัวมีความหวัง ยิ่ง “เปิดประเทศ” พร้อมกับผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ผู้คนออกมาทำงานจนรถติด ศูนย์การค้าคนไปเดินมากขึ้น ร้านรวงกลางคืนก็มีผู้คนออกไปพักผ่อนมากขึ้น

อารมณ์ตลาดจึงรู้สึก ดีกว่าที่คาดคิดไว้ก่อนหน้านี้

แต่ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โควิดสายพันธุ์ใหม่ B.1.1.529 ที่องค์การอนามัยโลกตั้งชื่อว่า โอไมครอน (Omicron) และประกาศเป็นสายพันธุ์ที่น่ากังวล มีการกลายพันธุ์เริ่มจากประเทศแอฟริกาใต้

ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกตกระนาว รวมมาถึงตลาดหุ้นไทยก็โดนไปด้วย ลบ 37.85 จุด

 

หากวัดดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคออกมาน่าจะได้ผลว่า มีทั้งความหวัง ความกังวล และความกลัวปะปนกัน

แผนการเปิดตัวโครงการใหม่อสังหาริมทรัพย์มักวางแผนกันเป็นปี แต่เวลาจะเปิดจริงแผนการตลาดก็ต้องปรับแผนกันเป็นรายสัปดาห์ตามภาวะตลาดจริง

อย่างไรก็ดี ผลการเปิดตัวโครงการในรอบเดือนที่ผ่านมา ส่วนใหญ่ถือว่า “เป็นไปด้วยดี” คือได้รับความสนใจจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย มีคนมาเยี่ยมชมโครงการและสำนักงานขาย แต่ยอดจองแตกต่างกันไปตามระดับราคาบ้านและรายได้ของกลุ่มเป้าหมายอย่างเห็นได้ชัด

โครงการบ้านเดี่ยวระดับราคาสูง ซึ่งมีแบรนด์ที่เป็นที่ยอมรับติดตลาดอยู่เพียง 3-4 รายผู้นำตลาด โครงการเปิดใหม่ยอดขายดีมาก เกินเป้ากันเลยทีเดียว ถือได้ว่ากำลังซื้อบ้านเดี่ยวระดับราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป ยังคงแข็งแกร่งตลอด 2 ปีที่เผชิญโควิดแพร่ระบาด

ตลาดที่อยู่อาศัยระดับราคากลาง ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ที่ระดับราคา 3-5 ล้านบาท ความสนใจ การเดินทางมาเยี่ยมชมโครงการก็ยังใช้ได้ การตัดสินใจจองก็มี แต่ต้องไปลุ้นกันอีกที ว่าจะกู้สินเชื่อจากสถาบันการเงินผ่านหรือไม่

เพราะหนี้ครัวเรือนในระบบเศรษฐกิจที่สูงถึง 90% ของ GDP ประเทศนั้น ก็กลุ่มคนชั้นกลางกลุ่มนี้เป็นกลุ่มหลัก ที่ระดับรายได้ไม่ค่อยขยับ แต่เมื่อเจอวิกฤตก็ต้องกู้หนี้ยืมสินมาประคับประคองการดำรงชีวิต

และสำหรับตลาดที่อยู่อาศัยราคา 1-2 ล้านบาท โครงการเปิดตัวใหม่ก็ได้รับความสนใจเช่นกัน แต่ข้อมูลที่ได้รับทราบมา บอกว่า มีสนใจเยี่ยมชมไม่น้อย แต่ส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยกล้าจอง

น่าจะแสดงถึง มีความต้องการที่อยู่อาศัย แต่ยังไม่มั่นใจรายได้ การจ้างงานอันเนื่องมาจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ

 

สรุปได้ว่า กำลังซื้ออสังหาฯ ที่อยู่อาศัย ก็เป็นไปตามโครงสร้างเศรษฐกิจประเทศที่มีการกระจุกตัวนั่นเอง

แนวโน้มจากนี้ไป ขึ้นอยู่กับนโยบายหรือกลยุทธ์การบริหารการฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศ ว่าจะทำได้ดีมากน้อยแค่ไหน

ถัดไปก็เป็นเรื่องการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศที่กระจุกตัว ที่ติดกับดักรายได้ปานกลาง

ทั้ง 2 เรื่องการฟื้นฟูและการปรับโครงสร้าง เป็นเรื่องที่สามารถทำได้ถ้าฝ่ายนโยบายเข้าใจ และมีทีมบริหารที่ดี