‘พี่ป้อม-น้องตู่’ River of no return เกมรุกยึด พปชร.ภาค 2 วัดใจ ‘บิ๊กตู่’ นำทัพหลวง คุมพรรค ‘บิ๊กแดง’ กับข่าวลือทัพหน้า ขยับอีก และ เดอะโจ๊ก รีเทิร์น/รายงานพิเศษ

รายงานพิเศษ

 

‘พี่ป้อม-น้องตู่’

River of no return

เกมรุกยึด พปชร.ภาค 2

วัดใจ ‘บิ๊กตู่’ นำทัพหลวง คุมพรรค

‘บิ๊กแดง’ กับข่าวลือทัพหน้า ขยับอีก

และ เดอะโจ๊ก รีเทิร์น

 

สถานการณ์ความสัมพันธ์ของพี่น้อง 3 ป. โดยเฉพาะบิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ พี่ใหญ่ กับบิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ดูเหมือนกำลังจะดี แต่ก็มีเรื่องให้สั่นคลอน รอยร้าวที่มีอยู่ ถูกเซาะลึก

ด้วยเพราะพี่ใหญ่เข้าใจว่าน้องตู่คิดจะแยกวงไปอยู่พรรคใหม่ ไปตั้งพรรคใหม่ หลังจากมีชื่อพรรคไทยสร้างสรรค์ โผล่ออกมา ทั้งๆ ที่คุยกันแล้ว เคลียร์กันแล้ว ทั้งกับ 3 ป. และกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ

เพราะตามข่าวในหน้าสื่อ ก็โยงชื่อตั้น-ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ อดีต รมว.ศึกษาธิการ และอดีตแกนนำ กปปส. ที่ถือได้ว่าเป็นนักการเมืองสายจันทร์โอชา

แม้จะพ้น ครม.เพราะ คดี กปปส. แต่ พล.อ.ประยุทธ์ก็ส่งชื่อนายณัฏฐพลไปเรียนหลักสูตรวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) 64 พร้อมบี-พุทธิพงษ์ ปุณกันต์ อดีต รมว.ดีอีเอส

และเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์พบหน้าทั้งคู่ในวันเปิดหลักสูตร วปอ. ก็ยังเอ่ยอ้างว่าเป็น “อดีต รมต.ของผม”

ขณะที่บรรดา 6 รมต.ของพรรคพลังประชารัฐที่เคยจับมือกับ พล.อ.ประยุทธ์ปฏิบัติการปลด ร.อ.ธรรมนัสให้พ้นเก้าอี้เลขาธิการพรรค แต่ไม่สำเร็จนั้น แม้จะต่างทยอยกันออกมาปฏิเสธว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับการตั้งพรรคนี้ก็ตาม

แต่ความเคลื่อนไหวนี้ทำให้ พล.อ.ประวิตรไม่พอใจนัก ที่ พล.อ.ประยุทธ์คิดตั้งพรรคใหม่

“นายกฯ มีอยู่พรรคเดียว นายกฯ จะไปตั้งพรรคอะไร ไม่ไปหรอก และจะมาเมื่อไหร่ก็มาเลย… พรรค พปชร.สนับสนุนอยู่แล้ว นายกฯ ไม่ต้องมาเป็นสมาชิกพรรค จะมาเป็นทำไม เราอยู่กับนายกฯ อยู่แล้ว” พล.อ.ประวิตรกล่าวผ่านสื่อ

จนต่อมา บิ๊กป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย พี่รองใน 3 ป. ก็เฉไฉว่า ไม่รู้จักพรรคนี้

และตามมาด้วย พล.อ.ประยุทธ์นั้นส่ายหน้ายืนยันว่าไม่ย้ายพรรค และให้โฆษกรัฐบาลออกมาสำทับว่า ไม่มีความคิดเรื่องย้ายพรรค จะยังคงอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ อยู่ในฐานะที่พรรคพลังประชารัฐเสนอชื่อเป็นนายกฯ ในช่วงที่ผ่านมา

แต่กองเชียร์ก็ยังยุให้ พล.อ.ประยุทธ์แยกไปตั้งพรรคใหม่ ในเมื่อแผนเข้าไปยึดพรรค พปชร.ไม่สำเร็จ เพราะ พล.อ.ประวิตรยังคงอุ้ม ร.อ.ธรรมนัสเอาไว้

