หลังเลนส์ในดงลึก/”เขี้ยวเล็บ”

ม.ล.ปริญญากร วรวรรณ

หลังเลนส์ในดงลึก/ปริญญากร วรวรรณ

“เขี้ยวเล็บ”

ฤดูฝนเดินทางมาถึง

ในป่า หรือในเมือง บรรยากาศคล้ายกัน

ทั้งวันมีแต่ความมืดครึ้ม ฝนตกปรอยๆ สลับลงเม็ดหนา ตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน

ในแคมป์จึงเต็มไปด้วยผ้ายางกันฝน หรือที่เราเรียกว่า ฟลายชีต ทั้งที่เปลนอน บริเวณกินอาหาร ที่เก็บเสบียง รวมทั้งเหนือกองไฟ เราจำเป็นต้องแยกส่วนในแคมป์ ว่า นอนตรงนี้ กินตรงนั้น เก็บเสบียงตรงโน้น เพราะในฤดูฝน สิ่งที่จะเข้าในแคมป์มากที่สุด คือ มด รองลงมาเป็นสัตว์เลื้อยคลานนานาชนิด

ตะขาบตัวโต หลบความชื้นมาหาที่แห้ง กลิ่นอาหาร เชิญชวนให้มดดาหน้าเข้ามา มดคันไฟตัวเล็กกัดเจ็บ

ส่วนที่นอนเราแยกไปอยู่ไกลๆ ไม่เช่นนั้นจะหาความสบายจากการนอนไม่ได้เลย

ตรงชายคา ฟลายชีต ที่น้ำฝนหยดลงพื้น เราทำร่องน้ำเพื่อให้น้ำไม่ไหลเข้ากองไฟ

ดงไม้รอบๆ กันลมไว้ชั้นหนึ่งแล้ว ฝนสาดเข้ามาไม่มาก แต่กระแสลมในป่าเอาแน่ไม่ได้ เปลี่ยนทิศทางพัดไป-มา ทำให้ต้องลุกขึ้นขึงฟลายชีตใหม่

ลมแรงๆ บอกให้รู้ว่าฝนมักตกไม่นาน เมื่อใดที่ฝนตกเรื่อยๆ ปราศจากลม แบบนี้ดูเหมือนฝนจะตกอย่างไม่มีวันสิ้นสุด

ฝนตกในคืนข้างแรม กองไฟดับ ขึ้นเปล มันคือความมืดมิด ยกมือขึ้นชิดใบหน้าก็มองไม่เห็น

ในความมืด ผมทำอย่างนี้บ่อยๆ อาจเพราะความรู้สึกว่า

ลืมตา แต่มองไม่เห็นอะไร คงดีกว่าหลับตาแล้วมองเห็นอะไรๆ สารพัด

หากไม่ได้ออกไปซุ้มบังไพร ในวันที่สายฝนตกหนักสลับเบา

เวลาส่วนใหญ่ของผม คือ ใช้เวลากับการอ่านหนังสือ กินโกโก้ร้อนๆ นั่งมองสายฝน และจดบันทึก

เมื่อฝนตกบางครั้ง ผมคงรู้สึกไปเองว่า รอบๆ ตัวไม่มีชีวิตใดอยู่ใกล้ๆ ไม่มีเสียงเก้ง ไม่มีเสียงนก เหล่าสัตว์ป่าคงหาที่ซุกตัวยืนนิ่งหลบสายฝนเช่นกัน

พอฝนซาสักหน่อย ที่แคมป์จะมีแขกเป็นนกเด้าลมหลังเทาตัวหนึ่ง

นกตัวนี้ ทำให้รู้ว่าฤดูกาลเดินทางของผู้มาเยือนจากแดนไกลเริ่มต้นแล้ว

เหล่านกเด้าลม เป็นส่วนหน้าของกลุ่มนกอพยพที่เราคุ้นเคย

เราจะเห็นนกเด้าลมหลังเทา เดินไปตามพื้น ทำหางกระดกๆ ปากก้มลงจิกหาแมลงใต้ก้อนหินเล็กๆ สักพักจะโผบินไปสักระยะ แล้วลงเดินจิกแมลง ทำเช่นนี้ตลอด อย่างไม่รู้จักเหนื่อย

