เครื่องเสียง/พิพัฒน์ คคะนาท/Best Analogue & Digital Sources 2021

เครื่องเสียง/พิพัฒน์ คคะนาท [email protected]

Best Analogue & Digital Sources 2021

 

มาว่ากันที่รางวัลสาขาแรกของ What Hi-Fi Awards ประจำปีนี้กันนะครับ

เป็นสาขาเครื่องเล่นแผ่นเสียง หรือ Best Turntables ซึ่งในระดับราคาต่ำกว่า 200 ปอนด์

ผู้ชนะ คือ Pro-Ject Primary E ที่ยังคงเหมาะจะเป็นเครื่องเล่นแผ่นเสียงเครื่องแรกของใครต่อใครอย่างยิ่ง ซึ่งได้ถูกปรับปรุงให้เหมาะสมกับงบประมาณ เพื่อตอกย้ำตลาดกลุ่มมือใหม่ และประสบความสำเร็จในทุกๆ ด้าน ขณะที่ให้ใช้งานได้อย่างสนุกในทุกอารมณ์ ยังให้พื้นฐานของเสียงที่ดี มีรายละเอียด เปี่ยมไปด้วยคุณภาพ

เช่นเดียวกับเครื่องชนะเลิศในกลุ่มราคา 200-500 ปอนด์ ผู้ที่ได้รางวัลยังคงเป็น Rega Planar 1 ซึ่งยืนหนึ่งด้วยประสิทธิภาพของแท่นอย่างแท้จริง และไม่ว่าจะมีพัฒนาการไปกี่ครั้ง มันก็ยังคงเอาจริงเอาจังในเรื่องของคุณภาพเสียงเป็นที่ตั้ง เป็นเครื่องเล่นแผ่นเสียงที่ให้ความบันเทิงในการใช้งานอย่างยิ่ง โดยไม่พบข้อบกพร่องอะไรที่เป็นความชัดเจนแบบให้พูดถึงได้เลย ให้รายละเอียดเสียงที่ดี มีจังหวะจะโคนของท่วงทำนองที่น่าฟัง ใช้งานง่าย

เครื่องเล่นแผ่นเสียงในกลุ่มราคา 500-750 ปอนด์ ที่ได้รางวัล คือ Rega Planar 3/Elys 2 ที่ยังคงตอกย้ำความคุ้มค่าสูงสุดในเวลานี้ พัฒนาขึ้นมาจากรุ่นก่อนที่คว้ารางวัลนี้ไปแล้ว ด้วยการผสมผสานกันเป็นอย่างดีทั้งในแง่คุณภาพเสียง โครงสร้าง และงานฝีมือ รวมทั้งการใช้งานที่ง่ายและสะดวก ให้รายละเอียดของเสียงดนตรีออกมาได้อย่างลึกล้ำ ให้จังหวะของเสียงดนตรีออกมาได้ลื่นไหล ชวนฟังอย่างสนุกสนาน ไม่น่าเบื่อ

และเช่นกันกับเครื่องในกลุ่มราคา 750-1,000 ปอนด์ ที่ได้รางวัลยังคงเป็น Technics SL-1500C ที่มีภาพลักษณ์ของโครงสร้างอันสวยงาม เรียบหรู ดูดี ที่หากใครกำลังมองหาเครื่องเล่น LP ระดับราคาไม่สูงมาก แต่ให้น้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพ รวมทั้งไม่ยุ่งยากในการใช้งานด้วยแล้วล่ะก้อ มันเป็นทางเลือกที่น่าลงทุนด้วยอย่างยิ่ง ให้น้ำเสียงที่มีความเป็นดนตรีสูง ชัดเจน และอุดมไปด้วยรายละเอียด มีเบสที่ยอดเยี่ยม ติดตั้งหัวเข็มมาให้พร้อม