ถึงขั้นที่มีรายงานข่าวว่า พล.อ.ประวิตรพูดเสียงลั่นบ้านป่ารอยต่อฯ เลยว่า พรรคก็มีอยู่แล้ว จะย้ายไปไหน ถ้าอยากจะมาเป็นหัวหน้าพรรค ก็มาเลย เบื่อแล้วแบบนี้

 

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ พล.อ.ประวิตรบ่นว่าเบื่อ และไม่อยากทำงานการเมือง แต่ก็ดูเหมือนจะบ่นระบายความรู้สึกไปแค่นั้น แต่ใจยังสู้

เช่นเดียวกัน แม้ปาก พล.อ.ประวิตรจะบอกว่าพร้อมถอย ให้ พล.อ.ประยุทธ์มาเป็นหัวหน้าพรรค พปชร.แทน แต่ใจนั้นยังไม่ต้องการถอย

แต่ก็ต้องการจะวัดใจน้องๆ ทั้ง 2 ป. ว่าจะกล้าเอ่ยปากขอเก้าอี้หัวหน้าพรรคหรือไม่

เพราะหาก พล.อ.ประยุทธ์กล้าขอ พล.อ.ประวิตรก็กล้าให้ แต่นั่นอาจหมายถึงตัว พล.อ.ประวิตรอาจจะลาออก และวางมือทางการเมืองไปเลย คงจะไม่ยอมนั่งประธานที่ปรึกษาพรรค

นี่จึงทำให้ พล.อ.ประยุทธ์คิดหนัก ว่าจะยอมอยู่ไปแบบนี้ เป็นแค่แคนดิเดตนายกฯ ของ พปชร. ปล่อยให้ พล.อ.ประวิตรและ ร.อ.ธรรมนัสกุมชะตาชีวิตตนเอง

หรือจะเอ่ยปากเพื่อที่จะเข้ามาเป็นหัวหน้าพรรค พปชร.เสียเอง แต่ก็รู้ว่า พล.อ.ประวิตรคงไม่อยู่ หากไม่ได้เป็นหัวหน้าพรรค

แต่มันก็เป็นไปตามแผนที่จะทำให้ ร.อ.ธรรมนัสและนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ออกไปจากพรรคด้วย เพราะถ้า พล.อ.ประวิตรไม่อยู่ ทั้ง 2 ลูกเลิฟก็คงต้องไปด้วย

แต่ก็เชื่อกันว่า ร.อ.ธรรมนัสและนางนฤมลก็คงจะคอยให้กำลังใจสู้ต่อ ไม่ให้ พล.อ.ประวิตรถอย หรือถอดใจ

อีกทั้งตัว พล.อ.ประวิตรก็รู้ดีว่า ถ้าปล่อยให้ พล.อ.ประยุทธ์คุมพรรค พปชร.เอง ก็คงจะไปไม่รอด เพราะนักการเมืองรอบกายนายกฯ ไม่อาจไว้ใจได้

สัญญาณที่ชี้ชัดว่า พล.อ.ประวิตรจะยังคงไม่ไปไหน ตรงกันข้าม กลับยิ่งยึดพรรค พปชร.เกือบเบ็ดเสร็จ

โดยเพิ่มทีม “วงษ์สุวรรณ” เข้าไปช่วยงานในพรรคหลายคน นอกจากมี ร.อ.ธรรมนัส และ อ.แหม่ม นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ และบิ๊กน้อย พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค แล้วยังมีบิ๊กณัฐ พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ อดีตปลัดกลาโหม ที่เพิ่งเกษียณ มาเป็นคณะทำงานหลายชุด และยังดึงทีมงานที่เป็นหน้าห้องรองนายกฯ มาช่วยงานอีกหลายคน

รวมทั้งดึงบิ๊กแป๊ะ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชับจินดา อดีต ผบ.ตร. ที่ถอนตัวจากการสมัครชิงผู้ว่าฯ กทม. มาช่วยงานพรรค และให้ดูแลอีสานเหนือ แต่ให้เป็นแค่คณะทำงานของรองนายกฯ ยังไม่สามารถสมัครสมาชิกพรรค หรือรับตำแหน่งในพรรคได้ เพราะยังต้องเว้นวรรคทางการเมืองให้ครบ 2 ปีก่อน หลังพ้นจาก ส.ว.เมื่อ 1 ตุลาคม 2563

