รายงานพิเศษ

จับกระแสบิ๊กทหาร นั่ง รมต.

“บิ๊กช้าง-บิ๊กปุย-บิ๊กณะ” 3 ป. จัดทัพ ครม.

ทัพไทย-ทัพเรือ คลื่นแรง

กระแสการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ยังไม่จางลง แต่คราวนี้เป็นเพราะบิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. เอง ที่เปิดช่องไว้ว่า แม้จะยังไม่ปรับ ครม. ตอนนี้ เพราะไม่ว่าใครมาเป็นรัฐมนตรี ก็ทำอะไรไม่ได้มากเพราะความขัดแย้งสูง

“แต่เมื่อถึงเวลาเมื่อไหร่ ที่ผมดูแล้วว่าที่สั่งไปแล้วไม่ทำ ที่กำหนดเป็นนโยบายไปแล้วไม่ทำ หรือทำแล้วไม่มีประสิทธิภาพ ก็ค่อยปรับ แต่ยังทำงานได้เวลานี้” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

 

จึงทำให้รัฐมนตรีหลายคน โดยเฉพาะรัฐมนตรีทหาร และเป็นเพื่อน ตท.12 ของ พล.อ.ประยุทธ์ เอง ถูกจับตามอง ทั้งบิ๊กฉัตร พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรฯ บิ๊กเต่า พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.ทรัพยากรฯ และบิ๊กบี้ พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล รมว.แรงงาน

ยิ่งเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ยืนกรานว่าหากจะปรับ ครม. ก็ไม่ใช่เพื่อเอาใจใคร หรือเอาใจเพื่อนหรือพี่

รวมทั้งบิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ที่มักมีชื่อในกระแสข่าวการปรับ ครม. ทุกครั้ง ทั้งแบบหลุดเก้าอี้ หลุด ครม. ไปเลย และการสลับกระทรวง ไปนั่ง รมว.มหาดไทย

แม้ พล.อ.ประวิตร จะบอกไปแล้วว่า “ถ้าถามใจผม ผมก็อยากอยู่กลาโหม”

เช่นเดียวกัน บิ๊กป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา มท.1 นั้น ก็บอกว่า “รู้จักกันมาตั้งนาน ยังไม่รู้ใจกันอีกหรือ”

เพราะเชื่อกันว่า พล.อ.อนุพงษ์ พอใจกับการดูแลมหาดไทยเช่นนี้มากกว่า

แล้วก็เชื่อกันว่า พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งก็สนิทสนมรักใคร่กับบิ๊กป้อมและบิ๊กป๊อกมาอย่างลึกซึ้งยาวนาน ก็คงไม่ขัดใจพี่ อีกทั้งเป็นสัญญาใจพี่น้องตั้งแต่เมื่อครั้งที่บิ๊กตู่ไปขอให้พี่ป้อม พี่ป๊อก มาเป็น รมว.กลาโหม และ รมว.มหาดไทย ให้ หลังการรัฐประหาร และจะจัดตั้งรัฐบาล

แต่การปรับ ครม. ที่แม้แต่ พล.อ.ประวิตร เชื่อว่าจะเกิดขึ้น ก็หลังเสร็จสิ้นพระราชพิธีสำคัญในช่วงหลายปีไปแล้วนั้น ก็ทำให้เกิดความหวังกันในกองทัพว่าบิ๊กทหารคนไหนจะได้ไปเป็นรัฐมนตรี

ว่ากันว่า พล.อ.ประยุทธ์ เองก็อาจจะรอให้บิ๊กทหารคนใดในกองทัพเกษียณราชการใน 30 กันยายนนี้เสียก่อนด้วย เพื่อหาตัวเลือกในการปรับคณะรัฐมนตรี โดยเฉพาะใน คสช.