ในกลุ่มราคา 1,000-2,000 ปอนด์ เครื่องเล่นแผ่นเสียงที่ได้รางวัล คือ Rega Planar 6/Ania ให้น้ำเสียงที่ผ่านการขัดเกลาออกมาอย่างสละสลวยอันน่ามหัศจรรย์ ทั้งยังเป็นน้ำเสียงที่มีความต่อเนื่องกันอย่างประณีตยิ่ง มีความถูกต้องเที่ยงตรงสูงมาก เป็นเครื่องเล่นแผ่นเสียงที่สัมผัสได้ถึงความประณีตตั้งแต่การออกแบบ กระทั่งบรรจงสร้างขึ้นมา ให้สปีดเสียงที่ยอดเยี่ยม ไดนามิกเป็นเลิศ นำเสนอภาพรวมของเสียงดนตรีออกมาได้อย่างละเอียดลออลึกซึ้งมาก

กลุ่มสุดท้ายที่มีราคาสูงกว่า 2,000 ปอนด์ รางวัลเป็นของ Vertere DG-1 Dynamic Groove (ที่เห็นในภาพ) ซึ่งเป็นรุ่นราคาต่ำสุดของค่ายนี้ แต่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพอันยากที่จะมีใครในระดับราคาเดียวกันสามารถเอาชนะมันได้ เป็นความลงตัวอันเกิดจากการผสมผสานกันระหว่างงานออกแบบเชิงวิศกรรม กับงานฝีมือที่ประณีตบรรจงสร้าง นำมาซึ่งความยอดเยี่ยมของน้ำเสียงอย่างแท้จริง

เป็นน้ำเสียงที่ให้ความเป็นดนตรีออกมาเลอเลิศ ไดนามิกนั้นยอดเยี่ยมมาก

 

สาขาต่อมาเป็นรางวัล Best CD Players มีสองรางวัลด้วยกัน และก็เป็น ‘หน้าเดิม’ ทั้งคู่ที่กลับมารับรางวัลในสาขานี้อีกครั้ง

โดยรางวัลแรกสำหรับกลุ่มเครื่องเล่นที่มีราคาต่ำกว่า 500 ปอนด์ ได้แก่ Marantz CD6007 เครื่องเล่นซีดีที่ใครก็สามารถเป็นเจ้าของได้รุ่นนี้ ที่แม้จะบอกว่ามีการปรับปรุงจากรุ่นก่อนเพียงเล็กน้อย แต่นำมาซึ่งคุณภาพที่เปี่ยมไปด้วยนัยยะอย่างยิ่ง นำเสนอเสียงดนตรีที่ให้ทั้งอรรถรสและความสุนทรีย์ มีรายละเอียดอันน่าประทับใจ

อีกรางวัลมอบให้แก่กลุ่มเครื่องที่มีราคาสูงกว่า 500 ปอนด์ ได้แก่ Cyrus CDi เครื่องที่ยังคงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดของกลุ่มพรีเมียม ที่แม้ว่าภาพรวมของมันจะไม่มีอะไรน่าแปลกใจ แต่สิ่งที่มันให้ออกมานับเป็นความเหนือชั้นขึ้นไปอีกระดับในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของไดนามิก รายละเอียดของเสียง

ตลอดจนจังหวะจะโคนของท่วงทำนอง ที่ล้วนแล้วนำเสนอออกมาให้สัมผัสได้ด้วยความบันเทิงที่เปี่ยมไปด้วยความสุนทรีย์อย่างแท้จริง

 

สาขาต่อมาเป็น Best Blu-ray Players มีสองรางวัลเช่นกัน รางวัลแรกสำหรับกลุ่มเครื่องเล่นที่มีราคาต่ำกว่า 250 ปอนด์ ได้แก่ Sony UBP-X700 นำเสนอภาพความคมชัดสูงด้วยรายละเอียดระดับ 4K อันน่าประทับใจ ทั้งยังมีราคาที่ใครก็สามารถเป็นเจ้าของได้ นับเป็นเครื่องขวัญใจมหาชนโดยแท้ ให้ภาพออกมาด้วยความคมชัดที่ดูเป็นธรรมชาติมาก เป็นภาพที่มีรายละเอียดพร้อมสีสันและแสงเงาที่ยอดเยี่ยมมาก

