Beyond Mission ‘บิ๊กแก้ว-บิ๊กบี้’ 2 ขุนพลผู้พิทักษ์ จัดระเบียบกองทัพ จับตา ‘แม่ทัพสุขสรรค์’ คุมกำลังคอแดง โฟกัส 5 ฉลาม ชิงแม่ทัพเรือ/รายงานพิเศษ

รายงานพิเศษ

 

Beyond Mission

‘บิ๊กแก้ว-บิ๊กบี้’ 2 ขุนพลผู้พิทักษ์

จัดระเบียบกองทัพ

จับตา ‘แม่ทัพสุขสรรค์’

คุมกำลังคอแดง

โฟกัส 5 ฉลาม ชิงแม่ทัพเรือ

 

เป็นที่รู้กันดีว่า กองทัพในยุคนี้ ฉายภาพชัดในการเป็นทหารที่จะต้องพิทักษ์ รักษา เทิดทูน ปกป้องสถาบัน

ผบ.เหล่าทัพออกมาประกาศ และแสดงออกอยู่เนืองๆ ในการทำหน้าที่ปกป้องสถาบันหลักของชาติ

พร้อมๆ กับบิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ที่คุมกองทัพ ก็ยิ่งพยายามตอกย้ำภารกิจในการปกป้องสถาบัน

ขณะที่กองทัพภายใต้การนำของ 2 นายทหารคอแดง ทั้งบิ๊กแก้ว พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผบ.ทหารสูงสุด ก็เคยส่งสัญญาณเตือนขบวนการล้มล้างสถาบัน ที่สร้างความวุ่นวายว่า หากเกิดการจลาจล ก็เป็นหน้าที่ที่ทหารจะต้องออกมาดูแลความสงบเรียบร้อย

ทั้งบทบาทของบิ๊กบี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. และ ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 ที่แม้จะไม่ค่อยให้สัมภาษณ์ แต่ก็แสดงออกทางทวิตเตอร์ ทั้งการปกป้อง เทิดทูนสถาบัน และการต่อต้านกลุ่มเคลื่อนไหวหมิ่นสถาบัน

ทั้ง พล.อ.เฉลิมพล และ พล.อ.ณรงค์พันธ์ ถือเป็นน้องรักสายตรงที่บิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อดีต ผบ.ทบ. ผลักดันขึ้นมาจนเป็น ผบ.เหล่าทัพ แม้จะมีอายุราชการถึงปี 2566 นั่งยาว 3 ปี

หลังจากที่ พล.อ.อภิรัชต์ได้หารือกับ พล.อ.ประยุทธ์ไว้แล้วตอนนั้น ว่าทั้ง 2 คนจะเป็น ผบ.เหล่าทัพที่จะอยู่เคียงคู่ พล.อ.ประยุทธ์ไปจนครบเทอม แบบยาวๆ สนับสนุนการปกป้องสถาบันอย่างต่อเนื่อง

โดยไม่ต้องระวังหลังว่า ทหารจะปฏิวัติรัฐประหาร โดยมี พล.อ.อภิรัชต์ดูแล พล.อ.ประยุทธ์มาตลอด ไม่ว่าตนเองจะอยู่ในสถานภาพใด

 

ทั้งนี้ มีการจัดวางโครงสร้างกองทัพบกใหม่ ให้รองรับงานของหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารมหาดเล็ก รักษาพระองค์ 904 (ฉก.ทม.รอ.904)

นอกจากที่เดิมมีการปรับสายการบังคับบัญชา ทบ.ใหม่ โอนย้าย ร.1 รอ. และ ร.11 รอ. จาก พล.1 รอ. ไปเป็นหน่วยในพระองค์ ในกรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภ รักษาพระองค์ (ทม.รอ.) กลายเป็น ทม.ร.1 รอ. และ ทม.ร.11 รอ. แล้ว

ยังดึงกรมรบพิเศษที่ 3 ที่สังกัดหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ (นสศ.) ที่เป็นกรมที่มีทหารรบพิเศษระดับพระกาฬของ ทบ. มาขึ้นกับ ฉก.ทม.รอ.904 ด้วย กลายเป็นทหารรบพิเศษคอแดง หน่วยเดียวใน ทบ.

