ปิดคดีเอ็กซ์ จักรกฤษณ์ ฎีกาคุกแม่หมอนิ่ม 25 ปี จ้างฆ่าเพราะทุกข์สาหัส ย้อนนาทียิงดับคาปอร์เช่/อาชญา ข่าวสด

อาชญา ข่าวสด

 

ปิดคดีเอ็กซ์ จักรกฤษณ์

ฎีกาคุกแม่หมอนิ่ม 25 ปี

จ้างฆ่าเพราะทุกข์สาหัส

ย้อนนาทียิงดับคาปอร์เช่

 

ปิดฉากลงแล้วสำหรับคดีฆาตกรรมอดีตนักกีฬายิงปืนทีมชาติชื่อดัง อย่างเอ็กซ์ จักรกฤษณ์ พณิชย์ผาติกรรม เหตุเกิดเมื่อปี 2556

โดยคดีนี้ตกอยู่ในความสนใจเนื่องจากหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจทำคดีอย่างรอบด้าน ก็ได้พบความจริงที่น่าตระหนกว่าคนสั่งการไม่ใช่ใครที่ไหน

กลับเป็นคนใกล้ชิดอย่างครอบครัวภรรยาของเอ็กซ์ จักรกฤษณ์ นั่นเอง!!

ไม่เพียงเท่านั้น ในชั้นกระบวนการพิจารณาคดี ก็ยังพลิกไปพลิกมา เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาประหารชีวิตหมอนิ่ม พญ.นิธิวดี ภู่เจริญยศ ก่อนที่ในชั้นศาลอุทธรณ์จะพิพากษากลับยกฟ้อง และให้จำคุกตลอดชีวิต น.ส.สุรางค์ ดวงจินดา แม่หมอนิ่มแทน

เนื่องจากพบว่าเป็นการจ้างวานฆ่าเพราะโกรธแค้นแทนลูกสาว

ก่อนจะศาลฎีกาพิพากษาลดโทษจำคุกแม่หมอนิ่ม จากตลอดชีวิตเหลือ 25 ปี ขณะที่ทีมสังหารยังคงโทษไว้ตามเดิม

เป็นบทสรุปจากคำพิพากษาศาลฎีกา

แม่และหมอนิ่มมอบตัว

ลดโทษแม่หมอนิ่ม-คุก 25 ปี

เรื่องนี้เปิดเผยขึ้นเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2564 ระบุว่า เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2564 ศาลอาญามีนบุรี ถ.สีหบุรานุกิจ อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดีความผิดต่อชีวิต ในคดีจ้างวานฆ่าเอ็กซ์ จักรกฤษณ์ พณิชย์ผาติกรรม อายุ 40 ปี อดีตนักกีฬายิงปืนทีมชาติ หมายเลขดำ อ.383/57

ซึ่งคดีดังกล่าวอัยการศาลจังหวัดมีนบุรี และนายมานพ พณิชย์ผาติกรรม อดีตนักกีฬายิงปืนทีมชาติ บิดา เป็นโจทก์ร่วมฟ้องนายจีรศักดิ์ หรือจี กลิ่นคล้าย อายุ 50 ปี มือปืนผู้ลั่นกระสุน ที่ 1 น.ส.สุรางค์ ดวงจินดา อายุ 79 ปี มารดา พญ.นิธิวดี ที่ 2 พญ.นิธิวดี หรือหมอนิ่ม ภู่เจริญยศ อายุ 45 ปี ที่ 3 นายสันติ หรืออิ๊ด ทองเสม อายุ 35 ปี ทนายความที่ 4 และนายธวัชชัย หรืออ้น เพชรโชติ อายุ 38 ปี คนขี่จักรยานยนต์ ร่วมกันเป็นจำเลย ในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นฯ จ้างวานฆ่าผู้อื่นฯ พ.ร.บ.อาวุธปืน

ขณะที่นางบุญคิด พณิชย์ผาติกรรม มารดาเอ็กซ์ จักกฤษณ์ ยื่นคำร้อง ขอให้พวกจำเลยร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 4.4 ล้านบาทด้วย

โดยศาลจังหวัดมีนบุรี พิพากษาเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2559 ให้ประหารชีวิตสถานเดียว พญ.นิธิวดี หรือหมอนิ่ม จำเลยที่ 3 และนายสันติ หรือทนายอี๊ด จำเลยที่ 4 ฐานร่วมกันใช้จ้างวานฆ่าผู้อื่น

ขณะที่จำเลยที่ 1 และ 5 มือปืน และคนขี่จักรยานยนต์ ให้จำคุกตลอดชีวิต ส่วน น.ส.สุรางค์ มารดาหมอนิ่ม พิพากษายกฟ้อง ให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน 2.5 ล้านบาทแก่ผู้ร้อง พร้อมให้ประกันตัว พญ.นิธิวดี 2.5 ล้านบาทสู้คดีในชั้นอุทธรณ์

