คุยกับทูต เบรนแดน โรเจอร์ส ทูตคนแรก จากไอร์แลนด์ “เกาะมรกตแห่งยุโรป” (3)

“ประชากรของสาธารณรัฐไอร์แลนด์มีจำนวน 4.9 ล้านคน ประชากรของเกาะไอร์แลนด์โดยรวมไอร์แลนด์เหนือมีจำนวน 6 ล้านคน แต่ปีที่แล้วไอร์แลนด์มีนักท่องเที่ยวกว่า 10 ล้านคน มากกว่าประชากรที่เรามีอยู่ถึง 1.5 เท่า”

“ธุรกิจการท่องเที่ยวของประเทศไทยได้รับความสำเร็จมาก เพราะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเมืองไทยปีที่แล้วกว่า 32 ล้านคนซึ่งเป็นจำนวนมากทีเดียว สิ่งที่ไอร์แลนด์และไทยมีเหมือนกันคือ เป็นตลาดการท่องเที่ยวที่ใหญ่และมีภูมิประเทศที่สวยงาม ดังนั้น หนึ่งในหลายแผนงานของผมขณะนี้ คือ การพยายามให้มีเที่ยวบินตรงระหว่างกรุงเทพฯ และดับลิน”

เอกอัครราชทูตไอร์แลนด์ประจำประเทศไทย นายเบรนแดน โรเจอร์ส กล่าวว่า

“ไอร์แลนด์เป็นประเทศเล็กๆ ที่อยู่ห่างไกล ชาวไทยจึงไม่ค่อยรู้จักมากนัก แต่เราได้พยายามสร้างและขยายเครือข่ายทางการทูตมาหลายปีแล้ว เพราะตระหนักถึงความสำคัญของเอเชียในแง่ของความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจและอิทธิพลทางการเมืองทั่วโลก ความเป็นอยู่ที่ดีของเราขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศ”

DCIM101GOPRO

“รัฐบาลไอร์แลนด์เห็นว่าเป็นเวลาที่สมควรในการเพิ่มผู้แทนของเราในเอเชีย และจำเป็นต้องมีสถานทูตที่นี่เพราะไทยเป็นประเทศที่สำคัญ โดยขณะนี้ เรามีหน่วยงานทางการทูตประมาณ 80 แห่งทั่วโลก”

ประเทศไอร์แลนด์ มีความน่าสนใจอีกหลายเรื่อง โดยที่ชาวโลกยังไม่เคยรู้

ปี ค.ศ.1960-1973 เป็นช่วงที่เศรษฐกิจไอร์แลนด์ขยายตัวในระดับปานกลาง

ปี ค.ศ.1973-1986 เศรษฐกิจซบเซา เนื่องจากไอร์แลนด์ต้องการพัฒนาเศรษฐกิจให้ขยายตัวมากขึ้น จึงมีรายจ่ายและภาระหนี้สินจำนวนมาก เกิดอัตราเงินเฟ้อภายในประเทศเมื่อน้ำมันราคาสูงขึ้น ทำให้ประชากรย้ายถิ่นฐานออกจากประเทศเป็นจำนวนมาก การว่างงานก็สูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศต่างๆ ในสหภาพยุโรป (EU) ส่วนค่าจ้างแรงงานก็สูงเกินจริง

เมื่อมีรัฐบาลใหม่ นโยบายการรักษาเสถียรภาพระบบเศรษฐกิจในปี ค.ศ.1987 เกี่ยวข้องกับมาตรการรัดเข็มขัดทางการคลัง การกำกับดูแลเรื่องการเพิ่มขึ้นของเงินเดือนและการปฏิรูปลดภาษีส่วนบุคคล ทำให้ในช่วงปี ค.ศ.1987-2000 กลายเป็นช่วงเวลาที่เศรษฐกิจขยายตัวอย่างแข็งแรงและต่อเนื่องมากที่สุดสำหรับไอร์แลนด์

