ฟ้า พูลวรลักษณ์ : มนุษย์กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

ฟ้า พูลวรลักษณ์

ทุกครั้งที่ฉันดูหนังซีรี่ส์ซึ่งยาวมาก และพบว่าพล็อตเรื่องกำลังจะตัน ฉันสังเกตว่าจะต้องมีคนตาย ความตายทำลายความตัน และเรื่องก็ดำเนินต่อไปได้

ชีวิตจริงก็เป็นแบบนี้ ความตายทำให้เรื่องดำเนินต่อไปได้ มีเริ่มต้นใหม่ ปัญหามากมายก็คลี่คลายไปเอง

เพื่อนคนหนึ่งของฉันเสียชีวิต ทันใดนั้นปัญหาชีวิตมากมายของเขา ที่แก้ไม่ได้ ก็คลี่คลายไปเอง

เมื่อแม่ของเขาเสียชีวิต ปัญหามากมายเกี่ยวกับแม่ของเขาก็คลี่คลาย

เมื่อพ่อของเขาเสียชีวิต ปัญหามากมายเกี่ยวกับพ่อของเขาก็คลี่คลาย

ความตายช่างมีอิทธิพลยิ่งใหญ่ มันมีผลทั้งดีและร้าย แต่ที่สำคัญคือ มันทำให้เรื่องดำเนินต่อไป จากที่กำลังจะตัน กำลังหมักหมม

ความน่ากลัวของโลกเรา คือเรากำลังเข้าสู่ยุคหมาบ้า

ยุคที่แก้ปัญหาด้วยการฆ่ากันให้ตายมากที่สุดเท่าที่จะมากได้

เพราะผู้ก่อการร้ายได้พัฒนาความร้ายกาจขึ้นมาหนึ่งระดับ มันเริ่มจาก วันที่ ๑๑ กันยายน ๒๐๐๑ วันที่ผู้ก่อการร้ายใช้เครื่องบินพาณิชย์ บินชนตึกเวิลด์เทรด ทำให้คนตายนับพัน เป็นการก่อวินาศกรรมครั้งยิ่งใหญ่ โดยใช้สิ่งที่ผู้คนคาดไม่ถึง แม้จะอยู่ตรงหน้า ลงทุนน้อย ได้ผลร้ายแรง และป้องกันได้ยาก

จากนั้น ทิ้งระยะเวลาอีกสักพัก ผู้ก่อการร้ายเริ่มขยายผลต่อไป คือการให้สาวกฆ่าคนตาย โดยใช้อะไรก็ได้ที่อยู่ใกล้ตัว เช่น ขับรถชนคนตามถนน

มันได้ผล เพราะเราไม่สามารถป้องกันรถที่วิ่งนับไม่ถ้วนตามถนนได้ ขอเพียงมีสาวกของพวกเขาสักคนเป็นคนขับ เขาก็อาจขับชนใครก็ได้ เขาสามารถขับเข้าไปในตลาด หรือเข้าไปในฝูงชนในงานเฉลิมฉลอง รถยนต์คันเดียวสามารถใช้ฆ่าคนได้เป็นร้อย มันอาจเป็นรถยนต์แบบไหนก็ได้ อาจซื้อมา เช่ามา หรือขโมยมา ของทุกอย่างรอบตัวกลายเป็นอาวุธ ผู้คนมากมายรอบตัว เราไม่รู้จะป้องกันตัวจากใคร

นี้คืออัจฉริยภาพของผู้ก่อการร้าย ที่สามารถกลายพันธุ์ ทำง่ายกว่า ราคาถูกกว่า และป้องกันได้ยากกว่า พวกเขาอาจใช้เพียงแค่มีด ดาบ ท่อนไม้ หรือของมีคมชนิดใดก็ได้ เดินไปไล่ฆ่าคนตามถนน

พวกเขาใช้เวลาคิดยาวนาน แล้วในที่สุดก็ค้นพบว่ารูปแบบที่พวกเขาควรเลียนแบบคือ หมาบ้า

