Technical Time-Out : ‘ไรเดอร์คัพ’ กับบทเรียนมิตรภาพ

ไทม์เอาต์ / SearchSri

 

‘ไรเดอร์คัพ’

กับบทเรียนมิตรภาพ

 

เมื่อเทียบกับหลายๆ ชนิดกีฬา กอล์ฟ ถือเป็นกีฬาที่มีความเป็นปัจเจกสูงมาก เนื่องด้วยทัวร์นาเมนต์หลักๆ ตลอดทั้งปี เป็นการแข่งขันประเภทบุคคลแทบทั้งสิ้น นานๆ ครั้งจึงจะมีอีเวนต์ประเภททีมสอดแทรกขึ้นมา

ต่างจากกีฬาบุคคลอื่นๆ อย่างเทนนิสหรือแบดมินตันซึ่งถึงจะแข่งขันประเภทเดี่ยวกันเป็นปกติ ทุกทัวร์นาเมนต์ก็จะมีการแข่งขันประเภทคู่ รวมถึงจัดรายการประเภททีมเป็นประจำสม่ำเสมอทุกปีอยู่แล้ว

ถ้าไม่ใช่การชิงชัยในมหกรรมกีฬา กอล์ฟประเภททีมรายการยอดนิยมจริงๆ มีไม่มากนัก

ซึ่ง ไรเดอร์คัพ ศึกกอล์ฟประเพณีระหว่างสหรัฐอเมริกากับยุโรปที่จัดกัน 2 ปีครั้งก็เป็นหนึ่งในนั้น

 

ไรเดอร์คัพที่รัฐวิสคอนซิน สหรัฐอเมริกา ปีนี้จัดเป็นครั้งที่ 43 เลื่อนมาจากปีที่แล้วหลังจากโควิดส่งผลกระทบไปทั่วโลก และเป็นสหรัฐอเมริกาที่คว้าแชมป์ไปครองด้วยฟอร์มเหนือชั้น ชนะขาด 19 ต่อ 9 คะแนน เป็นแต้มสูงสุดที่ทีมใดทีมหนึ่งทำได้นับตั้งแต่ปี 1967

อันที่จริงก่อนหน้าการแข่งขันรายการนี้จะเปิดฉาก มีดราม่าเล็กๆ ทางฝั่งเจ้าภาพ สหรัฐ เนื่องด้วยความสัมพันธ์ส่วนบุคคลที่ไม่สู้ดีของสมาชิกภายในทีม นั่นคือ บรูกส์ เค็ปก้า อดีตมือ 1 โลก กับ ไบรสัน เดอชอมโบ โปรกล้ามโตจอมตีไกลของพีจีเอทัวร์

คู่นี้ตอดเล็กตอดน้อยกันมาตั้งแต่ต้นปี 2019 จนเริ่มหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ ผ่านการเหน็บแนมกันทางโซเชียลมีเดีย

ด้วยผลงานในสนามทำให้ทั้ง 2 คนต่างได้โควต้าติดทีมอัตโนมัติ ท่ามกลางความเป็นห่วงของสื่อและแฟนๆ บางส่วนว่า ความขัดแย้งส่วนบุคคลจะส่งผลต่อทีมหรือไม่

แต่กัปตันทีม สตีฟ สตริกเกอร์ ยืนยันว่าไม่มีปัญหาแน่นอน

 

ตัวเค็ปก้าเองก็มีประเด็นส่วนตัวด้วย เนื่องจากเคยให้สัมภาษณ์ 1-2 ครั้ง ทำนองอึดอัดกับคอนเซ็ปต์การเล่นประเภททีม หรือการติดทีมชาติในโอลิมปิกเกมส์ เพราะถึงจะยินดีที่ได้เป็นตัวแทนบ้านเกิดลงแข่งขัน แต่การที่จู่ๆ เล่นเพื่อตัวเองมาตลอดปี แล้วต้องปรับวิธีคิดมาเป็นกีฬาประเภททีมแบบปุบปับ รู้สึกว่าเป็นภาระด้านจิตใจอย่างมาก

บทสัมภาษณ์นี้ทำเอา พอล เอซิงเกอร์ อดีตกัปตันทีมสหรัฐออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ถ้าเค็ปก้าไม่ชอบการแข่งขัน ก็ควรถอนตัวไป เปิดทางให้คนที่เขาอยากทำเพื่อทีมจริงๆ ดีกว่า

