บทสรุปที่ว่า “สถานการณ์สร้างวีรบุรุษ” กำลังจะเกิดขึ้นกับสถาน การณ์อันเกี่ยวกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

เพียงแต่เปลี่ยนคำมาเป็น “วีรสตรี”เท่านั้น

ถามว่าอะไรเป็นปัจจัยส่งให้ภาพลักษณ์ของ อองซาน ซูจี มีความโดดเด่น

กระทั่งเป็น “ขวัญชัย” ของ “ชาวพม่า”

คำตอบเห็นได้จากสถานการณ์และการรุกไล่ บีบคั้น บังคับอันมาจาก “ทหาร”

ทุกอย่างดำเนินไปตาม”กฎ”ในทาง”ฟิสิกส์”

นั่นก็คือ เมื่อมีแรงกดย่อมมีแรงต้าน เป็นการต้านด้วยพลังแห่งความเป็นหญิง พลังแห่งความเป็นแม่

ในที่สุดก็ได้รับการยอมรับจาก”ประชาชน”

 

สภาพที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ประสบนับแต่หลังรัฐประหารเมื่อ เดือนพฤษภาคม 2557  ยิ่งมายิ่งมีความใกล้เคียง

รัฐประหารนั้นเป็นการ”โค่น”อย่างเด่นชัด

เมื่อโค่นแล้วก็มีความจำเป็นต้องสร้างความชอบธรรม นั่นก็คือ นำเอาประเด็นที่มีการเคลื่อนไหวเล่นงาน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชิน วัตร ในทางการเมืองมาขยายผล

ถอดถอนจากตำแหน่ง”นายกรัฐมนตรี”ที่พ้นไปแล้วยังไม่พอ

ยัง “ดับเบิล ถอดถอน”อีกโดยสภานิติบัญญัติแห่งชาติที่มาจากการรัฐประหาร

มาตรการเหล่านี้เหมือนกับจะปิดฝาโลงให้กับชีวิตทางการเมืองของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แต่แทนที่จะบรรลุตามเป้าหมาย

ในอีกด้านคะแนนนิยม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กลับพุ่งทะยาน

 

อุณหภูมิที่สะท้อนให้เห็นว่ามีประชาชนจำนวนหนึ่งมิได้เห็นด้วยกับ “กปปส.” มิได้เห็นด้วยกับท่าทีของคณะรัฐประหาร

คือ ปริมาณคนที่ห้อมล้อม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

นับจากเดินขึ้นศาลเมื่อปี 2559 กระทั่งมาถึงกลางปี 2560 ยังมีคนไปให้”กำลังใจ”อย่างอบอุ่น

ยิ่งเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม ยังมากกว่า 1,000

ยิ่งใกล้วันที่ 1 และวันที่ 25 สิงหาคม กำลังใจยิ่งเทให้กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อย่างเสมอต้นเสมอปลาย

ทั้งๆที่อยู่ภายใต้”แผนกรกฎ 52″