ในขณะที่มีบิ๊กแป๊ะ แต่ พล.อ.ประวิตรก็ยังต้องใช้บริการบิ๊กโจ๊ก พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ พักพาล ผช.ผบ.ตร. แม้จะรู้ว่า ทั้ง 2 ลูกเลิฟไม่เผาผีกัน หลังก่อศึกสีกากีกันมาจนสะเทือนวงการตำรวจ และสะเทือนสัมพันธ์พี่น้อง 3 ป.มาแล้ว

แต่ พล.อ.ประวิตรต้องใช้ทั้งคู่สู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้า จึงต้องสับรางกัน

โดย พล.อ.ประวิตรให้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์มาช่วยเป็นคณะทำงานปราบปรามการทำประมงผิด กม. และหนี้นอกระบบ ที่ทำให้ชาวบ้านเสียที่ดิน และเป็นหัวหน้าทีมปราบการค้ามนุษย์ ที่ได้ปรากฏตัวให้เห็นจากการไปร่วมประชุมกับ พล.อ.ประวิตรที่ทำเนียบรัฐบาลหลายครั้งแล้ว

อันที่จริง พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ไม่ได้หายไปจาก พล.อ.ประวิตร แต่ในช่วงที่เกิดปัญหา จนต้องถูกย้ายไปเป็นข้าราชการพลเรือนอยู่ทำเนียบฯ นั้น พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ก็ใช้การโทร.คุยกับ พล.อ.ประวิตร แต่ไม่เข้าไปที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ ให้เป็นที่สังเกต

ช่วงที่ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์เดินเกมในหลายมิติ จนได้กลับมาเป็นตำรวจอีกครั้งนั้น เขาก็เริ่มปรากฏตัวที่บ้านป่ารอยต่อฯ เรียกได้ว่า พล.ต.ท.สุรเชษฐ์สามารถเปิดตัวได้ทันเวลา ที่จะมาช่วย พล.อ.ประวิตรพอดี

เพราะการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ก็มีส่วนสำคัญในการช่วย พล.อ.ประวิตร ช่วยพรรค พปชร.ไม่น้อย

การกลับมาของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ทำให้ถูกโยงว่า เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ตัดสินใจถอนตัวจากศึกเสาชิงช้า หลังจากที่เช็กกระแสในวงการสีกากี และสายสัมพันธ์ที่ไม่เหมือนเดิมกับบิ๊กปั๊ด พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ที่แม้จะเป็นเพื่อนรักกัน

แต่ก็เรียกได้ว่า พล.อ.ประวิตรวางขุนพลมาคุมพรรค ยึดพรรคไว้เกือบทั้งหมด

ส่วนนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกฯ ที่ พล.อ.ประยุทธ์ส่งมาอยู่ พปชร. ก็ดูไม่มีบทบาทมากนัก

แม้ว่าบิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อดีต ผบ.ทบ. และรองราชเลขาฯ หมายมั่นที่จะให้เป็นทัพหน้า มาคานอำนาจรายการยึดพรรคของ พล.อ.ประวิตร เพื่อรอทัพหลวงของ พล.อ.ประยุทธ์ที่จะเข้ามาอยู่พรรค พปชร. และเล็งนั่งเก้าอี้หัวหน้าพรรคเองก็ตาม แต่ดูเหมือนนายพีระพันธุ์จะทำอะไรได้ไม่มากนัก เพราะก็มีแค่ 6 รมต.ที่เคยแสดงตนว่าไม่เอา ร.อ.ธรรมนัสเป็นพวกเท่านั้น

และก็มีข่าวสะพัดว่า กำลังปรับโครงสร้าง พปชร.ที่จะยึดหลักกระจายอำนาจ เพื่อลดอำนาจและบทบาทของเลขาธิการพรรค จึงส่งผลให้บรรยากาศในพรรคไม่โสภา นัก