ต่อมาวันที่ 7 สิงหาคม 2561 ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาแก้ให้ยกฟ้อง พญ.นิธิวดี แต่ให้ลงโทษประหารชีวิต น.ส.สุรางค์ มารดา ฐานใช้จ้างวานให้ฆ่าผู้ตาย เห็นแก่คำให้การมีประโยชน์ ลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต

ในชั้นศาลฎีกาพิจารณาแล้วเห็นว่า ฎีกาจำเลยที่ 1 และที่ 2 ที่ต่อสู้ในประเด็นการร่วมจำเลยที่ 4 และที่ 5 ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจำนวน 2.5 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย จนกว่าจะชำระเสร็จให้กับโจทก์ร่วมและผู้ร้องนั้น ฟังไม่ขึ้น ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมชดใช้ตามจำนวนดังกล่าวนั้นชอบด้วยเหตุผลแล้ว

ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย และฎีกาข้ออื่นที่ต่อสู้ประเด็นการรับฟังคำให้การพยานที่มาลงโทษจำเลย ก็ฟังไม่ขึ้น ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 และที่ 2 มานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย

นอกจากนี้ พิพากษาแก้เป็นว่า คำให้การชั้นสอบสวนของ น.ส.สุรางค์ จำเลยที่ 2 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา และกระทำความผิดเพราะตกอยู่ในความทุกข์อย่างสาหัส มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 ประกอบมาตรา 52(2)

คงลงโทษจำคุกไว้ จำเลยที่ ไว้ 25 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

ลดโทษเหลือจำคุก 25 ปี!!

 

ชี้เหตุควรบรรเทาโทษ

ทั้งนี้ ศาลฎีกาให้เหตุผลว่า เนื่องจากพฤติการณ์การกระทำผิดของ น.ส.สุรางค์ จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นแม่ยายผู้ตาย เกิดจากการที่ผู้ตายกระทำต่อ พญ.นิธิวดี จำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นบุตรคนเดียวของจำเลยที่ 2 ครั้งแล้วครั้งเล่า

บางครั้งยังกระทำต่อหน้าหลานเล็กๆ ของจำเลยที่ 2 อีก ซึ่งปัญหาทั้งหมดเนื่องมาจากปัญหาการควบคุมอารมณ์ของผู้ตาย

อีกทั้งก่อนเกิดเหตุ มีความไม่แน่นอนว่าผู้ตายซึ่งเป็นนักกีฬายิงปืน มีอาวุธปืน อาจใช้อาวุธปืนของตนกระทำต่อจำเลยที่ 3 และครอบครัวในขณะควบคุมอารมณ์ไม่ได้ก็เป็นได้ เพราะก่อนเกิดเหตุเพียง 2 เดือน ผู้ตายยังใช้อาวุธปืนยิงไปทางคนรับใช้และบุตรคนเล็ก จนผู้ตายถูกจับและถูกควบคุมตัวที่เรือนจำ และเพิ่งได้รับการประกันตัวมาไม่นาน

การกระทำความผิดของจำเลยที่ 2 ที่ขณะเกิดเหตุเป็นหญิงมีอายุถึง 72 ปี และบัดนี้มีอายุเกือบ 80 ปีแล้ว และไม่เคยกระทำความผิดมาก่อน จึงเข้าลักษณะของผู้กระทำความผิดที่ตกอยู่ในความทุกข์อย่างสาหัส มีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ที่ศาลอาจลดโทษได้ให้ไม่เกินกึ่งหนึ่ง และตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 52 ในการลดโทษประหารชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการลดมาตราส่วนโทษหรือลดโทษที่จะลง ให้ลดดังต่อไปนี้ โดยถ้าจะลดกึ่งหนึ่งให้ลดเป็นโทษจำคุกตลอดชีวิต หรือโทษจำคุกตั้งแต่ 25 ปีถึง 50 ปี

ที่ศาลอุทธรณ์ลดโทษให้ น.ส.สุรางค์ จำเลยที่ 2 เพียงหนึ่งในสาม และคงจำคุกจำเลยที่ 2 ตลอดชีวิต ด้วยเหตุเพียงคำให้การชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา

ศาลฎีกายังไม่เห็นพ้องด้วย เห็นควรลดโทษให้จำเลยที่ 2 อีก

จึงพิพากษาแก้เป็นว่า คำให้การชั้นสอบสวนของ น.ส.สุรางค์ จำเลยที่ 2 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา และกระทำความผิดเพราะตกอยู่ในความทุกข์อย่างสาหัส มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 ประกอบมาตรา 52(2) คงลงโทษจำคุกไว้ จำเลยที่ ไว้ 25 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

กระทำผิดเพราะอยู่ในความทุกข์อย่างสาหัส

 