กลายเป็นจุดเปลี่ยนของประเทศ คือ จากเป็นประเทศที่ยากจนที่สุดในทวีปยุโรป ไอร์แลนด์สามารถก้าวขึ้นมาสู่การเป็นประเทศเศรษฐกิจรายได้สูงอย่างรวดเร็ว

“ไอร์แลนด์เปลี่ยนโฉมในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา ช่วงปี ค.ศ.1950-1960 เราเป็นประเทศยากจนในยุโรป แต่ปัจจุบันเราเป็นประเทศร่ำรวยประเทศหนึ่งของโลก ในปี ค.ศ.1962 รายได้ประชากรของเราต่อหัว 15,000 ดอลลาร์ต่อปี แต่ตอนนี้ขึ้นไปถึง 50,000 ดอลลาร์ต่อปี หากจะเทียบกับไทยตอนนี้ไทยอยู่ที่ 7,000 ดอลลาร์ต่อปี” ท่านทูตขยายความ

“เราเปลี่ยนแปลงโฉมประเทศโดยการเปิดประเทศทำให้ประเทศทันสมัย ด้วยการเข้าร่วมกับ EU ส่งสินค้าและบริการออกไปขายทั่วโลก EU เป็นตัวช่วยหลักให้เศรษฐกิจของเรา ตอนนี้เราเข้าถึงตลาดที่มีประชากร 500 ล้านคน บริษัทจำนวนมากมายก็ได้เข้ามาในไอร์แลนด์เพราะไอร์แลนด์อยู่ใน EU”

“สำนักงานใหญ่ในยุโรปของ Facebook, LinkedIn, Google, Apple, Twitter, Microsoft, Paypal, eBay, Airbnb, AOL และ Yahoo ล้วนอยู่ในไอร์แลนด์ ไอร์แลนด์จึงเป็นหนึ่งในศูนย์กลางไอที (IT) ของสหภาพยุโรป”

“นอกจากนี้ เรามุ่งลงทุนด้านการศึกษาซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญ คนหนุ่มสาวของเรามีการศึกษา รู้จักการยืดหยุ่นปรับตัวและเต็มไปด้วยพลัง”

“ผมพยายามเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับไอร์แลนด์ให้เป็นที่รู้จัก เพราะประเทศของเราเต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ มีความร่ำรวยทางวัฒนธรรม ภูมิทัศน์ที่งดงามแปลกตา ปราสาทและซากโบราณสถานอันหลากหลายไปจนถึงเมืองที่มีชีวิตชีวาและทันสมัย เรื่องที่พอจะคุ้นเคยแก่คนไทยได้แก่ นักฟุตบอล นักร้อง และวงดนตรีจากไอร์แลนด์”

ชาวไอริชโปรดปรานการเต้นมาก River Dance เป็นคณะเต้นระบำไอริชที่มีชื่อเสียงได้ไปแสดงรอบโลก ชาวไอริชยังมีความหลงใหลในดนตรีเป็นอย่างยิ่ง มีการแสดงดนตรีสดหลากหลายรูปแบบตามสถานที่ต่างๆ ทั้งดนตรียุคปัจจุบันและดั้งเดิมซึ่งยังคงมีชีวิตชีวาและได้รับการอนุรักษ์ไว้

ประเทศไอร์แลนด์จึงเป็นแหล่งกำเนิดบุคคลระดับตำนานเป็นจำนวนมาก

ด้านฟุตบอล ได้แก่ รอย คีน (Roy Keane), ร็อบบี้ คีน (Robbie Keane), เลียม เบรดดี้ (Liam Brady), เชน ลอง (Shane Long)

ด้านวรรณกรรม ได้แก่ โจนาธาน สวิฟต์ (Jonathan Swift) เรื่องกัลลิเวอร์ผจญภัย (Gulliver”s Travels), ออสการ์ ไวล์ด (Oscar Wilde) จากเรื่อง The Picture of Dorian Gray, จอร์จ เบอร์นาร์ด ชอว์ (George Bernard Shaw) จากบทประพันธ์ในภาพยนตร์เรื่อง Pygmalion