อีกรางวัลที่มอบให้แก่เครื่องในกลุ่มราคาสูงกว่า 250 ปอนด์ ได้แก่ Panasonic DP-UB820EB เป็นเครื่องที่ว่าน่าทึ่งมากแล้วเมื่อเห็นคุณสมบัติ และรายละเอียดต่างๆ ที่ได้บอกเอาไว้ในแผ่นกระดาษ และเมื่อนำมาใช้งานจริงพบว่ามันสามารถให้ประสิทธิภาพออกมาด้วยความบันเทิงทั้งทางด้านภาพและเสียง อันมากมายอย่างชนิดที่เกินคาดเอามากๆ

โดดเด่นด้วยภาพ HDR ที่มีชีวิตชีวา และมีความสมจริงสูง มีสมดุลสีที่ยอดเยี่ยม และให้น้ำเสียงที่ทรงพลัง

 

รางวัลในสาขาต่อมา คือ Best Music Streamers เครื่องแรกที่ได้รางวัลอยู่ในกลุ่มราคาต่ำกว่า 750 ปอนด์ ได้แก่ Bluesound Node เครื่องสตรีมเพลงราคาประหยัดที่ทรงพลานุภาพมาก เป็นเครื่องเจเนอเรชั่นที่สาม ที่คู่ควรอย่างยิ่งในการเพิ่มเข้าไปในระบบเครือข่ายเพื่อความบันเทิงของระบบ Hi-Fi ให้จังหวะจะโคนที่น่าฟัง โดดเด่นด้านไดนามิก และให้เชื่อมต่อได้อย่างกว้างขวาง

สำหรับเครื่องในกลุ่มราคา 750-1,000 ปอนด์ ที่ได้รางวัล คือ Cambridge Audio CXN V2 ซึ่งยังคงความเป็นเครื่องสตรีมเพลงที่ดีที่สุดในระดับราคานี้ ให้คุณภาพเสียงที่มีความยอดเยี่ยมมาก มีงานออกแบบที่ซับซ้อน ลึกซึ้ง น่าสนใจ พร้อมรองรับการเชื่อมต่อแบบไร้สายได้อย่างหลากหลาย และเป็นหนึ่งในไม่กี่เครื่องที่เราสามารถให้คะแนนเต็มได้ ทั้งในแง่ของคุณภาพเสียง คุณสมบัติที่ผนวกเข้ามาในเครื่อง ตลอดจนในแง่ของงานฝีมือ

สำหรับกลุ่มราคา 1,000-1,500 ปอนด์ ผู้ชนะคือ Arcam ST-60 เครื่องแรกของค่ายที่มาด้วยมาตรฐานใหม่สำหรับเครื่องเล่นประเภทนี้ เป็นเครื่องที่ทรงประสิทธิภาพมาก ให้การทำงานที่มีความเสถียรสูง การสตรีมมั่นคงมาก ให้น้ำเสียงที่คมชัด มีความกระจ่างใส และเปิดโปร่ง ให้เนื้อเสียงออกมาได้อิ่ม เต็ม พรั่งพร้อมไปด้วยรายละเอียดอันน่าฟัง ทั้งยังโดดเด่นอย่างมากด้านไดนามิก

ส่วนกลุ่มราคา 1,500 ปอนด์ขึ้นไป ได้แก่ Naim ND5 XS 2 เครื่องเล่นเพลงระบบเครือข่ายที่หน้าตาแลดูเรียบง่าย แต่ภายในสุดล้ำยิ่ง เป็นเครื่องที่เหนือชั้นทั้งด้วยลูกเล่นและในแง่ของสุนทรียะ อุดมไปด้วยรายละเอียดและพาเข้าถึงดนตรีได้อย่างลึกล้ำ ให้น้ำเสียงที่ตรงที่ตรงประเด็นแบบตรงไปตรงมา และสามารถเชื่อมต่อได้หลายหลากมาก น่าเสียดายอยู่หน่อยก็ตรงที่ไม่มีจอแสดงผลให้มาด้วย

เที่ยวหน้าว่ากันต่อครับ