ย้อนคดีฆ่าโหดเอ็กซ์ จักรกฤษณ์

สําหรับคดีโหดครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงค่ำวันที่ 19 ตุลาคม 2556 ขณะที่เอ็กซ์ จักรกฤษณ์ ขับรถหรูปอร์เช่ ก็ถูกคนร้ายขี่จักรยานยนต์ประกบจ่อยิงหลายนัด เสียชีวิยคารถ บนซอยรามคำแหง 166 ถนนรามคำแหง แขวงและเขตมีนบุรี

หลังเกิดเหตุ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น.ในขณะนั้น จัดทีมงานชุดใหญ่เข้าคลี่คลายคดี ซึ่งจากคำให้การของพยานและภาพวงจรปิดพบคนร้ายเป็นชาย 2 คน โดยขณะที่รถของเอ็กซ์ขับออกจากบ้าน คนร้ายที่ดักรออยู่อีกจุดหนึ่งก็ขี่จักรยานยนต์สวนเลนย้อนมาดักรอลงมือในจังหวะพอดิบพอดี

จึงแน่ใจว่ามือปืนน่าจะรู้เวลาที่เอ็กซ์ขับรถออกจากบ้าน หรือกระทั่งมีคนในเฝ้าจับตาอยู่และส่งสัญญาณให้ทีมสังหารทันทีว่าเป้าหมายเคลื่อนตัวแล้ว

ครั้งแรกเจ้าหน้าที่สันนิษฐานสาเหตุการสั่งตายครั้งนี้ไว้หลายประการ เพราะผู้ตายถือเป็นผู้ที่มีประวัติโลดโผน รู้จักกันหลากหลายวงการ พร้อมพุ่งไปที่ความขัดแย้งวงการพระเครื่อง ความขัดแย้งในสมาคมยิงปืน และธุรกิจอื่นๆ

แต่ก็ไม่ทิ้งประเด็นความขัดแย้งในครอบครัว เพราะก่อนหน้าเกิดเหตุมีเหตุความรุนแรง จนภรรยาต้องแจ้งความและร้องทุกข์กับนางปวีณา หงสกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ในขณะนั้น ว่าถูกทำร้าย-ข่มขู่

จนเอ็กซ์ จักรกฤษณ์ ถูกจับเข้าเรือนจำทหาร ต่อมาพบว่า พี่ชายหมอนิ่มก็ติดต่อพรรคพวกให้คนมีสีมาเดินคุ้มกัน

ในที่สุดจากการสอบสวนที่เข้มข้นก็ตัดประเด็นสงสัยไปหลายปม และพบตัวละครใหม่คือ น.ส.วรพรรณภูรี หรือแหม่ม มนตรีอารีกูล พนักงานบริษัทหลักทรัพย์ที่สนิทสนมกับหมอนิ่ม

ถึงขนาดไปเยี่ยมหมอนิ่มที่รักษาตัวจากอาการแท้งลูกช่วงปลายเดือนกรกฎาคม 2556

นอกจากนี้ ยังพบว่าวันที่เอ็กซ์ถูกยิงเสียชีวิต แหม่มโทร.ติดต่อกับนายสันติ หรือทนายอี๊ด ตลอดทั้งวัน ต่อมาก็พบผู้ต้องสงสัยอีกก็คือนายจิรศักดิ์ ชาว อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี ที่รู้จักกับทนายอี๊ด ซึ่งมีรูปพรรณคล้ายกับมือปืนที่พบในวงจรปิด

จึงขออนุมัติหมายจับ แล้วบุกจับกุมตัวได้ที่บ้านพักใน จ.ชลบุรี เมื่อนำตัวมาสอบสวนก็เปิดปากสารภาพทั้งหมด

โดยระบุว่า ได้รับการติดต่อจากทนายอี๊ดให้สังหารเหยื่อขับเก๋งปอร์เช่ในจุดที่เกิดเหตุในราคา 2 แสนบาท โดยแบ่งกับนายธวัชชัย คนขี่จักรยานยนต์คนละครึ่ง

ขณะที่เจ๊แหม่มบอกว่า ได้รับการติดต่อจากนางสุรางค์ แม่หมอนิ่ม ให้ติดต่อทนายอี๊ดเพื่อหามือปืนมาสังหารเอ็กซ์ โดยมีค่าจ้าง 1.2 ล้านบาท

เพราะทนไม่ไหวที่เอ็กซ์ทำร้ายร่างกายลูกสาวอย่างรุนแรงจนแท้ง ต้องเข้าโรงพยาบาล

โดยตอนแรกจ่ายเงินให้ทนายอี๊ด 6 แสนบาท แต่ยังไม่มีโอกาสลงมือ กระทั่งปลายเดือนกันยายน 2556 ทนายอี๊ดขอเงินเพิ่มอีก 6 แสนบาท และลงมือสำเร็จในที่สุด

เป็นคดีที่เกิดจากปัญหาครอบครัวโดยแท้