จนร่ำลือกันในกระทรวงกลาโหม ว่าบิ๊กช้าง พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล ที่จะเกษียณจากปลัดกลาโหม ก็เป็นหนึ่งในจำนวนนั้น ที่มีสิทธิ์ลุ้นเก้าอี้รัฐมนตรี แม้จะเป็นเก้าอี้รัฐมนตรีช่วย ก็ตาม

ด้วยเพราะเป็นมือทำงานให้บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ มาตลอด 3 ปี ตั้งแต่เข้ามาเป็นรัฐบาล คสช.

แถมทั้งเป็นกำลังหลักในกระบวนการสร้างสามัคคีปรองดอง เคียงคู่กับบิ๊กปุย พล.อ.สุรพงษ์ สุวรรณอัตถ์ ผบ.ทหารสูงสุด ที่ก็จะเกษียณพร้อมกัน

ปรับ ครม.คราวหน้าก็อาจมีรายการเขย่าเก้าอี้ รมช.กลาโหม ของบิ๊กโด่ง พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร อยู่บ้าง เพราะมีตัวเลือกเพิ่มขึ้น

ที่อาจจะสอดคล้องกับข่าวที่ว่า บิ๊กเข้ พล.อ.เทพพงศ์ ทิพยจันทร์ ผช.ผบ.ทบ. จะข้ามไปเป็นปลัดกลาโหม ด้วยประกาศิตของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ต้องดูแลน้องรักทหารเสือที่พลาดเก้าอี้ ผบ.ทบ.

แม้เดิมจะมีข่าวว่า พล.อ.ชัยชาญ เสนอชื่อบิ๊กต้อ พล.อ.สสิน ทองภักดี เสธ.ทบ. ที่ทำงานที่กรมยุทธการทหารบกมาด้วยกัน รู้มือกันดีว่าเหมาะที่จะเป็นปลัดกลาโหม ให้ พล.อ.ประวิตร พิจารณา

แต่ดูเหมือนว่าเก้าอี้นี้จะถูกเคลียร์ไว้สำหรับ พล.อ.เทพพงศ์ น้องรักนายกฯ แล้วนั่นเอง พล.อ.สสิน ก็จะนั่งเป็น รอง ผบ.ทบ. ต่อไป เพราะบิ๊กต้อก็ไม่ได้คาดหวังตั้งแต่ต้น เพียงแต่คนในกลาโหม มองว่า ถ้า พล.อ.สสิน มาเป็นปลัดกลาโหม ก็จะถนัดในสายงานอยู่แล้ว

ขณะที่ พล.อ.เทพพงศ์ เป็นนายทหารที่เติบโตมาแบบคอมแมนเดอร์ แต่ต้องมาทำหน้าที่ปลัดกลาโหม เป็นฝ่ายอำนวยการนั่นเอง

นอกจาก พล.อ.ชัยชาญ พล.อ.สุรพงษ์ ที่จะเป็นตัวเลือกรัฐมนตรีแล้ว บิ๊กณะ พล.ร.อ.ณะ อารีนิจ ผบ.ทร. ก็จะเกษียณด้วยเช่นกัน ก็ถือว่ามีส่วนสำคัญที่ช่วยเนรมิตฝันให้ พล.อ.ประวิตร ในการซื้อเรือดำน้ำจีน แม้ว่ามันจะเป็นความต้องการของ ทร.เอง ที่อยากจะมีเรือดำน้ำอยู่แล้วก็ตาม แต่ทว่าทหารเรือคงไม่อยากได้เรือดำน้ำจีน แต่ถ้าเลือกได้อย่างอิสระ ไม่ต้องคำนึงถึงเรื่องนโยบายรัฐบาล ทร. ก็อาจจะซื้อเรือดำน้ำเกาหลีใต้ไปแล้ว

ด้วยคอนเน็กชั่นเช่นนี้ จึงทำให้เชื่อกันว่า พล.อ.ประวิตร ก็ไม่น่าจะ “หัก” หรือล้วงลูกการแต่งตั้ง ผบ.ทร.คนใหม่ ที่ พล.ร.อ.ณะ เสนอมา