ทบ.ยังปรับเปลี่ยนกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม.2 รอ.) ที่เคยได้ชื่อว่า กองพลรถถังปฏิวัติ มายาวนาน จากที่เป็นหน่วยขึ้นตรง (นขต.) ผบ.ทบ. ก็มาขึ้นกับกองทัพภาคที่ 1 อยู่ในอำนาจสั่งการของแม่ทัพภาคที่ 1

ที่ปัจจุบันมีบิ๊กโต พล.ท.สุขสรรค์ หนองบัวล่าง เป็นแม่ทัพภาคที่ 1 และทำหน้าที่เสนาธิการ ฉก.ทม.รอ.904 ด้วย ซึ่งถือเป็นนายทหารสายบูรพาพยัคฆ์ที่น่าจับตามอง เพราะมีอายุราชการถึงกันยายน 2567

ทั้งนี้ เพื่อให้ 3 กองพลหลักของ ทบ.ที่เป็นกำลังรบหลัก และเคยได้ชื่อว่าเป็นกองพลปฏิวัติ ขึ้นกับ ฉก.ทม.รอ.904 เช่นเดียวกับกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (พล.1 รอ.) และกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ร.2 รอ.) ที่ขึ้นตรงกับแม่ทัพภาคที่ 1 เช่นเดียวกัน

ทั้ง 3 กองพลนี้ จึงได้ชื่อว่าเป็นกองพลทหารคอแดง โดยเฉพาะ พล.1 รอ. ที่เป็นกำลังหลักของ ฉก.ทม.รอ.904 ที่ถือเป็นกองพลพิเศษ เพราะในอดีต ผบ.พล.1 รอ.จะต้องมีบทบาทสำคัญในการรัฐประหาร เพราะแม้เป็นกองพลทหารราบ แต่ไม่เรียกตัวเองว่า “พล.ร.1 รอ.” และมีทั้ง ม.พัน 4 รอ. ที่เป็นกองพันทหารม้ารถถังปฏิวัติ และ ป.1 รอ. กรมทหารปืนใหญ่รักษาพระองค์ แถมมี ร.1 รอ. ร.11 รอ. และ ร.31 รอ. ที่เป็นขุมกำลังปฏิวัติ ก่อนที่จะมีการย้ายโอน

ก่อนหน้านี้ ได้มีคำสั่งให้เคลื่อนย้ายอาวุธหนักของทั้ง พล.1 รอ. และ พล.ม.2 รอ. ที่อยู่ในกรุงเทพฯ ออกไปอยู่หน่วยนอกเมือง เพื่อลดปัญหาการจราจรในกรุงเทพฯ เวลาทหารขนย้ายรถถัง ปืนใหญ่ ออกไปฝึก และกลับจากการฝึก ที่ถูกมองว่า เพื่อเป็นการป้องกันการรัฐประหาร แม้ว่าการรัฐประหารไม่จำเป็นต้องใช้รถถังแล้วก็ตาม

พล.ท.สุขสรรค์ หนองบัวล่าง

กองทัพบกจึงเป็นเหล่าทัพหลักที่มีการขยับปรับเปลี่ยน รองรับ ฉก.ทม.รอ.904 ที่เริ่มมาตั้งแต่ยุคบิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ เป็น ผบ.ทบ. และเป็น ผบ.ทบ.คนแรกที่เป็น ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 และเป็นนายทหารพิเศษ ประจำ ทม.รอ.

โดยเริ่มจัดตั้ง ฉก.ทม.รอ.904 และคัดตัวนายทหารไปฝึกหลักสูตร ทม.รอ. และการเตรียมย้ายโอน ร.1 รอ. และ ร.11 รอ. และปรับโครงสร้างกองพลทหารราบที่ 11 (พล.ร.11) ให้เป็นกองพลหลัก แทน พล.1 รอ. ที่ถูกพร่องกำลังลงไป จนเป็นที่มาของการเป็นกองพล Stryker

การปรับโครงสร้าง ทบ. ส่งผลให้ ผบ.ทบ.ต้องเป็นนายทหารคอแดง และส่งผลให้บิ๊กบี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ได้เป็น ผบ.ทบ.คอแดงต่อ ก็ควบ ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 คนที่ 2 สานต่อภารกิจ ภายใต้ม็อตโต้ “พิทักษ์ราชัน ปกป้องประชา รักษาแผ่นดิน”