และหากมันเกิดขึ้นจำนวนมาก เราก็เข้าสู่ยุคหมาบ้า

ไม่มีใครจะปลอดภัยเลย เราป้องกันไม่ได้

แม้คนพวกนี้จะพบจุดจบเช่นเดียวกับหมาบ้า คือต้องถูกฆ่าตาย เหมือนหมาบ้าทุกตัวที่ออกมาไล่กัดคนในตลาด ท้ายสุดก็ต้องถูกตีตาย แต่ก่อนตาย มันก็จะกัดคนได้ไม่น้อย และแพร่เชื้อออกไปอีก คนบ้าจะเลียนแบบกัน เมื่อมีคนทำเริ่มต้น มันเย้ายวนให้คนอื่นทำตาม มันแพร่เชื้อเข้าไปในโลกของสื่อ

คนพวกนี้คือคนที่ต้องการฆ่าตัวตาย แต่ก่อนตาย อยากให้มีคนอื่นตายด้วย และตายมากที่สุด มันเกิดจากความเกลียดชังเพื่อนมนุษย์อย่างถึงที่สุด แต่อันตรายสูงสุดอยู่ที่มันทำให้ฝ่ายตรงข้ามเกิดความกลัวสูงสุด และเลียนแบบหมาบ้าด้วย

มันน่ากลัวเหมือนหนังซอมบี้ ที่กลายเป็นจริง คนติดเชื้อที่พร้อมจะกัดคนอื่น และผู้คนก็จะแตกตื่น วิ่งหนี เหยียบกันตาย มีชีวิตอย่างหวาดระแวง หวาดกลัว ส่วนคนที่ถูกกัดแล้ว ก็พร้อมจะกลายเป็นซอมบี้ตัวใหม่ หากลามกันแบบนี้ โลกก็มาถึงจุดจบ

เท่ากับว่าสงครามโลกครั้งที่สามได้เกิดขึ้นแล้ว และภาพของมันก็เห็นชัด เพียงแต่คนจำนวนมากยังมองไม่ออก มันคือการเกิดขึ้นของ

๑ ผู้ก่อการร้ายมุสลิม ที่พร้อมจะใช้อะไรก็ได้ฆ่าคนอื่น โดยไม่สนใจว่าคนอื่นนั้นเป็นใคร

๒ คนที่เกลียดกลัวอิสลาม จนกระทั่งว่าออกมาฆ่าชาวอิสลามคนไหนก็ได้ ขอเพียงมีโอกาส

เชื้อไวรัสสองสายพันธุ์นี้ จุดกำเนิดเดียวกัน แต่แตกตัวออกเป็นสอง แล้วกลายเป็นคู่สงคราม นี้คือสงครามโลกครั้งที่สาม

หากคุณไม่ใช่อิสลาม และแม้คุณจะรู้ว่าชาวอิสลามส่วนใหญ่เป็นคนดี คนรักสงบ แต่ขอเพียง ๐.๐๑ เปอร์เซ็นต์ของพวกเขา เป็นพาหะนำโรคชนิดนี้ พร้อมจะฆ่าคุณเมื่อไหร่ก็ได้ คุณจะกล้าเข้าไปใกล้พวกเขาหรือ

หรือหากคุณเป็นอิสลาม และรู้ว่า ๐.๐๑ เปอร์เซ็นต์ของชาวโลกที่ไม่ใช่อิสลาม เป็นพวก Islamophobia ที่พร้อมจะฆ่าคุณเมื่อไหร่ก็ได้ คุณจะอยู่ยังไง

สงครามโลกครั้งที่สามจึงเกิดขึ้นแล้ว และอาการของมันแตกต่างกับสงครามในอดีต แม้แต่คู่สงครามก็ต่าง เพราะคุณต้องเป็นอิสลาม หรือไม่ใช่อิสลาม ข้างใดข้างหนึ่ง