เพราะในเวลานี้ ศึกชิงเก้าอี้ ผบ.ทร. เป็นไปอย่างเข้มข้น แม้จะมีการส่งสัญญาณบางอย่างจาก พล.ร.อ.ณะ อารีนิจ ผบ.ทร. ที่อาจจะเลือกบิ๊กนุ้ย พล.ร.อ.นริส ประทุมสุวรรณ ผช.ผบ.ทร. เป็นแม่ทัพเรือคนใหม่ แต่ทว่าความหวังของบิ๊กลือ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ เสธ.ทร. ก็ยังไม่สิ้น

พล.ร.อ.ณะ ยืนกรานที่จะใช้หลักการเดิม คือ “ระบบคุณธรรม” ในการเลือก ผบ.ทร.คนใหม่

ระบบคุณธรรม ของ พล.ร.อ.ณะ นั้น หมายรวมทั้งเรื่องอาวุโส ทั้งรุ่น และการครองยศ รวมทั้งการทำให้กองทัพเรือร่วมกันแบบพี่น้อง

แม้จะรู้ว่าการเลือก “น้อง” คนหนึ่ง อาจจะทำให้ “น้อง” อีกคนหนึ่ง หรือคนที่ผิดหวัง ไม่พอใจ แต่มันเป็นสถานการณ์บังคับ

แต่ทว่า ก็ยังทำให้นายทหารเรือรุ่นอื่นๆ ทั้ง ตท.17 ตท.18 และ ตท.19 ที่มีอายุราชการถึงปี 2562-2563 มีความหวัง ในการลุ้นเป็น ผบ.ทร. กันอีก

ทั้งนี้ ไม่ใช่แค่เพราะ พล.ร.อ.นริส เป็นรุ่นพี่ ตท.16 และติดยศพลเรือเอกตั้งแต่เมื่อครั้งเป็น ผบ.กองเรือยุทธการ ก่อนที่ พล.ร.อ.ลือชัย จะเป็น เสธ.ทร. เมื่อตุลาคม 2559 ที่ผ่านมา

แต่เพราะพลังแห่งเตรียมทหารรุ่น 16 ยังคงมีอยู่ ทั้ง พล.อ.ชัยชาญ ปลัดกลาโหม บิ๊กเจี๊ยบ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. และบิ๊กจอม พล.อ.อ.จอม รุ่งสว่าง ผบ.ทอ

กล่าวกันว่า หาก พล.อ.ประวิตร ต้องการให้ พล.ร.อ.ลือชัย เป็น ผบ.ทร. และหากจำเป็นต้อง “โหวต” กันในคณะกรรมการแต่งตั้งโยกย้ายนายพลของกลาโหม ของบอร์ด 7 เสือกลาโหมแล้ว เสียงของ ตท.16 ก็มีถึง 3 เสียง รวมกับ พล.ร.อ.ณะอีก 1 เสียง ก็ย่อมต้องชนะ

แต่หากถึงขั้นต้องโหวต นั่นหมายถึงความขัดแย้ง การแตกหัก ซึ่ง พล.อ.ประวิตร ยืนยันว่าตลอด 3 ปีของการเป็น รมว.กลาโหม ไม่เคยมีปัญหาในการจัดโผโยกย้าย ไม่เคยถึงขั้นต้องยกมือโหวตกันในคณะกรรมการ

งานนี้เข้มข้น เพราะแม้จะรู่กันดีว่า พล.ร.อ.ลือชัย เป็นน้องชายของบิ๊กโชย พล.อ.กัมปนาท รุดดิษฐ์ องคมนตรี ที่ก็เป็นน้องรักของนายกฯ และก็เคยมานั่งทานข้าวกับ พล.อ.ประวิตร ที่บ้าน ร.1 รอ. อยู่เสมอๆ ก็ตาม