ว่าตามตรง ผมไม่รู้ว่านกตัวนี้มาถึงในแคมป์นี้ได้อย่างไร มีหลายทฤษฎีที่ศึกษาการเดินทางของนกอพยพ

ไม่ว่าจะอาศัยทิศทางของดวงดาว ตามกระแสลม หรือกระแสแม่เหล็ก หรือเพียงตามสัญชาตญาณ

พวกมันมาถึงจุดหมายเดิมๆ ทุกๆ ปี

ในบรรยากาศมัวซัวด้วยเมฆฝน ในแคมป์เงียบสงบ มีเพียงนกเด้าลมหลังเทาตัวหนึ่งอยู่ใกล้ๆ เดินจิกแมลงไปตามพื้น

ผมไม่รู้ว่ามันเดินทางมาได้อย่างไร

แต่พอรู้บ้างว่า เดินทางลำพัง รู้สึกเช่นไร

สายฝนหนาเม็ดขึ้น ละอองฝนปลิวเข้ามา ผมขยับท่อนฟืนให้มีเปลวไฟช่วยไล่ความชื้น

นกเด้าลม โผบินขึ้น ย้ายตัวอย่างรวดเร็ว เพราะเห็นแมลง ผมมองตาม

นกตัวเล็กๆ เดินทางยาวไกล

ผมคิดเสมอว่า ถ้าเป็นสัตว์ป่าได้ ผมไม่แน่ใจนักหรอกว่า จะอยากเป็นสัตว์ชนิดใด

ที่แน่ๆ คือ ผมไม่อยากเป็นเสือ

หรือหากจะพูดให้ถูก ผมไม่อยากเป็นสัตว์ผู้ล่า

สาเหตุสำคัญเพราะสัตว์ผู้ล่าส่วนใหญ่ต้องใช้ชีวิตลำพัง โดดเดี่ยว

เมื่อเสือ หรือสัตว์ผู้ล่า เดินไปที่ไหน บริเวณนั้นจะเงียบเชียบ สัตว์กินพืชหลบดูท่าทีว่าผู้ล่ามาในสภาพใด หิว หรือยังไม่พร้อมเริ่มงาน

หรือสถานการณ์อาจเป็นอีกอย่าง มีผู้ล่าเข้ามา กระรอกส่งเสียงเตือนสัตว์อื่นๆ แถวนั้นตื่นหนี

ในสังคมสัตว์ปีก ฝูงนกจะแตกฮือเมื่อมีเงาเหยี่ยวโฉบมาใกล้ๆ

เสือและหมาป่า รวมถึงสัตว์ผู้ล่าอีกหลายชนิด พวกมันเป็นผู้ดูแลปริมาณสัตว์กินพืชทางภาคพื้นดิน บรรดาเหยี่ยวชนิดต่างๆ ตั้งแต่ขนาดเล็กไปถึงขนาดใหญ่ คือผู้ทำงานอยู่บนอากาศนั่นเอง

เสือมีรูปร่างลักษณะและทักษะอันเหมาะสมในการทำงานเช่นไร เหยี่ยวก็มีเช่นกัน

เหยี่ยวมีเล็บยาว แหลมคม นิ้วทั้งสี่ใช้ขยุ้มจับเหยื่อ ปากโค้งแหลมใช้จิก

บินเร็ว เงียบ สายตาดี มองเห็นได้ดีกว่าสายตาคนถึง 8 เท่า

สัตว์เลื้อยคลาน นกชนิดต่างๆ รวมทั้งปลา เป็นภาระหน้าที่ของเหยี่ยวต้องดูแล

เหยี่ยวอาศัยอยู่ในทุกพื้นที่บนภูเขา ป่าดิบทึบ ที่แห้งแล้ง ชายฝั่งทะเล หรือตามเกาะเล็กเกาะน้อย ในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ไพศาล

ผมมองนกเด้าลมกับปีกบางๆ

ที่ไม่เห็นคือ หัวใจและความเข้มแข็งของมัน

เปลวไฟไล่ความชื้นได้บ้าง ผมเอนหลัง พับหนังสือวางบนตัก นึกถึงความเป็นไปของนก ชีวิตอันนำให้ผมเริ่มต้นเดินมาบนเส้นทางสายนี้