มีรายงานข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ต้องมีการปรับแผน โดยจะไม่ย้ายพรรค หรือตั้งพรรคใหม่ โดยเฉพาะเมื่อรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไข และให้ใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ออกมาแล้ว การตั้งพรรคใหม่ที่ไม่ใช่พรรคใหญ่ คงจะเสียเปรียบในการเลือกตั้ง

อีกทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ก็ไม่มั่นใจว่า หากตนเองย้ายพรรค แยกวงออกมาแล้ว จะมี ส.ส.สักกี่คนที่จะย้ายจาก พปชร.มาอยู่พรรคใหม่ด้วย และต้องใช้ทุนมหาศาล

ดังนั้น จึงมีแนวโน้มว่า พล.อ.ประยุทธ์จะปักหลักอยู่กับ พปชร. และยื้อเวลาอายุรัฐบาลให้อยู่นานที่สุด อย่างน้อยก็หลังจัดประชุม APEC ในพฤศจิกายนปีหน้าก่อน

เมื่อนั้น ก็จับตามองกันว่า พล.อ.อภิรัชต์จะออกมาเป็นผู้ช่วยพระเอก ช่วย พล.อ.ประยุทธ์ เพราะในเวลานี้มีข่าววงใน ทบ.สะกิดกันแล้วว่า มีสัญญาณการคัมแบ๊กของบิ๊กแดง ที่จะพ้นระยะการเว้นวรรคทางการเมือง 2 ปี หลังพ้นจาก ส.ว.พอดี

จนทำให้เกิดกระแสข่าวต่างๆ มากมาย เกี่ยวกับ พล.อ.อภิรัชต์ในทางการเมือง

ทั้งนี้ คนใกล้ชิดระบุว่า ไม่ว่า พล.อ.อภิรัชต์อยู่ที่ไหน ตำแหน่งใด ก็ยังจะเป็นกำลังใจและคอยช่วยเหลือ พล.อ.ประยุทธ์ ที่เป็นทั้งพี่และอดีตผู้บังคับบัญชา

จะเห็นได้ว่า มีกระแสข่าว พล.อ.อภิรัชต์ขยับในช่วงที่พี่น้อง 3 ป.มีปัญหากันเอง และกับ ร.อ.ธรรมนัส ทั้งการที่นายกฯ ส่งนายพีระพันธุ์มาเป็นที่ปรึกษาหัวหน้า พปชร, แบบที่ พล.อ.ประวิตรไม่อาจปฏิเสธ

และการขยับของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตแกนนำ กปปส. และผู้ก่อตั้งพรรค รปช. ที่ร่วมรัฐบาล ที่ยืนยันสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ต่อไป

ไม่แค่นั้น พล.อ.อภิรัชต์ยังตกเป็นข่าวว่า คอยเป็นผู้ช่วย พล.อ.ประยุทธ์ในทุกๆ เรื่อง แม้แต่การทำให้กองทัพแสดงออกถึงการเป็นกองหนุนให้ชัดเจน เพื่อเป็นพลังอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์

เพราะช่วงกว่า 1 ปีที่ผ่านมา ในยุคที่บิ๊กบี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ เป็น ผบ.ทบ. ถูกมองว่า มีระยะห่างกับ พล.อ.ประยุทธ์ และไม่ค่อยแสดงออกถึงการสนับสนุนนายกฯ

โดยเฉพาะช่วงที่สมาคมรถบรรทุกขู่หยุดวิ่ง เพื่อกดดันให้รัฐบาลตรึงราคาน้ำมันดีเซลที่ลิตรละ 25 บาท แต่นายกฯ ยืนยันว่า ได้แค่ 30 บาท พร้อมสั่งให้กระทรวงคมนาคมเตรียมรถไฟ รถ บ.ข.ส. และกองทัพเตรียมรถบรรทุกทหารไว้ขนสินค้าแทน

แต่ปรากฏว่า ทาง ทบ.เงียบกริบ อาจเพราะเห็นว่านายกฯ ไม่เอาจริง หรือแค่ไอเดีย จึงยังไม่มีแอ๊กชั่น