แต่ พล.ร.อ.นริส นั้น ก็เป็นเพื่อนรัก ตท.16 ของบิ๊กเป็ด พล.ร.อ.ประวิตร รุจิรเทศ และเป็นเพื่อนของบิ๊กจุก พล.อ.อ.ถาวร มณีพฤกษ์ อดีตรอง ผบ.ทหารสูงสุด น้องรัก ที่ทำงานหน้าห้องบิ๊กป้อมจนทุกวันนี้ด้วย

แต่เชื่อกันว่าพลังที่หนุน พล.ร.อ.นริส แรงที่สุด คือพลังของ พล.ร.อ.ณะ และเตรียมทหาร 15 ที่ใกล้ชิด และเข้านอกออกในบ้าน ร.1 รอ. ของบิ๊กป้อมอยู่เสมอๆ

แล้วเชื่อกันว่านี่เป็นพลังในการที่ช่วยให้ พล.อ.ประวิตร ผลักดันโครงการซื้อเรือดำน้ำจีนให้ ทร. สำเร็จ โดยที่ ทร. ก็ไม่ขัดขืน แม้ว่าจะอยากได้เรือของชาติอื่น

อีกทั้ง สไตล์การทำงานของ พล.ร.อ.ณะ ตลอดเกือบ 2 ปีของการเป็น ผบ.ทร. นั้น ก็ยึดระบบคุณธรรม โดยเฉพาะเรียงตามอาวุโส ไม่ว่าจะการแต่งตั้งโยกย้ายในระดับใด

รวมไปถึงการเป็นนายทหารที่เงียบๆ นิ่งๆ ก็จะชอบนายทหารสไตล์นิ่งๆ มากกว่า

แต่หาก พล.ร.อ.นริส เป็น ผบ.ทร. ฝ่าย พล.ร.อ.ลือชัย ก็ยังมีความหวัง เพราะยังรอได้ เพราะมีอายุราชการถึงกันยายน 2563 เพราะในโผนี้ก็ขยับขึ้นเป็น รอง ผบ.ทร. ครองอัตราจอมพลไว้ก่อน เพื่อรอขึ้น ผบ.ทร. เมื่อ พล.ร.อ.นริส เกษียณกันยายน 2561

แต่ก็ไม่มีอะไรรับประกัน ไม่มีสัญญาใจ หรือสัญญาสุภาพบุรุษใดๆ ที่ว่า ต่อจาก พล.ร.อ.นริส แล้วจะเป็น พล.ร.อ.ลือชัย

ยิ่งหากมองไปที่นายทหารเรือที่จะขึ้นมาอยู่ใน 5 ฉลาม ด้วยแล้ว ก็ล้วนมีสิทธิ์ที่จะขึ้นชิง ผบ.ทร. ในปีหน้า กับ พล.ร.อ.ลือชัย ได้

ทั้งบิ๊กป๋อง พล.ร.ท.พัชร พุ่มพิเชษฐ์ รอง เสธ.ทร. และบิ๊กตุ๋ย พล.ร.ท.พิเชฐ ตานะเศรษฐ รอง เสธ.ทร. ที่คาดว่าจะขึ้นมาเป็น พลเรือเอก ทั้ง ผช.ผบ.ทร. และ เสธ.ทร.

โดยที่ พล.ร.ท.พัชร เป็นคณะกรรมการจัดซื้อเรือดำน้ำจีนด้วย ก็สามารถที่จะขึ้นมาสานต่อโครงการเรือดำน้ำจีนได้ แล้วโยกย้ายปลายปีหน้าก็ขึ้นชิงเก้าอี้แม่ทัพเรือกันอีกครั้ง

แต่กระนั้น นี่ยังไม่ใช่โค้งสุดท้าย เพราะ พล.ร.อ.ลือชัย เองก็พกความมั่นใจมาเต็มกระเป๋า ว่าจะขึ้นเป็น ผบ.ทร. ในโผโยกย้ายนี้เลย ด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครรู้ นอกเสียจากตัวเขาเอง

