สันติภาพกับชาตินิยม/ชกคาดเชือก วงค์ ตาวัน

วงค์ ตาวัน

ชกคาดเชือก

วงค์ ตาวัน

 

สันติภาพกับชาตินิยม

 

มีความเคลื่อนไหวรณรงค์ล่าชื่อ ไปจนถึงจัดเดินขบวนเชิดสิงโต เพื่อขับไล่องค์กรแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ซึ่งเป็นองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนที่มีเครือข่ายทั่วโลก โดยกลุ่มที่ออกมาเคลื่อนไหว เป็นประชาชนแนวชาตินิยม ซึ่งมีคนใกล้ชิด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นหัวหอกในการจุดประเด็น

ความไม่พอใจต่อองค์กรสิทธิมนุษยชนสากลนี้ มาจากกรณีรณรงค์ให้คนทั่วโลกร่วมกันเขียนจดหมายถึงรัฐบาล ปกป้องแกนนำคนรุ่นใหม่ที่ถูกจับกุมจังคุกอยู่ในขณะนี้ ซึ่งคนใกล้ชิดนายกฯ และประชาชนที่ออกมาร่วมขับไล่ มองว่าเป็นการแทรกแซงกิจการภายในประเทศไทย ไม่เคารพกฎหมายของไทย

ยังไม่ชัดเจนว่า การขับไล่องค์กรสิทธิมนุษยชนสากลครั้งนี้ จะพัฒนาต่อไปแค่ไหน จะมีคนเห็นด้วยและเข้าร่วมมากมายเพียงใด

แต่ในขณะเดียวกัน แอมเนสตี้ได้เผยแพร่ข้อมูล เพื่อบอกเล่าความเป็นมาขององค์กร รวมทั้งกรณีเคยมีบทบาทร่วมรณรงค์ให้ปล่อยตัวนักโทษการเมืองไทยมาแล้ว คือ 18 ผู้นำนักศึกษาที่ตกเป็นจำเลยเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519

ตอนนั้นแอมเนสตี้ได้รับทราบข้อมูลจากนักสิทธิมนุษยชนในไทย ถึงความรุนแรงในการฆ่าหมู่ที่ธรรมศาสตร์ การจับกุมผู้นำนักศึกษาไปดำเนินคดีร้ายแรง ทั้งเป็นคอมมิวนิสต์ เป็นกบฏ อีกทั้งดำเนินคดีในศาลทหาร ภายใต้กฎอัยการศึกที่ไม่เป็นธรรม จึงส่งตัวแทนเข้ามาในไทยเพื่อเรียกร้องรัฐบาลให้ปล่อยนักโทษการเมืองที่ถูกดำเนินคดีอย่างไม่ชอบธรรม

ต่อมาได้รณรงค์ให้คนทั่วโลกร่วมกันส่งจดหมายเรียกร้องรัฐบาลไทย ให้ปล่อยตัว 18 จำเลย 6 ตุลาคม 2519 โดยมีจดหมายนับแสนฉบับที่ส่งมาเรียกร้องรัฐบาลไทย ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของแรงกดดัน ก่อนจะมีการนิรโทษกรรมให้กับแกนนำนักศึกษาดังกล่าว

แอมเนสตี้ซึ่งเดิมทีคนไทยจะรู้จักนามขององค์กรนิรโทษกรรมสากล ก่อตั้งมา 60 ปีแล้ว เคยได้รับรางวัลโนเบลสันติภาพเมื่อปี 2520 และรางวัลสหประชาชาติในสาขาสิทธิมนุษยชน ในปี พ.ศ.2521

ปัจจุบันมีสมาชิกกว่า 10 ล้านคน ใน 150 ประเทศทั่วโลก โดยได้ดำเนินกิจกรรมปกป้องคุ้มครองสิทธิมนุษยชนทั่วโลก ไม่แค่คดีการเมือง แต่รวมถึงสิทธิมนุษยชนในทุกด้าน

ขณะที่มีคนไทยกลุ่มชาตินิยม และคนใกล้ชิดนายกฯ ออกมารณรงค์ขับไล่แอมเนสตี้ให้พ้นไปจากประเทศไทย แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็แสดงท่าทีขานรับ สั่งการให้ทุกหน่วยงานตรวจสอบองค์กรนี้ จดทะเบียนถูกต้องหรือไม่ มีกิจกรรมถูกต้องหรือไม่

รวมทั้งกล่าวว่า จะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายประเทศไทยอย่างเด็ดขาด

คำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์นี้เอง ที่หลายฝ่ายต้องออกมาท้วงติงว่า เป็นการสนับสนุนกลุ่มขับไล่แอมเนสตี้ ซึ่งจะมีผลให้ภาพพจน์ด้านสิทธิมนุษยชนของไทยเราตกต่ำในสายตาคนทั่วโลก!