ขณะเดียวกัน แม่ทัพภาคที่ 1 ผบ.พล.1 รอ. ผบ.พล.ร.2 รอ. และ ผบ.พล.ม.2 รอ. ก็ต้องเป็นนายทหารคอแดง

ขณะที่ในยุค พล.อ.ณรงค์พันธ์ ได้ขยับขยายให้นายทหารคอแดงลงตำแหน่งด้านการฝึกศึกษา เช่น เป็น ผบ.รร.นายร้อย จปร. และ ผบ.รร.เตรียมทหาร เพื่อสร้างความเป๊ะในแบบแผนของ ฉก. ทม.รอ.904 ให้กับนักเรียนนายร้อย ที่มี “ฉก.คะเด็ท” และนักเรียนเตรียมทหาร

พล.ร.อ.สมประสงค์ นิลสมัย

นอกจากนี้ ยังมีการสร้างความแข็งแกร่งให้นักเรียนนายร้อย จปร. นายเรือ และนายเรืออากาศ ร่วมฝึกในการฝึกร่วม ฉก.ทม.รอ.904 ด้วย และเข้าร่วมการฝึกปฏิบัติร่วมกับพลเรือน ตำรวจ ทหาร เพื่อเตรียมตัวร่วมการฝึกร่วม กฝร.ของกองทัพไทย ในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 ด้วย

โดยที่บิ๊กแก้ว พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ซึ่งเป็นทหารคอแดง ที่เป็น ผบ.ทหารสูงสุดคนแรก ก็ร่วมสานงาน ฉก.ทม.รอ.904 ด้วย โดยได้ไปตรวจการฝึกของปฏิบัติการร่วม พตท.ของนักเรียนนายเรือ ชั้นปี 3 ให้มีความพร้อมปฏิบัติหน้าที่แบบทหาร ตั้งแต่ยังเป็นนักเรียน

โดยมีทั้งการฝึกอาวุธประจำกาย ฝึกยุทธวิธีทหารราบ การรายงานข่าวสาร การร้องขอและปรับการยิง ค.ปืนใหญ่ และการฝึกขั้นตอนตามแผนป้องกันประเทศเพื่อเตรียมการให้กับนักเรียนนายร้อย 3 เหล่าทัพมีความพร้อมเข้าร่วมการฝึกตามแผนการฝึกปฏิบัติการร่วมพลเรือน ตำรวจ ทหาร ประจำปี 2565

เพราะก่อนหน้านั้น พล.ท.สุขสรรค์ แม่ทัพภาคที่ 1 และเสธ.ฉก.ทม.904 ก็มาตรวจการฝึกแล้ว ที่ถือว่าเป็นการให้ความสำคัญในการสร้างนักเรียนนายร้อยที่มีความสามารถทางการทหาร ตั้งแต่ยังเป็นนักเรียน

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการสร้างระบบกองทัพ ในการทำหน้าที่ทหารพระราชา นอกเหนิอจากการปกป้องชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชน

พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์

ขณะที่ข้ามไปที่กองทัพเรือ ในยุคบิ๊กเฒ่า พล.ร.อ.สมประสงค์ นิลสมัย ผบ.ทร. ที่ไล่แก้ไขในสิ่งที่บิ๊กลือ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ อดีต ผบ.ทร. ทำไว้ เพราะรู้กันดีว่า ตอนที่ พล.ร.อ.ลือชัยขึ้นเป็น ผบ.ทร. พล.ร.อ.สมประสงค์ก็ถูกเด้งข้ามไปเป็นรองปลัดกลาโหม และสกัดกั้นไม่ให้กลับ ทร. จนนั่งเป็นรองปลัดกลาโหมถึง 2 ปี

แต่ในที่สุด พล.ร.อ.สมประสงค์ก็ข้ามกลับมาเป็น ผบ.ทร.ได้ ด้วยการวางแผนอันแยบยลของ ตท.20 ทั้งบิ๊กณัฐ พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกลาโหมในเวลานั้น และบิ๊กอุ้ย พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน ผบ.ทร.ในตอนนั้น ที่ยอมรับ พล.ร.อ.สมประสงค์ ตามที่กลาโหมเสนอมา เพราะก็เป็นเพื่อนรักกัน