สมัยก่อน หากเงิน คือตึกใหญ่

อำนาจ คือตึกใหญ่ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่า

ในยุคโบราณ อำนาจเหนือกว่าเงินทองมาก เพราะอำนาจย่อมหมายถึงความมั่งคั่งด้วย แต่เงินทอง ยังไม่แน่ว่าจะหมายถึงอำนาจ ในยุคโบราณ กษัตริย์สามารถยึดทรัพย์จากพ่อค้าได้ทุกเมื่อ ชนชั้นขุนนางสามารถปล้นทรัพย์จากชนชั้นพ่อค้า

แต่ในยุคปัจจุบัน ในระบอบประชาธิปไตย อำนาจถูกจำกัดให้มีจำกัด มีระยะเวลาจำกัด คุณเป็นประธานาธิบดีได้แค่สี่ปี หรือแปดปี แต่มหาเศรษฐีสามารถคงความมั่งคั่งได้นานชั่วลูกหลาน บางครอบครัวความมั่งคั่งอยู่ได้นานหลายชั่วอายุคน

บัดนี้อำนาจและเงินทอง เริ่มสูสีกัน

มนุษย์จะเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง ภายใต้เงื่อนไขสามข้อ

๑ การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี

๒ การเปลี่ยนแปลงทางกฎหมาย

๓ การเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรม

ข้อแรกนี้ชัดเจน เมื่อเทคโนโลยีเปลี่ยน พฤติกรรมของมนุษย์ก็เปลี่ยน เช่น วันที่เรามีมือถือ เราก็เปลี่ยนจากวันที่เราไม่มีมือถือ

สมมติเทคโนโลยีเราเท่าเดิม แต่หากกฎหมายเปลี่ยน พฤติกรรมของเราก็เปลี่ยน เช่น หากวันหนึ่งชาวโลกมีกฎหมาย ห้ามมนุษย์เดินทางออกนอกตำบลของตน มนุษย์จะเปลี่ยนทันที ราวกับโดนสายฟ้าฟาด เหมือนเกิดเทคโนโลยีใหม่ มันจำกัดมนุษย์ เปลี่ยนพฤติกรรมมนุษย์

หรือมีกฎหมาย ห้ามคนชาติเดียวกันแต่งงาน แต่จะแต่งงานได้ต้องเป็นคนต่างชาติเท่านั้น สังคมมนุษย์จะเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ง่ายๆ โดยไม่ต้องใช้เทคโนโลยีอะไรเลย เราเปลี่ยนเพราะกฎหมายเปลี่ยน

กฎหมาย เกิดจากมนุษย์สร้างมัน ดังนั้น เราจึงสามารถเปลี่ยนตัวเองได้อย่างมหาศาล

จากลิงใหญ่มาเป็นคน เราเปลี่ยนแปลงมากมาย แต่มันใช้เวลายาวนานเป็นแสนเป็นล้านปี แต่สมมติ มีเหตุการณ์ที่ทำให้พันธุกรรมมนุษย์เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เช่น เมื่อความรู้เกี่ยวกับพันธุกรรมของมนุษย์ลึกล้ำขึ้น เราก็สามารถเปลี่ยนพันธุกรรมตัวเอง เราสามารถใส่หรือถอดยีนส์บางตัว

ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากพันธุกรรม ลึกซึ้งที่สุด มีผลถาวรที่สุด เพราะเทคโนโลยียังเป็นของนอกกาย วันที่รถยนต์ไม่วิ่ง เราก็กลับไปขี่ม้าได้ ส่วนกฎหมาย สามารถแก้ได้ ถ้ามนุษย์ไม่ชอบกฎหมายข้อใด ก็สามารถเปลี่ยนแปลง เขียนขึ้นมาใหม่ แต่รวมกันสามข้อนี้ มนุษย์กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

ทุกสิ่งที่ฉันเคยเห็นในวัยเด็ก วันนี้ไม่ใช่แล้ว