 

ย้อนดูประวัติศาสตร์บ้านเมืองเรา เคยมีการเคลื่อนไหวเดินขบวนเพื่อขับไล่ต่างชาติ เกิดขึ้นมาแล้ว โดยหลัง 14 ตุลาคม 2516 เมื่อนักศึกษาประชาชนโค่นรัฐบาลทหารสำเร็จ จุดประกายประชาธิปไตยขึ้นมาในสังคมไทย จากนั้นศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย ร่วมกับประชาชน เป็นขบวนการที่มีบทบาทสำคัญในการต่อสู้ในหลายๆ ปัญหา

การขับไล่อิทธิพลทางทหารของสหรัฐในไทย เป็นประเด็นหนึ่ง

โดยในยุคนั้น ยุทธศาสตร์ของสหรัฐอเมริกา เน้นต่อสู้กับอิทธิพลของสหภาพโซเวียต ถือตัวเองเป็นผู้นำโลกเสรี ต่อต้านการขยายตัวของลัทธิคอมมิวนิสต์ในทั่วโลก

ต่างไปจากยุคปัจจุบันซึ่งสหภาพโซเวียตล่มสลาย ลัทธิคอมมิวนิสต์ไปต่อไม่ได้ ทำให้สหรัฐปรับเปลี่ยนตัวเอง เปลี่ยนเป็นผู้นำโลกประชาธิปไตย ต่อต้านลัทธิเผด็จการทั่วโลกแทน

ในช่วงที่สหรัฐยังต่อต้านลัทธิคอมมิวนิสต์ ได้เข้ามาครอบงำรัฐบาลไทย เอาไทยเป็นฐานที่มั่นสำคัญในการต่อสู้กับกับขยายตัวของคอมมิวนิสต์ในภูมิภาคนี้

ขณะนั้นพรรคคอมมิวนิสต์ในเวียดนามเหนือ ลาว และกัมพูชา กำลังเปิดศึกสงครามต่อสู้กับรัฐบาลฝ่ายขวา ที่อเมริกาหนุนหลังอยู่

ช่วงสงครามเวียดนาม ลาว เขมร นี่เอง ที่สหรัฐเข้ามาตั้งฐานทัพหลายแห่งในประเทศไทย ใช้เป็นฐานในการสู้กับคอมมิวนิสต์ใน 3 ประเทศ รวมทั้งสนับสนุนรัฐบาลไทยในการทำสงครามกับพรรคคอมมิวนิสต์ไทยด้วย

มีข้อมูลระบุว่า มีฐานทัพอเมริกาในไทยถึง 12 แห่ง คือ ที่อู่ตะเภา ตาคลี อุบลราชธานี อุดรธานี นครพนม น้ำพอง สัตหีบ ลพบุรี โคราช และกาญจนบุรี มีเครื่องบินสหรัฐประจำในไทยถึง 550 ลำ เพื่อใช้ในการทิ้งระเบิดในลาว เขมร และเวียดนาม และมีทหารอเมริกันที่ประจำอยู่ในไทยนับแสนคน โดยมีศูนย์บัญชาการคือหน่วยจัสแมกตั้งอยู่ใน กทม.

ขณะที่กระแสคนหนุ่ม-สาวทั่วโลก รวมทั้งนักศึกษาในสหรัฐเอง เคลื่อนไหวต่อต้านสงครามเวียดนามที่สหรัฐเข้าไปมีบทบาท มองว่ารัฐบาลอเมริกาแทรกแซงประเทศต่างๆ ไปทั่วโลก

นักศึกษาในอเมริกามีการชุมนุมประท้วงสงคราม ศิลปินเพลงดังๆ ออกเพลงต่อต้านสงคราม เรียกร้องสันติภาพมากมาย

นักศึกษาไทยเอง ทั้งกระแสต่อต้านสงคราม และต่อต้านการเข้ามาครอบงำไทย เอาไทยเป็นฐานในการส่งกำลังและเครื่องบินไปโจมตีการต่อสู้ของประชาชนใน 3 ประเทศเพื่อนบ้าน เท่ากับทำให้ไทยกลายเป็นศัตรูไปด้วย

