ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 26 พฤศจิกายน - 2 ธันวาคม 2564 |
---|---|
คอลัมน์ | ครัวอยู่ที่ใจ |
เผยแพร่ |
ทางรอดอยู่ในครัว
: ความเมียงที่พอมี
เพื่อนปุ๊มาหา พร้อมเอกสารมากมายที่ฉันกับเขาต้องเซ็น เพื่อการโอนสิทธิ์วัคซีนโมเดอร์นา เธอและครอบครัวได้คิวฉีดลำดับต้นๆ เธอจองโมเดอร์นาไว้เป็นเข็มที่สาม ครอบครัวของเธอได้รับแอสตร้าเซนเนก้าไปแล้วสองเข็ม เธอว่า เราควรแลกสิทธิ์กัน เพราะฉันยังไม่ได้วัคซีน
“ต้องเซ็นหมดนี้เลยเหรอ” ฉันถาม
เธอหัวเราะ “ใช่ ต้องใช้เอกสารทั้งหมดนี้ ต้องโหลดเอกสารส่งไปตอนขอโอนสิทธิ์ทางออนไลน์ และต้องเอาตัวจริงไปวันฉีดด้วย”
“ถ้ามันยุ่งยาก เรารอได้นะปุ๊ คิวเจ็ดพันกว่า ยังไงคงได้ปีนี้”
ฉันเกรงใจเธอจริงๆ
“ไม่เอา เธอไปฉีดก่อนดีแล้ว มันยุ่ง แต่เราทำกันได้” ชี้ๆๆ บนกระดาษ “เธอกับพี่ต้นเซ็นตรงที่เราทำเครื่องหมายไว้ทั้งหมด”
ฉันเพิ่งนึกได้ ว่าเธอคือแขกคนแรกของบ้านเรา นอกจากซัน เรายังไม่เคยต้อนรับใครที่โต๊ะนี้เลย เหตุผลหลักก็คือเรายังไม่ได้วัคซีน
ปุ๊เป็นเพื่อนเรียน ม.ปลาย ตอนเรียน เราไม่ใช่คู่ซี้ ไม่ใช่กระทั่งเพื่อนกลุ่มเดียวกัน ปุ๊เป็นเด็กเรียบร้อย ขยัน สวยน่ารัก (ตรงกันข้ามกับฉันทุกประการ) แต่เธออ่านหนังสือของฉันทุกเล่ม เธอเป็นเพื่อนเก่าไม่กี่คนที่ติดตามฉันในฐานะนักเขียน
นอกจากเป็นเพื่อนกัน ฉันจึงเป็นนักเขียนของเธอด้วย นั่นทำให้เธอเอาใจช่วยฉันเสมอ เธอช่วยเหลือฉันหลายเรื่อง โดยที่ฉันไม่ได้ขอ
เราต้องเซ็นรับรองบัตรประชาชน เซ็นใบรับมอบสิทธิ์ และเซ็นใบส่งมอบสิทธิ์ เซ็นเสร็จ เราก็ถ่ายรูป เพื่อดาวน์โหลดไปตามระบบของโรงพยาบาล
ระหว่างที่คุยกัน เราใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา ผู้ติดเชื้อในเชียงรายเพิ่มขึ้นหลังเปิดประเทศ จากหลักสิบเป็นหลักร้อย บางวันถึงสองร้อย เราต้องระวังตัวไว้ก่อน
“เธอจะฉีดวันไหน บอกนะ จะจองวันฉีดให้เลย เพราะต้องใช้รหัสผ่านของเรา” ปุ๊ถอนใจ “เยอะยิ่งกว่าราชการอีกนะ” หัวเราะ “เงินเราซื้อใช่มั้ย”
ฉันพยักหน้า “รอนานด้วย ถ้าไม่ได้แลกสิทธิ์กับปุ๊ เราก็ต้องรออีกพักหนึ่ง”
“เธอควรรีบฉีด เข็มสองได้ก่อนปีใหม่พอดี ปีหน้าเปิดขายอาหารเช้านะ เราจะมากิน”