เมื่อ พล.ร.อ.สมประสงค์กลับมา ก็สั่งปรับภูมิทัศน์ใหม่ ด้วยการถอนต้นไผ่หน้าอาคาร บก.ทร.พระราชวังเดิม ที่ พล.ร.อ.ลือชัยสั่งปลูกไว้ เพราะชอบต้นไผ่ ตามความเชื่อ และปรัชญาจีนนั้นออกไป เพราะบดบังความสวยงามของอาคารเก่า และสั่งเปิด “ช่องตีนกา” ที่รั้วกำแพงวังเดิม ที่เคยถูกปิดตามความเชื่อ

รวมถึงตัดต้นไผ่ที่เป็นแนวยาวหน้าตึก บก.ทร.วังนันทอุทยาน ที่คราวนั้น พล.ร.อ.สมประสงค์แจงว่า เพราะสูงบังตัวอาคาร ไม่ใช่เพราะ พล.ร.อ.ลือชัยปลูกไว้ เพราะยังเคารพในฐานะอดีตผู้บังคับบัญชา และต้องการปรับภูมิทัศน์ให้เป็นดังเดิม

โดยเฉพาะในพระราชวังเดิม ที่เป็นโบราณสถาน

พล.ร.อ.สุวิน แจ้งยอดสุข

ตามมาด้วยการเปลี่ยนป้ายข้อความ จากเดิม “Moving Forward to Ensure Sustainability รุกคืบหน้า สถาปนาความมั่นคง” ที่ทำในยุค พล.ร.อ.ลือชัย ตามวิสัยทัศน์ ผบ.ทร. ที่ บก.ทร. วังนันทอุทยานก็มี

โดยในยุค พล.ร.อ.ลือชัย เคยเปลี่ยนป้ายนี้มา 2 ครั้ง เพราะครั้งแรกใช้คำว่า “Stop the Past, Start the New. หยุดสิ่งร้ายในอดีต เริ่มสิ่งที่ดีงามเพื่อความวัฒนาถาวร” ตามม็อตโต้ในการทำงานของ พล.ร.อ.ลือชัย ที่อะไรไม่ถูกต้อง ก็จะหยุดและปรับเปลี่ยนใหม่

แต่ทำให้อดีต ผบ.ทร.หลายคนไม่พอใจ เพราะสื่อความหมายว่า ที่ผ่านมา ทำไว้ไม่ดี จน พล.ร.อ.ลือชัยต้องเปลี่ยนมาเป็น “Moving Forward to Ensure Sustainability” ก่อนที่จะมาถูกถอดออกในยุค พล.ร.อ.สมประสงค์ และเปลี่ยนเป็นป้ายข้อความใหม่ว่า “กยิรา เจ กยิราเถนํ จะทำสิ่งไร ควรทำจริง”

ซึ่งเป็นคติสอนใจของเสด็จเตี่ย “พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์” บิดาทหารเรือ

เนื่องจาก พล.ร.อ.สมประสงค์เห็นว่า ด้านหน้า บก.ทร.วังนันทอุทยานนั้นมีพระบรมราชานุสาวรีย์ของกรมหลวงชุมพรฯ ดังนั้น ป้ายข้อความด้านหน้า ก็ควรจะเป็นข้อความที่เกี่ยวข้องกับท่าน

แต่อย่างไรก็ตาม ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะถูกมองว่า เป็นเพราะปัญหาความสัมพันธ์ของ พล.ร.อ.สมประสงค์ กับ พล.ร.อ.ลือชัย นั่นเองด้วย

พล.ร.อ.ธีรกุล กาญจนะ

จึงไม่แปลกที่ในงานวันกองทัพเรือ 20 พฤศจิกายนที่จัดงานเมื่อ 19 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ที่พระราชวังเดิม มีอดีต ผบ.ทร. 10 คนมาร่วมงาน แต่ไร้เงาของ พล.ร.อ.ลือชัย