จึงไม่แปลกที่งานนี้ ทั้ง พล.ร.อ.นริส และ พล.ร.อ.ลือชัย จะเตรียมจัดทีมงาน และหน้าห้องกันแล้ว แบบที่เรียกว่าเป็นดรีมทีมที่ต้องคัดคนเก่งและมีประสบการณ์ เคยทำงานด้วยกันมาแล้ว ดวงชะตาต้องถูกโฉลกหรือเข้ากับ “นาย” ได้ด้วย

แต่ทหารใน ทร. รู้กันดีว่า ไม่ว่าจะ พล.ร.อ.นริส หรือ พล.ร.อ.ลือชัย เป็น ผบ.ทร. ก็จะได้ “นาย” ที่เข้ม ดุ เอาจริง มีความสามารถและความเป็นผู้นำไม่ต่างกัน

แต่หาก พล.ร.อ.นริส ได้เป็น ผบ.ทร. ก็จะบันทึกประวัติศาสตร์ ที่ ผบ.กองเรือยุทธการ ที่คุมกำลังรบทางเรือมา ได้ขึ้นเป็น ผบ.ทร.

แต่ทว่า เวลานี้บอกได้คำเดียวว่า ทัพเรือ คลื่นแรง

อย่างไรก็ตาม บรรดาเสือป่าแจ้งวัฒนะ ก็ไม่เบา แม้เวลานี้โผจะลงตัวที่บิ๊กต๊อก พล.อ.ธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ เสธ.ทหาร ขึ้นเป็น ผบ.ทหารสูงสุด คนใหม่ โดยมีบิ๊กกบ พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี รอง เสธ.ทหาร ขึ้นมาเป็น เสธ.ทหาร เพื่อจ่อเป็น ผบ.ทหารสูงสุดคนต่อไปในปลายปีหน้า

แต่เก้าอี้ที่ดูจะเดือดปุดๆ คือ เจ้าพ่อนักรบสีน้ำเงิน ที่จะขึ้นมาแทนบิ๊กต๊อก พล.อ.หัสพงศ์ ยุวนวรรธนะ ที่ขึ้นมาเป็นรอง ผบ.ทหารสูงสุด ก่อนเกษียณ

เพราะบิ๊กปุย พล.อ.สุรพงษ์ ผบ.ทหารสูงสุด เสนอชื่อ พล.อ.ธงชัย สาระสุข หัวหน้าคณะนายทหารฝ่ายเสธ.ประจำฯ ให้เป็น ผบ.หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (ผบ.นทพ.) เพราะเป็นดรีมทีมที่ทำงานด้วยกันมา

โดยมีบิ๊กเจอร์รี่ พล.ท.ดร.ธนะศักดิ์ ชอบชื่นชม ผบ.ศูนย์รักษาความปลอดภัย (ผบ.ศรภ.) หน่วยการข่าวกรองของ บก.กองทัพไทย อันเลื่องชื่อ และมีผลงาน

แถมเป็นมือข่าวประจำตัวของ พล.อ.ประวิตร ในการทำงานลับต่างๆ ให้มาตลอด จนได้รับฉายาว่าหัวหน้า CIA เมืองไทย และเคยมีชื่อเป็นแคนดิเดตเลขาธิการ สมช. ด้วย

ว่ากันว่า ทุกอย่างจะลงตัว ก็เมื่อโผถึงมือ พล.อ.ประวิตร ปลายเดือนกรกฎาคม โค้งสุดท้าย คือเมื่อถึงมือนายกฯ บิ๊กตู่ แต่ทว่าโค้งท้ายสุด คือหลังจากนั้น

เพราะนี่เป็นการจัดโผโยกย้ายทหารในช่วงเปลี่ยนผ่าน ที่ต้องมีสิ่งใหม่ๆ เกิดขึ้นอีกมากมาย ที่กองทัพก็ต้องค่อยๆ เรียนรู้ไป