แต่สุดท้ายทุกอย่างก็คลี่คลายลงด้วยดี เค็ปก้ากับเดอชอมโบสวมกอดกันในพิธีฉลองชัย (จากแรงยุของเพื่อนๆ)

เหมือนว่าบรรยากาศของไรเดอร์คัพช่วยประสานรอยร้าวให้เป็นมิตรภาพที่ดีของทั้งคู่

 

ไทเกอร์ วู้ดส์ อดีตโปรมือ 1 ของโลกเอง ถึงจะมีฟอร์มส่วนตัวไร้เทียมทานขนาดไหน แต่พอเป็นไรเดอร์คัพกลับทำผลงานไม่ดีนัก

เขาร่วมแข่งขันไรเดอร์คัพ 8 ครั้ง รวม 37 แมตช์ ชนะได้เพียง 13 ครั้ง แพ้ 21 และเสมอ 3 โดยไม่ได้อยู่ในทีมที่คว้าแชมป์มาตั้งแต่ปี 1999 แล้ว

บ่อยครั้งที่กัปตันทีมมักมีปัญหาในการจับคู่ไทเกอร์กับคนอื่นลงแข่งขันประเภทโฟร์ซัมและโฟร์บอลช่วง 2 วันแรก อาจจะด้วยปัญหาการสื่อสาร หรือการเล่นไม่เข้าขากัน

แต่ช่วงไม่กี่ปีให้หลัง เมื่อผ่านมรสุมชีวิตส่วนตัวและปัญหาบาดเจ็บหลายครั้ง มุมมองต่อการแข่งขันประเภททีมเริ่มเปลี่ยนไป

ไทเกอร์มีส่วนร่วมกับทีมมากขึ้น ได้เป็นกัปตันทีมสหรัฐในกอล์ฟ เพรสซิเดนต์ส คัพ ปี 2019 และพาทีมคว้าชัยชนะ อีกทั้งสตริกเกอร์ยังตั้งใจให้เขาทำหน้าที่รองกัปตันในไรเดอร์คัพหนนี้ แต่โชคร้ายเขามาประสบอุบัติเหตุรถคว่ำเมื่อต้นปีนี้เสียก่อน

ถึงกระนั้น ไทเกอร์ก็ยังเชียร์ทีมสะวิงมะกันจากบ้าน รวมถึงส่งข้อความให้คำแนะนำสมาชิกในทีมหลายคน โดยเฉพาะบรรดาหน้าใหม่ที่เพิ่งร่วมแข่งเป็นครั้งแรก

 

ไม่ใช่แค่ฝั่งผู้ชนะอย่างเดียวที่ “อิน” กับการแข่งขันครั้งนี้ รอรี่ แม็กอิลรอย อดีตมือ 1 โลกชาวไอร์แลนด์เหนือ ถึงกับน้ำตาร่วงหลังจบการแข่งขัน เพราะเจ็บใจตัวเองที่ทำแต้มให้ทีมไม่ได้เลยใน 2 วันแรก เพิ่งจะมาชนะในประเภทเดี่ยววันสุดท้าย

รอรี่บอกว่า เคยพูดจาไม่ดีแบบเด็กๆ กับการแข่งขันไรเดอร์คัพ แต่ตอนนี้รู้แล้วว่านี่เป็นทัวร์นาเมนต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของวงการกอล์ฟ เป็นไฮไลต์สำคัญที่สุดในชีวิตการเป็นนักกอล์ฟอาชีพของตัวเอง

สุดท้ายรอรี่บอกว่า ถึงสหรัฐอเมริกาจะแข็งแกร่งมากๆ แต่ความพ่ายแพ้ครั้งนี้จะเติมเชื้อไฟให้ยุโรปมุ่งมั่นทวงแชมป์กลับมาให้ได้ในการแข่งขันครั้งต่อไปที่กรุงโรม ประเทศอิตาลี ในอีก 2 ปีข้างหน้า

ซึ่งครั้งนี้เขาหวังว่าจะแก้ตัวจากความผิดพลาด พาทีมไปสู่ชัยชนะได้สำเร็จ