ศึกในพลังประชารัฐไปไกล และร้าวหนักมาก! อ่านเกมกับ ‘เต้ มงคลกิตติ์’ ฉายภาพ/รายงานพิเศษ

รายงานพิเศษ

 

ศึกในพลังประชารัฐไปไกล

และร้าวหนักมาก!

อ่านเกมกับ ‘เต้ มงคลกิตติ์’ ฉายภาพ

 

นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์

ผู้ซึ่งออกมาปล่อยข่าวเรื่องเตรียมปลด ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เป็นคนแรก มาอ่านเกมในพรรคพลังประชารัฐ ณ เวลานี้ให้ฟังว่าพยายามสร้างภาพว่าสามัคคีกัน จริงๆ แล้วพวกเขาไม่ได้สามัคคีกัน แต่เป็นสงครามเย็น

ในพรรคพลังประชารัฐ สภาพตอนนี้แบ่งเป็น 2 ก๊วน ก๊วนที่ 1 คือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ + ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า มีสมาชิกประมาณ 60 คน

อีกก๊วนหนึ่ง คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และมีรัฐมนตรี 6 คนเป็นลูกน้องคอยดูแล ส.ส.

เอาเป็นว่าถ้ารัฐบาลนี้สามัคคีกันจริง การประชุมสภาหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจก็คงไม่มีภาพการเกิดสภาล่ม

ซึ่งสภาไม่ได้ล่มเพราะฝ่ายค้าน และก็ไม่ได้ล่มเพราะว่าพรรคร่วมรัฐบาลอย่างประชาธิปัตย์, ภูมิใจไทย แต่กลายเป็นว่าพรรคพลังประชารัฐที่แบ่งเป็น 2 ก๊กทำให้ล่ม ตอนนี้พูดง่ายๆ คือมีการแย่งอำนาจกัน เล่นเกมในพรรคเดียวกัน

สิ่งหนึ่งที่สังเกตได้คือ ขุนพลที่เคยอยู่กับ พล.อ.ประวิตรแล้วย้ายฝั่งไปอยู่กับ พล.อ.ประยุทธ์ กำลังถูก ป.ป.ช.ไล่ดำเนินคดีอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นคดีการบินไทย ที่เป้าหมายหลักไม่ใช่คุณทักษิณ ชินวัตร แต่เป้าหลักคือคุณสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ในฐานะอดีต รมว.คมนาคม

ซึ่งคดีนี้มันมีมานานแล้วตั้งแต่สมัย ประธานคณะกรรมาธิการคมนาคม เมื่อปี 2550 ผมเองก็เคยตั้งกระทู้สดเรื่องการจัดซื้อเครื่องบิน ผมเองได้เคยไล่ตามบี้คดีเอง และส่วนตัวเชื่อว่าคดีนี้น่าจะไว แล้วมีการแจ้งข้อกล่าวหาภายในสิ้นปีนี้

จากนั้นก็จะมีคดีของคุณสมศักดิ์ เทพสุทิน ที่มีคดีอยู่ที่ ป.ป.ช.อีก เดี๋ยวอีกสักพักทุกคนคงจะรู้เองว่าเรื่องอะไร

ส่วนคุณสันติ พร้อมพัฒน์ ก็กำลังจะโผล่มา ขณะที่คุณวิรัช รัตนเศรษฐ ก็คดีสนามฟุตซอลเดิม

พูดง่ายๆ ว่าใครแปรพักตร์ก็โดนหมดทุกคน ความจริงก็คือ คดีต่างๆ มันก็เป็นคดีที่อยู่ ป.ป.ช.มาอยู่แล้ว แต่ก็อาจจะว่ามีกระบวนการที่ทำให้เรื่องดำเนินเร็ว แต่คดีไม่เคยหายไปไหน มีแต่ว่าเขาจะพิจารณาคดีไหนก่อนมากกว่า

จากปรากฏการณ์นี้ ส.ส.เต้เชื่ออย่างมากว่าบัตรเลือกตั้ง 2 ใบมันอาจจะมีโอกาสพลิกผันได้อีก เพราะว่าตอนนี้กรณีของเกมบัตรเลือกตั้งอยู่ในมือของ พล.อ.ประยุทธ์ ตัวเขาเองต้องคิดแล้วว่า จะอยู่ในพรรคพลังประชารัฐและคุมได้ทั้งหมด 120 คนหรือไม่ ถ้าคุมไม่ได้ก็จะต้องแยกตัวออกไปตั้งพรรคใหม่ประมาณ 50-60 คนซึ่งก็จะกลายเป็นพรรคขนาดกลาง แล้วถ้าเป็นพรรคขนาดกลาง พล.อ.ประยุทธ์คงไม่ตัดสินใจที่จะใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบแน่นอน เพราะว่า พล.อ.ประยุทธ์ก็อาจจะกลัวว่าสุดท้ายถ้าพรรคพลังประชารัฐกับพรรคเพื่อไทยไปจับมือกันหลังเลือกตั้ง แล้วโดดเดี่ยวพรรคที่ พล.อ.ประยุทธ์กำลังไปฟูมฟักอยู่กับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา และข้าราชการ

ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์จะต้องยึดพรรคพลังประชารัฐให้ได้ ถ้ายึดพรรคได้เมื่อไหร่บัตร 2 ใบก็จะเกิด แต่ถ้ายึดไม่ได้ ไม่มีทางที่บัตรเลือกตั้ง 2 ใบจะเกิด รอดูเลยว่าจะมีอุปสรรคระหว่างทาง ก็จะกลายเป็นว่าใช้กติกาเดิม

สำหรับความเป็นไปได้หลังจากนี้คือ พล.อ.ประยุทธ์กับ พล.อ.อนุพงษ์จะยังอยู่ด้วยกัน ส่วน พล.อ.ประวิตรกับ ร.อ.ธรรมนัสอยู่ด้วยกัน รวมถึง อ.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์

ภาพที่เห็นว่า “โอบกอดกัน” ก่อนหน้านี้ ก็คือการแสดงละคร ควรไปดูที่สีหน้าของแกว่า พล.อ.ประวิตรจะเล่นด้วยหรือไม่ ผมดูแล้วยากที่จะเอาอะไรมาสมานแผลนี้ มันสมานไม่ได้ เพราะสิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ทำคือเหมือนเอาเท้าไปขยี้ พล.อ.ประวิตรโดยการไปปลดกล่องดวงใจของเขา ปลดทหารเอก (จูล่ง) ของเขา แบบไม่ไยดีเลย

เพราะฉะนั้น ระหว่างพี่น้องกับกล่องดวงใจ ก็ต้องเลือกกล่องดวงใจ

ส.ส.เต้วิเคราะห์อีกว่า ในความเป็นจริง พล.อ.ประยุทธ์กับ พล.อ.อนุพงษ์เป็นลูกน้องของ พล.อ.ประวิตรนะ ถ้าไม่ใช่เพราะ พล.อ.ประวิตรไม่มีทางที่ พล.อ.อนุพงษ์จะได้เป็น ผบ.ทบ. ในความเป็นจริงพี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์เป็นคนมีแต่ให้ เป็นคนให้ชีวิตและอนาคตของ พล.อ.ประยุทธ์และ พล.อ.อนุพงษ์ เพียงแต่ว่าน้อง 2 คนเห็นพี่เป็นแค่เรือจ้าง เมื่อถึงเวลาแล้วก็จะถีบหัวส่ง แต่วิธีที่จะไม่มีปัญหาอะไรกัน ก็ให้ตำแหน่งไปหน่อยหนึ่งที่คอยรับใช้

เกมนี้ พล.อ.ประวิตรคงจะรู้เช่นเห็นชาติน้อง 2 คนนี้แล้วที่ไม่สำนึกบุญคุณ ถ้ารักกันจริงจะต้องไม่ปฏิบัติการแทรกแซงในพรรค หรือทำให้ ส.ส.มาอยู่ในก๊กตัวเอง ต้องไว้วางใจให้ พล.อ.ประวิตรเป็นคนจัดการทั้งหมด ถ้าพี่ป้อมบอก น้องตู่ว่าพอก็ต้องพอ ส่วนตัวผมประเมินว่า พล.อ.ประวิตรเขาลึกทางการเมือง มองสเต็ปต่อไปคือ ร.อ.ธรรมนัสก็คงจะยังอยู่กับ พล.อ.ประวิตร เราต้องไม่ลืมว่า ธรรมนัสเป็นลูกน้องเสธ.ไอ๊ซ์ ก็ดูแลกันเต็มที่ แล้วก็เคยฝากฝังกับ พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา (ปัจจุบันประธานยุทธศาสตร์พรรค) ซึ่งพวกเขาก็จะมีระบบดูแลพี่น้องของเขา

ส่วนการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นช่วงไหน? ก็ขึ้นอยู่กับว่าการเสนอ พ.ร.ก.กู้เงินจะเกิดขึ้นในช่วงใด หลังจากมีการขยับเพดานหนี้สาธารณะไปแล้ว ผมเชื่อว่าถ้า พ.ร.ก.กู้เงินนี้ผ่านแล้ว พล.อ.ประยุทธ์กับ พล.อ.ประวิตรเจรจากันกับ ส.ส. “เรื่องธนู” หากเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็เลือกตั้งได้

แต่ว่าถ้ามีการหักกัน ก็ต้องใช้กฎหมายเก่าในการเลือกตั้ง ซึ่งก็แปลว่า พล.อ.ประยุทธ์จะต้องระเห็จออกไปตั้งพรรคใหม่ที่ได้เตรียมการไว้แล้ว

หรืออาจจะมีการกลับไปใช้บริการของ “สี่กุมาร” เพราะเดิมทีกลุ่มนี้ก็ไม่ได้มีเรื่องกับ พล.อ.ประยุทธ์ เขามีเรื่องกับคนในพรรค