ผมเริ่มต้นด้วยการดูนก

สัตว์ปีกกลุ่มใหญ่ที่มีทั่วไปในสภาพแวดล้อมต่างๆ สีสันสวยงาม

หากพูดตามความจริง สีสวยสดงดงามของนก คือลักษณะพิเศษของสัตว์ปีกเลือดอุ่นที่มีกระดูกสันหลัง และวิวัฒนาการมาจากสัตว์เลื้อยคลาน ขนที่ปกคลุมร่างนก คือเซลล์ที่ตายแล้ว จะมีเม็ดสีทำให้สีต่างกันออกไป ขนบริเณหางและปีก เป็นสิ่งที่ช่วยในการบิน เมื่อรวมกับกระดูกที่มีน้ำหนักเบาและเป็นโพรง

นกเกือบทุกชนิดจึงบินได้อย่างคล่องแคล่ว

ว่าไปแล้ว นกเล็กๆ กินแมลงก็เป็นผู้ล่าแบบหนึ่ง ไม่ผิดนักถ้าจะเรียกพวกมันว่า เป็นผู้ควบคุมปริมาณศัตรูพืชทางเกษตรที่สำคัญ

เราต่างรู้ดีว่า ในลักษณะการดำรงชีวิตของพืชและสัตว์ในระบบนิเวศน์อันซับซ้อนนั่นมีองค์ประกอบทั้งที่เป็นสิ่งมีชีวิตและไร้ชีวิต

สิ่งมีชีวิตด้วยกันจะเป็นตัวกำหนด

เช่น จำนวนประชากรกวางในป่า ย่อมขึ้นอยู่กับน้ำและหญ้าที่มีอยู่ในป่าแห่งนั้น

ถ้าจำนวนกวางเพิ่มมากขึ้น มากเกินไป ย่อมเกิดความเดือดร้อน หญ้าขึ้นไม่ทัน กวางเกิดใหม่อาจตายเพราะอดอาหาร

เสือ รวมทั้งสัตว์ผู้ล่าชนิดอื่นๆ ต้องเข้ามามีบทบาทในตอนนี้

ทำนองเดียวกัน พวกสัตว์เลื้อยคลานหรือนกเล็กๆ มากมายหลายชนิด ถ้ามีจำนวนมากเกินไป ความยุ่งยากย่อมเกิด

เหยี่ยวและงู ต้องเข้ามามีบทบาทเช่นกัน

นั่งหลบสายฝนอยู่ลำพังในป่า มีนกตัวเล็กตัวหนึ่งอยู่ใกล้ๆ

ผมนึกถึงวิถีของการอาศัยอยู่ร่วมกัน

ในป่า หรือในเมืองก็เถอะ

ไม่มีใคร หรือชีวิตใดจะอยู่ได้โดยลำพัง

ต้องมีการประสานสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อม และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ

มองผ่านนกตัวเล็กๆ ที่เดินทำหางกระดกๆ

ผมเห็นภาพที่ “ใหญ่” กว่าตัวนก

ทํางานในป่ามาระยะหนึ่ง ผมเริ่มแน่ใจว่า ถ้ามีโอกาสเป็นสัตว์ป่าได้ ผมไม่อยากเป็นสัตว์ผู้ล่า

การเป็นสัตว์ผู้ล่า ในสภาพป่า สภาพแวดล้อม ที่กำลังพบกับความเปลี่ยนแปลง ชีวิตใดปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมอันเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ก็จะตาย หรือสูญสิ้นไป

เป็นสัตว์ผู้ล่า คงไม่ใช่เรื่องน่ารื่นรมย์นัก

ฝนตกหนัก ความเปียกชื้นกระจายไปทั่ว

นกเด้าลมหลังเทาหายไป รอบๆ แคมป์มีเพียงเสียงสายฝนตกกระทบฟลายชีตและใบไม้รอบๆ

ในความไม่อยากเป็นสัตว์ผู้ล่า ในสังคมของสัตว์ป่า

เมื่ออยู่ในเมือง และก้าวเข้าสู่สถานภาพของความเป็นเหยื่อ

ผมพบว่า การมีคุณสมบัติ หรือมี “เขี้ยวเล็บ” แบบสัตว์ผู้ล่า

บางครั้งอาจจำเป็น…