เธอเชียร์ให้ฉันขายมื้อเช้านานแล้ว แต่นี่ไม่ใช่เวลาที่ควรเปิดร้านอาหาร
“เอาแยมเบคอนไปกินก่อน กวนเสร็จพอดี” ฉันบอก
เธอรีบปัดไม้ปัดมือ “ไม่เอา ไม่เอา เอาไว้ขาย” ใส่รองเท้าเสร็จ เธอเดินนำฉันไปทางครัว “ขอดูครัวหน่อยสิ”
เดินสำรวจครัวหนึ่งรอบ เธอหันมาบอกฉัน “ทำร้านอาหารได้สบาย ครัวกว้าง”
“ค่อยว่ากัน วันนี้เอาคั่วจิ้นส้มไปกินก่อน เราทำไว้เยอะ”
เธอขอฉันชิมหนึ่งช้อนเล็ก ก่อนพยักหน้า “เธอนี่ก็เมียงเหมือนกันนะ”
พ่อ-แม่ของฉันไม่ใช่คนเชียงราย แต่ฉันเกิดที่นี่ ฉันอาจพูดเหนือไม่คล่อง โตมากับอาหารภาคกลาง แต่ฉันเรียนรู้วัฒนธรรมอาหารจากบ้านเพื่อน ฉันรู้ว่าอาหารเหนืออร่อยอย่างไร ฉันไม่ทำคั่วจิ้นส้มติดหวานแน่นอน
ส่งกล่องใส่คั่วจิ้นส้มให้เธอ
เธอสะกิดแขนฉัน “ทำปิ่นโตสิ เรากิน”
“โอยยย ทำง่ายจะตาย เดี๋ยวบอกให้…” ฉันพูดยังไม่ทันจบ เธอว่า “ไม่เอา ขี้เกียจ เธอทำ เรามีหน้าที่กิน”
ปุ๊กลับไปแล้ว ฉันลองตักคั่วจิ้นส้มกินอีกที อืม…นัวสมกับเป็นอาหารเหนือ ข้าวเหนียวต้องมาแล้วเย็นนี้
คั่วจิ้นส้มใส่ไข่เป็นอาหารอร่อยทำง่ายที่สุดชนิดหนึ่ง
ต้องการแค่จิ้นส้ม หรือแหนมเปรี้ยวๆ ดีที่สุดคือแหนมหม้อ ไข่ไก่สักสามฟอง และต้นหอมเยอะๆ
สำคัญตรงที่เราต้องรู้ นี่คือการคั่ว ไม่ใช่ผัด ใช้น้ำมันน้อยที่สุด และไฟอ่อน ถ้าเราเร่งไฟแรง ไฟจะดึงน้ำมันออกจากหนังหมู ทำให้เลี่ยนไม่น่ากิน
ใส่กระเทียมทุบลงกระทะ ตามด้วยแหนมที่เรายีเป็นชิ้นเล็กๆ คั่วพอให้ร้อนหน่อย แล้วตอกไข่ลงไปสามฟอง ตีไข่ให้แตก ทิ้งไว้กับไฟอ่อนให้ไข่ด้านล่างสุกค่อยพลิก หรือจะกวนก็ได้ รอกระทั่งไข่สุก ทีนี้ก็ใส่ต้นหอมหั่นท่อนลงไป
ต้นหอมก็ต้องสุกเหมือนกัน สุกอย่างจริงจัง ดอกจันว่า ด้วยไฟอ่อน สีไม่สวยไม่เป็นไร แต่ต้นหอมต้องสุก (ทั้งเน้น ทั้งย้ำ)
แหนมมีรสเปรี้ยวและเค็ม ฉันจะไม่รีบปรุง คั่วให้ได้ที่ถึงชิม ตัดน้ำตาลนิดให้รสกลม ถ้าเค็มไม่พอก็เติมเกลือ
เท่านี้ก็ได้คั่วแหนมใส่ไข่แสนอร่อย ฉันกินครั้งแรกตอนเรียน ม.4 เพื่อนห่อคั่วแหนมกับข้าวเหนียวไปกิน ตั้งแต่วันนั้น คั่วแหนมหรือจิ้นส้มคั่ว ก็กลายเป็นเมนูที่ฉันนึกถึง เมื่ออยากกินข้าวเหนียว
แม่ไม่ค่อยทำ ฉันหัดทำเอง ทำจนรสออกเมียงแบบนี้ได้นั่นล่ะ