 

ส.ส.เต้กล่าวอีกว่า ชนวนความแตกแยกของเรื่องนี้ หากจะให้ย้ำอีกทีก็คือไปดูที่ พล.อ.ประยุทธ์ ด้วยความที่เป็นคนมุทะลุไม่รอบคอบ เวลาจบไม่จบ เจรจายังไง พี่ใหญ่สั่งยังไงก็ต้องจบ ทหารเอกลงไปจัดการคนในพรรคและพรรคร่วมทั้งหมดแล้ว อาจจะไม่สมบูรณ์ 100% แต่ก็อย่าไปเอาความ ก็ถือว่าจบเพราะเขาเป็นลูกน้องของพี่ใหญ่ มันก็เหมือนกับคุณไปผ่ากล่องดวงใจของพี่ใหญ่ เหมือนกับไปฆ่าทหารเอก

อย่างไรก็ตาม ส.ส.เต้มองว่า “กติกาบัตร 2 ใบ” พูดได้ว่า “พรรคเพื่อไทย” ได้เปรียบที่สุด เพราะสุดท้ายแล้วเพื่อไทยเขาไม่ได้มีความแตกแยกเท่า พปชร. เพราะฉะนั้น ประเมินว่าเขาน่าจะได้เกือบ 260 เสียง รวมกับพรรคก้าวไกลอีก 40 เสียง ก็ได้ 300 เสียงเลยด้วยซ้ำ

แต่ถ้า พล.อ.ประยุทธ์คุมพรรคได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ก็จะยอมให้มีบัตร 2 ใบ แล้วก็จะใช้ให้ ร.อ.ธรรมนัสไปดูด ส.ส.เพื่อไทยมาอีกเยอะๆ เพื่อให้ได้ประโยชน์มากที่สุด

แต่เผอิญว่าตอนนี้เกมมันเปลี่ยน มันมีปัญหาตรงที่ พล.อ.ประยุทธ์ทำปืนลั่นใส่ ร.อ.ธรรมนัส แล้วก็ใช้เท้าขยี้ซ้ำ ซึ่งคนเป็นนักเลงเขาไม่ทำกัน

แล้ว ร.อ.ธรรมนัส ถ้าสมมุติว่าไปให้อภัย พล.อ.ประยุทธ์ ก็ถือว่า “เจ็บแล้วไม่จำ”

 

ส.ส.เต้บอกอีกว่า ถ้ามองในมุมส่วนตัวสำหรับผม ไม่ว่าจะเป็นบัตรแบบไหนก็มีข้อดีข้อเสียคนละแบบ ผมก็จะไม่คิดอะไรมากเพราะผมไม่ได้เป็นพรรคการเมืองที่ซื้อเสียงเข้ามา ผมไม่ได้จ้างประชาชนมาเลือก และไม่เคยคิดว่าจะต้องมีพรรคขนาดใหญ่ แค่ขอเป็นปากเป็นเสียงให้พี่น้องประชาชน ให้คะแนนเท่าไหร่ก็เท่านั้น ก็ทำงานเต็มที่

ที่ผ่านมาก็มีพรรคใหญ่เข้ามาจีบผม แต่ผมไม่สามารถที่จะทำตามได้ เพราะว่าถ้าเข้าไปอยู่พรรคใหญ่แล้วก็ต้องเกรงใจ บรรดาครอบครัว กรรมการบริหารพรรค เรื่องนั้นเรื่องนี้เราอาจจะตรวจสอบไม่ได้เพราะเขาไปเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์เรื่องเงินเรื่องนี้ ก็จะทำให้พูดได้ไม่เต็มปาก สุดท้ายเราต้องเงียบ เหมือนเข้าสู่ระบบทุน เราจะถูกกลืน คะแนนเสียงถูกกลืน อุดมการณ์ถูกทำลาย ประโยชน์ใดๆ ที่เราควรจะทำให้กับพี่น้องประชาชนก็ไม่เกิด

สุดท้ายนี้ผมอยากจะบอกกับ พล.อ.ประยุทธ์ว่า ท่านเป็นบุคคลที่ไม่มีประโยชน์กับแผ่นดินไทยแล้ว ท่านอยู่ก็จะเป็นภาระ แล้วก็จะเป็นความเสียหายที่ท่านตัดสินใจอะไรหลายๆ อย่าง ที่จะทำให้บ้านเมืองมันถอยหลังไปมากกว่านี้ ก็ถือว่า แค่นี้ก็ทำบาปกับประชาชน กับประเทศไทยมากเกินไปแล้ว มันหมดเวลาแล้วที่จะทำต่ออีก เพราะว่าถ้าท่านยิ่งทำต่อไป บาปกรรมมันจะติดตัวไปถึงชาติหน้า แค่นี้ก็เยอะเกินพอแล้ว

ผมพูดด้วยด้วยความหวังดีแบบกัลยาณมิตร

ชมคลิป