แต่ปรากฏว่า กองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (พล.1 รอ.) ที่เป็นหน่วยทหารคอแดง กำลังหลักของ ฉก.ทม.รอ.904 มีแอ๊กชั่นก่อนใคร สั่งเช็กสภาพรถ และเตรียมพร้อมรถบรรทุกทหารไว้พร้อมรับคำสั่งนายกฯ และออกข่าวผ่านสื่ออย่างครึกโครม

จนเกิดกระแสข่าวลือว่า พล.อ.อภิรัชต์อยู่เบื้องหลังการแอ๊กชั่นของทหารคอแดง พล.1 รอ. เพื่อแสดงให้เห็นว่า กองทัพพร้อมสนับสนุนรัฐบาล สนับสนุนนายกฯ

เพราะรู้กันภายในว่า พล.อ.อภิรัชต์จะเข้าไปที่ พล.1 รอ.เป็นระยะๆ ในการนัดหารือหรือนัดแขก จนทำให้มีการจับโยง

จนทำให้วันต่อมา ทีมโฆษก ทบ.เพิ่งออกข่าวการเตรียมรถทหาร 3,700 คันไว้พร้อมรับคำสั่ง จนทำให้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ถูกจับตามองอีกครั้ง

 

แต่แน่นอนว่า กระแสข่าวที่พาดพิง พล.อ.อภิรัชต์นี้ย่อมไม่ส่งผลดีต่อความสัมพันธ์ของ พล.อ.อภิรัชต์ กับ พล.อ.ณรงค์พันธ์ ที่ระยะหลังก็มีระยะห่างกันมากขึ้น จากปัญหาภายใน และปัญหาเดิมๆ ก่อนหน้านี้

จนทำให้ พล.อ.อภิรัชต์ต้องแจ้งผ่านคนใกล้ชิด ให้แจ้งสื่อว่า ตนเองไม่ได้เกี่ยวข้องกับการสั่ง พล.1 รอ. เรื่องเตรียมรถทหาร เพราะเป็นเรื่องของ ผบ.ทบ.

ทั้งนี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ นอกจากเป็น ผบ.ทบ.แล้ว ยังเป็น ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 ด้วย

แต่กระนั้น ก็เป็นที่รู้กันดีถึงสายสัมพันธ์ที่แนบแน่น ไม่มีวันจืดจางของ พล.อ.อภิรัชต์ และ พล.อ.ประยุทธ์ ที่พร้อมเคียงข้าง ไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งใด

เพราะมีเป้าหมายเดียวกันคือ การเป็นรัฐบาลให้นานที่สุด และป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายหนี่งเข้ามายึดสภา ยึดรัฐบาล ยึดอำนาจรัฐ และแก้กฎหมายต่างๆ ที่ คสช.ได้วางเอาไว้ และรวมถึง ม.112 ที่อาจถูกแก้ไขในที่สุด

ดังนั้น พล.อ.อภิรัชต์ และ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องผนึกกำลังกัน และทำให้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ให้ได้นานที่สุด

แม้ว่าตอนนี้จะมีชื่อนายกรัฐมนตรีสำรอง ที่เสนอมาจากสายบิ๊กตู่ และสายบิ๊กป้อม รวมถึงสายพิเศษมีหลายคนก็ตาม

แต่ พล.อ.ประยุทธ์ยังคงเป็นนายกฯ ที่จะปกป้องสถาบันได้อย่างมีพลังมากที่สุด เพราะยิ่งฝ่ายการเมืองและกลุ่มม็อบเคลื่อนไหวที่จะแก้มาตรา 112 และแสดงออกให้ชัดถึงขบวนการล้มล้างสถาบันมากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ยิ่งมีความชอบธรรมในการอยู่ต่อ แม้ว่าจะมีชื่อนายกฯ สำรอง ที่ก็มีความจงรักภักดีหลายคนให้สังคมพิจารณาก็ตาม

ดังนั้น จากนี้ไป พล.อ.ประยุทธ์จะต้องรุกคืบเข้ายึด พปชร.ให้ได้มากที่สุด แม้จะต้องขัดใจกับพี่ใหญ่ก็ตาม

เพราะมิสชั่นของ พล.อ.ประยุทธ์นั้นเหนือกว่าสิ่งอื่นใด แม้ความเป็นพี่น้องกับ พล.อ.ประวิตรก็ตาม