จึงรณรงค์ต่อสู้ให้มีการถอนฐานทัพอเมริกาออกไป ถอนสถานีเรดาร์ที่ใช้สอดแนมประเทศเพื่อนบ้าน

ในปี 2518 นักศึกษาจัดเดินขบวนขับไล่ฐานทัพอเมริกาหลายหน จัดชุมนุมใหญ่ในวันชาติสหรัฐ 4 กรกฎาคม รวมทั้งเดินขบวนยาวเหยียดจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ไปสถานทูตสหรัฐ ถนนวิทยุ จนถูกปาระเบิดใส่ขบวนที่บริเวณสยามสแควร์ มีผู้เสียชีวิต 4 ราย ในวันที่ 21 มีนาคม 2519

ลงเอยสหรัฐเริ่มยอมถอนฐานทัพ ถอนกำลัง และลดบทบาทตัวเองลงไป ประกอบกับเป็นช่วงที่พ่ายแพ้สงครามใน 3 ประเทศดังกล่าวอย่างราบคาบ

นี่เป็นหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์บ้านเมืองเรา ที่นักศึกษาประชาชนรณรงค์และเดินขบวนขับไล่ฐานทัพสหรัฐและอิทธิพลทางทหารที่เข้ามาครอบงำไทย

เป็นการขับไล่ต่างชาติ เพื่อต่อต้านการครอบงำรัฐบาลและครอบงำทางการทหาร เป็นการขับไล่ต่างชาติเพื่อต่อต้านมหาอำนาจเข้าไปแทรกแซงและทำสงครามกับประเทศเพื่อนบ้าน

ทั้งเพื่อเรียกร้องสันติภาพ ต่อต้านสงครามทำลายผู้คนในหลายๆ ประเทศ ทำเพื่อปกป้องชีวิตผู้คนด้วยจิตใจที่เป็นสากล

 

การเคลื่อนไหวของนักศึกษาเดินขบวนขับไล่ฐานทัพอเมริกาในช่วงนั้น ได้ถูกมวลชนฝ่ายขวาฝ่ายชาตินิยมออกมาต่อต้าน ปกป้องฐานทัพและสถานีเรดาร์ อ้างว่าเป็นประโยชน์ต่อไทยเรา เอาไว้รักษาประเทศไทยไม่ให้กลายเป็นคอมมิวนิสต์

ถึงขั้นขัดขวางก่อกวนการเคลื่อนไหวของนักศึกษา ด้วยการลอบปาระเบิดจนสูญเสีย

ขณะที่นักศึกษาขับไล่อิทธิพลทางทหารของอเมริกา ด้วยจิตใจของคนหนุ่ม-สาวรักเสรี รักสันติภาพ ต่อต้านสงคราม ปกป้องสิทธิมนุษยชนของประชาชนในประเทศที่เกิดสงคราม ต่อต้านการครอบงำประเทศไทยเรา

ฝ่ายขวาชาตินิยมกลับมองว่า เป็นเครื่องมือของคอมมิวนิสต์ ขัดขวางปฏิบัติการทางทหารของอเมริกา

ในที่สุดความหวาดระแวงต่อนักศึกษา และหวาดกลัวในชัยชนะของคอมมิวนิสต์ในเวียดนาม ลาว กัมพูชา

ทำให้กลุ่มอำนาจรัฐไทยและฝ่ายขวา ตัดสินใจก่อเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 เพื่อกวาดล้างขบวนการนักศึกษา

เปรียบเทียบกับการเคลื่อนไหวในวันนี้ เมื่อมวลชนฝ่ายสนับสนุนรัฐบาลประยุทธ์ และมวลชนชาตินิยม ออกมาขับไล่องค์กรด้านสิทธิมนุษยชนสากล ไม่พอใจที่รณรงค์ให้ทั่วโลกร่วมเรียกร้องปล่อยตัวแกนนำคนรุ่นใหม่ที่ถูกคุมขังในเรือนจำ

นับเป็นการต่อต้านองค์กรที่มีบทบาทปกป้องสิทธิมนุษยชนของผู้คนทั่วโลก

เทียบกันแล้ว ถือเป็นภาพที่ตรงกันข้ามคนละขั้วอย่างแท้จริง!