ไม่แค่นั้น นายทหารที่เคยใกล้ชิดติดตาม พล.ร.อ.ลือชัย และได้ไปปฏิบัติหน้าที่ในต่างประเทศ ถูกเรียกตัวกลับมา อ้างเหตุผลมีการปฏิบัติหน้าที่บกพร่อง และถูกตรวจสอบ แต่ก็เป็นที่ร่ำลือกันใน ทร. ว่าเป็นเพราะเคยทำงานกับ พล.ร.อ.ลือชัย

จึงทำให้ พล.ร.อ.สมประสงค์ถูกจับตามองว่าจะรื้อ หรือล้างบางในส่วนที่ พล.ร.อ.ลือชัยทำไว้อีกหรือไม่ เพราะแม้แต่บ้านรับรอง ผบ.ทร. ที่สร้างในสมัย พล.ร.อ.ลือชัย ที่มีการโยกงบฯ 112 ล้าน จากซ่อมมาสร้างใหม่นั้น พล.ร.อ.สมประสงค์ก็ไม่ได้ใช้ ไม่ได้มาพำนักในบ้านรับรองหลังนี้ แต่ยังคงอยู่บ้านส่วนตัว

สถานการณ์ใน ทร.จึงทำให้บรรดานายทหารที่ได้ชื่อว่าเป็นคนที่ พล.ร.อ.ลือชัยแต่งตั้งเอาไว้ หรือวางตัวเอาไว้ ถูกจับตาว่าจะถูกล้างบางหรือไม่ เพราะ 1 ปีที่ผ่านมา ในยุค พล.ร.อ.ชาติชายนั้น ไม่ได้ล้างบาง เพราะไม่ได้มีปัญหากับ พล.ร.อ.ลือชัย

โดยเฉพาะคนที่ได้ดีในยุค พล.ร.อ.ลือชัย หรือถูกวางตัวไว้เป็น ผบ.ทร. ที่พลาดเก้าอี้ ผบ.ทร.มาแล้วจากโผที่แล้ว ทั้งบิ๊กโต้ง พล.ร.อ.ธีรกุล กาญจนะ (ตท.21) ที่แม้ได้รับการเสนอชื่อเป็น ผบ.ทร. แต่แค่พอเป็นพิธี เพราะ พล.ร.อ.ชาติชายต้องเสนอคนในเป็น ผบ.ทร.

สุดท้าย พล.ร.อ.สมประสงค์ข้ามกลับมา จึงทำให้ พล.ร.อ.ธีรกุล จากเสธ.ทร. ที่ พล.ร.อ.ลือชัยตั้งเป็นเสธ.ทร.ไว้ จึงได้เป็นแค่รอง ผบ.ทร.

เช่นเดียวกับบิ๊กปู พล.ร.อ.สุทธินันท์ สมานรักษ์ (ตท.22) น้องรักของ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ที่ดันจากเจ้ากรมการเงิน ทร. มาเป็นผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 และขึ้นผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ (ผบ.กร.) ชิง ผบ.ทร.ไว้

แต่โผที่ผ่านมา นายทหารเรือคนใน แห้วกันหมด เพราะ พล.ร.อ.สมประสงค์ได้ข้ามกลับมาเป็น ผบ.ทร.ในปีสุดท้ายก่อนเกษียณ ส่วน พล.ร.อ.สุทธินันท์ก็ได้แค่ ผช.ผบ.ทร. แต่ก็มีสิทธิ์ลุ้น ผบ.ทร.อีกครั้งในปลายปีหน้า

ส่วนบิ๊กแจ๊ค พล.ร.อ.เถลิงศักดิ์ ศิริสวัสดิ์ (ตท.23) เสธ.ทร. ที่ก็เติบโตในยุค พล.ร.อ.ลือชัย เป็นเจ้ากรมยุทธการ ทร. เป็นทีมโครงการเรือดำน้ำ จนได้ขยับขึ้นรองเสธ.ทร. และเสธ.ทร. จนกลายเป็นแคนดิเดต ผบ.ทร.อีกคน

แต่ก็ถือว่าเป็นเสธ.ทร.ที่ พล.ร.อ.สมประสงค์มอบหมายงาน และออกงานด้วยกันเสมอๆ จึงไม่อาจมองข้าม