ด้านดนตรี ได้แก่ Enya, Ronan Keating, Gilbert O”Sullivan, Van Morrison, U2, Boyzone, Westlife, The Dubliners, The Pogues, Damien Rice และ The Chieftains เป็นต้น

ทูตไอร์แลนด์ร่วมงานสงกรานต์

“เหตุที่ไอร์แลนด์ได้รับการขนานนามว่า เกาะมรกต (Emerald Isle) เพราะเป็นประเทศที่มีชื่อเสียงในด้านทัศนียภาพอันงดงาม เมื่อบินเข้าประเทศไอร์แลนด์แล้วมองลงมาจากเครื่องบินจะแลเห็นหน้าผาสูงและชายฝั่งที่ถูกกัดเซาะขรุขระสวยงาม ความสดใสของเนินเขาและทุ่งหญ้าสีเขียวขจีไล่เรียงกันถึง 40 เฉด อันเป็นที่มาของชื่อเพลง The 40 Shades of Green”

ทูตไอร์แลนด์ฝึกทำอาหารไทยที่ขอนแก่น

“ขณะที่คนไทยไม่ค่อยรู้จักไอร์แลนด์ ในทางตรงกันข้าม คนไอริชกลับรู้จักประเทศไทยเป็นอย่างดี ทั้งในเรื่องอาหารไทยที่ขึ้นชื่อและสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญต่างๆ คนไอริชเดินทางมาเยือนไทยทุกปีโดยเฉพาะในปี ค.ศ.2014-2015 มาถึง 60,000 คน และตัวเลขเพิ่มขึ้นถึง 80,000 คนในปัจจุบัน ซึ่งเราหวังว่า ในไม่ช้า คนไทยจะไปท่องเที่ยวที่ไอร์แลนด์มากขึ้น เพราะมีจำนวนไปเพียงหลักร้อยเท่านั้น” ท่านทูตกล่าว

หลายคนก็ไม่ทราบว่า ภาพยนตร์ที่มีชื่อเสียงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ถ่ายทำในภูมิประเทศอันสวยงามของไอร์แลนด์ และไอร์แลนด์เหนือ อาทิ เช่น Braveheart, Saving Private Ryan, Harry Potter and the Half-Blood Prince, The Princess Bride, King Arthur, The Italian Job, Ryan”s Daughter, Star Wars, Game of Thrones และที่ฉายในเมืองไทยเมื่อปีที่แล้วคือ Sing Street หรือ รักใครให้ร้องเพลงรัก

ทูต กับ สตีเว่น ซีกัล นักแสดงและผู้กำกับภาพยนต์ชื่อดัง ..

“เพื่อเป็นการส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับประเทศไอร์แลนด์ ผมคาดว่าจะจัดงานเทศกาลภาพยนตร์ไอร์แลนด์ ราวเดือนกันยายน หรือตุลาคม ปีนี้ เพราะคิดว่าศิลปะสามารถช่วยทำให้ผู้คนมีความเชื่อมโยงระหว่างกันได้ โดยผ่านทางภาพยนตร์ ดนตรี วรรณกรรม และ การเต้นรำ ซึ่งเราเรียกว่าเป็นภาษาของจิตวิญญาณ”

“จะเห็นได้ว่า งานของผมไม่ได้เน้นแต่เพียงธุรกิจเท่านั้น แต่ยังรวมถึงวัฒนธรรมเพื่อให้ผู้คนได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น และคนที่ทำหน้าที่ได้ดีที่สุดคือ คนไทยและคนไอริชที่มาเยือนเมืองไทย ขณะที่ทูตทำหน้าที่เชื่อมโยงประสานงานกับรัฐบาลและภาคธุรกิจ ประชาชนทั้งสองชาติก็สามารถทำได้เช่นกัน”