พล.ร.อ.สมประสงค์ นิลสมัย ,พล.ร.อ.สุวิน แจ้งยอดสุข

ขณะที่คนที่ถูกจับตามองมากที่สุด คือ บิ๊กวิน พล.ร.อ.สุวิน แจ้งยอดสุข ผบ.กองเรือยุทธการ เพราะเคยทำงานกับ พล.ร.อ.สมประสงค์มาก่อน เมื่อครั้งเป็นทีมนายทหารฝ่ายเสนาธิการ ผบ.ทร. ยุคบิ๊กหรุ่น พล.ร.อ.สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์

แต่ด้วยความที่ พล.ร.อ.สุวินเป็นรุ่นน้องสุดในบรรดา 4 แคนดิเดต เพราะเป็น ตท.25 ที่มีอายุราชการถึง 2568 ถ้าขึ้นเป็น ผบ.ทร.เลยจะนั่ง 3 ปี ทำให้สามารถทำงาน สานต่องาน ทร.ได้อย่างต่อเนื่อง แต่หากขึ้น ผบ.ทร.เลย ย่อมต้องทำให้นายทหารเรือรุ่นพี่ๆ ไม่พอใจ

แม้จะเป็นนายทหารที่มีความสามารถ และเป็นดาวเด่นของรุ่น โปร์ไฟล์ดี ผ่านตำแหน่งสำคัญใน ทร.มาทั้งผู้การเรือหลวงจักรีนฤเบศร ผช.ทูต ทร. ประจำวอชิงตัน ดี.ซี. ผบ.กองเรือลำน้ำ ผบ.ฐานทัพเรือกรุงเทพฯ เดินมาตามไลน์ก็ตาม

จึงมีข่าวสะพัดว่า อาจจะมีนายทหารรุ่นพี่มาขัดตาทัพก่อนหรือไม่ โดยเฉพาะหลังการปรากฏตัวของบิ๊กจอร์ช พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ รองเสธ.ทหาร ที่มาร่วมงานกองทัพเรือในยุค พล.ร.อ.สมประสงค์หลายครั้ง วันกองทัพเรือ ทั้งที่พระราชวังเดิม กองทัพเรือ และที่ รร.นายเรือ จึงทำให้ถูกจับตามองว่าจะได้คัมแบ๊กสู่วังเดิม กองทัพเรือ หรือไม่

หลังจากโผที่ผ่านมา ในยุค พล.ร.อ.ชาติชายได้ขยับจากพลเรือโท ผบ.ทัพเรือภาคที่ 3 ไปเป็นพลเรือเอก รองเสธ.ทหาร ที่ บก.กองทัพไทย

จนเป็นที่จับตามองว่า ในการแต่งตั้งโยกย้ายกลางปีหน้า พล.ร.อ.เชิงชายอาจมีลุ้นที่จะกลับกองทัพเรือ เพราะก็มีความรู้จักมักคุ้นกับ พล.ร.อ.สมประสงค์ และครอบครัว

พล.ร.อ.เชิงชายเป็นเตรียมทหารรุ่น 22 มีฉายาว่า “4 ช.” จากชื่อและนามสกุล ที่มี “ช.ช้าง” 4 ตัว ถือเป็นดาวเด่นในรุ่น แต่ พล.ร.อ.สุทธินันท์ขยับเร็วกว่า โดย พล.ร.อ.เชิงชายก็มีอายุราชการเหลือ 1 ปี

จึงต้องรอดูว่า พล.ร.อ.สมประสงค์เล็งนายทหารเรือรุ่นน้องคนใดไว้ เพราะคาดกันว่า การโยกย้ายเมษายน ที่ปกติจะไม่มีการโยกย้ายในตำแหน่งหลักก็ตาม แต่อาจจะดันใครขึ้นมาเป็นพลเรือเอก มาเป็นทางเลือกเพิ่มขึ้นหรือไม่ แม้จะมีแคนดิเดต ผบ.ทร.ในระดับ 5 ฉลาม ถึง 4 คนแล้วก็ตาม

กองทัพไม่ว่าเหล่าทัพใด จึงยังคงมีภารกิจสำคัญร่วมกัน ในการรักษาสถาบันหลัก ส่วนปัญหาภายในของแต่ละเหล่าทัพ ก็ค่อยๆ ปรับ แก้ จัดวางกันไป

ท่ามกลางการถูกจับตามอง