หลากหลายมุมมอง ก้อนหินและดอกไม้ ไลฟ์สด #พส. พระสงฆ์แห่งยุคสมัย/บทความในประเทศ

บทความในประเทศ

 

หลากหลายมุมมอง

ก้อนหินและดอกไม้

ไลฟ์สด #พส.

พระสงฆ์แห่งยุคสมัย

 

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา หนึ่งกระแสที่ต้องจับตามองไม่แพ้การอภิปรายไว้วางใจ ก็คือกระแสความนิยมชมไลฟ์สดของ 2 พส. ที่หมายถึงพระสงฆ์ “พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ” และ “พระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต” พระลูกวัดสร้อยทอง ที่ไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊กทำสถิติคนดูสดพุ่งไปกว่า 2 แสนคน มิหนำซ้ำ คนชมยังมากกว่า ไลฟ์ม็อบ#ไล่ประยุทธ์ เสียอีก

แต่ละครั้ง ไลฟ์สด #พส จะมาพร้อมวลีเด็ดสุดฮาและตอบคำถามอย่างตรงไปตรงมา ทำให้ชาวเน็ตขำจนท้องแข็งกันอย่างถ้วนหน้า และในการไลฟ์สดแต่ละครั้งก็จะมีหลากหลายคนที่เข้ามารับชมและแสดงความคิดเห็น รวมไปถึงคนดังในแวดวงสัมคม แบรนด์สินค้า ฯลฯ

การได้รับความนิยมเท่ากับทำให้หลายคนหันมามองวงการศาสนามากขึ้น เมื่อไฟสปอตไลต์ส่องสว่างมากขึ้น ถูกพูดถึงมากขึ้น เป็นที่รู้จักมากขึ้น

แน่นอนสิ่งที่เกิดขึ้นตามมาคือการถกเถียงในวงกว้างที่มีทั้งฝ่ายเห็นด้วยและฝ่ายที่ออกมาติเตียน

 

“อาตมาเคยเป็นแบบนี้สมัยหนึ่ง” เสียงสะท้อนจาก “พระพยอม กัลยาโณ” เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวถึงกรณีของ 2 พส. ว่า สมัยหนึ่งอาจารย์คึกฤทธิ์ ปราโมช, คุณสมัคร สุนทรเวช, ท่านอาจารย์พุทธทาส ได้เตือนสติอาตมาโดยเฉพาะอาจารย์หม่อมคึกฤทธิ์บอกว่า ไม่ศรัทธาเลยที่อาตมาเทศน์แบบนี้ ในตอนนั้นเรายังไฟแรง ตอบย้อนไปแบบไม่ดีว่า ที่บวชไม่ได้ให้หม่อมคึกฤทธิ์ท่านมาศรัทธา คุณสมัครบอกว่าอยากให้อาตมาเทศน์แบบสุนทราภรณ์ แบบหลวงพ่อปัญญา บอกอาตมาเทศน์แบบจำอวดมากไป คนก็ไปถามหลวงพ่อพุทธทาสว่ารู้สึกอย่างไร หลวงพ่อท่านก็พูดดี บอกว่าเรายังไม่เคยเห็นเด็กๆ มาฟังธรรมะอย่างจริงจัง ไม่เคยเห็นพระในประเทศไทยทำได้ ยังแซวอาตมาว่า มาทีหลังแต่แซงหน้าท่านไปแล้ว ตอนนั้นอาตมาหัวเราะมาก ตอนหลังปรับตัวเร็วแต่กลับมาตำหนิอาตมาว่าเทศน์ไม่สนุกเหมือนเมื่อก่อน

“พระสงฆ์ 2 รูปนี้ก็เหมือนกัน เมื่ออายุมากขึ้นจะมีสติ สมาธิ ปัญญา จะมากขึ้นตามลำดับ คนในเมืองไทยเรามีหลายอย่าง คนวัยรุ่นชอบอีกอย่าง คนสูงอายุชอบอีกอย่าง อยากฝากไว้ว่าอย่าไปตำหนิอะไรกันมากเลย เมื่ออายุหรือพรรษามากขึ้น ความรู้สึกจะปรับเปลี่ยนไป อย่างไรเมื่อขึ้นตาชั่งแล้วยังได้ประโยชน์ มีที่ไหนคนฟังธรรมะ 2 แสนคน คนเสิร์ชเป็นล้าน มันอาจจะน้ำท่วมทุ่งสนุกสนานเบิกบานไปบ้าง แต่มันก็ดีที่เทศน์ให้สนุกสนาน ไม่ใช่เทศน์ให้ง่วง ให้เครียด ให้หลับ”

พระพยอมกล่าว

 

“วิธีการดังกล่าวเป็นการดำเนินการแนวใหม่ เปลี่ยนภาพลักษณ์การแสดงธรรม แต่ย่อมมีทั้งคนชอบและไม่ชอบ ที่แน่ๆ พระผู้ใหญ่ไม่ปลื้ม”

ความเห็นส่วนหนึ่งของ “เจ้าคุณพิพิธ” พระเทพปฏิภาณวาที วัดสุทัศนเทพวรารามฯ ที่ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีของ 2 พส.

พร้อมกับกล่าวว่า ส่วนตัวรู้สึกห่วงใยอนาคตในวงการคณะสงฆ์ของพระสงฆ์ทั้ง 2 รูป เนื่องจากมีความรู้ดีทั้งคู่ พรรษาเกิน 10 ต่อไปต้องเติบโต ถ้าให้แนะนำควรปรับโดยใช้หลักธรรมทางพุทธศาสนาและพระพุทธวจนะเป็นแกนหลัก ส่วนมุขตลกหรือแก๊กเป็น 1 ใน 4 ของหลักการเทศน์อยู่แล้ว

“ปัจจุบันยุคสมัยเปลี่ยนไป พระมีโซเชียลเป็นสื่อของตัวเอง ไม่ถูกควบคุม ผลิตเองได้ ถ้าออกโทรทัศน์อย่างในอดีตจะมีการตรวจสอบก่อน อะไรที่หนักไปแรงไปเกี่ยวกับการบ้านการเมืองจะถูกตัดออก บางครั้งยกทิ้งทั้งชั่วโมง ตลกไปก็ถูกขอตัด ส่วนตัวไม่ติดใจอะไร ถือว่าได้เรียนรู้ คนที่ไม่ชอบอย่าคิดว่าเขาเป็นศัตรู พระพุทธเจ้าตรัสว่า คนที่เห็นโทษในตัวเราขอให้มองเป็นการชี้ขุมทรัพย์”

เจ้าคุณพิพิธกล่าว

 

“พฤติกรรมดังกล่าวชี้ให้เห็นว่า พระสงฆ์ดังกล่าวมิใช่วัตรปฏิบัติของภิกษุที่เป็นสาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า” คือความเห็นของนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ต่อกรณีของ พส.ทั้ง 2 รูป

นายศรีสุวรรณเปิดเผยว่า สมาคมได้ทำคำร้องส่งไปยังมหาเถรสมาคม (มส.) ผ่านผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เพื่อขอให้มีบัญชาสอบสวนเอาผิดภิกษุอลัชชี (ผู้ไม่ละอาย) ที่ชอบเล่นโซเชียลมีเดียโดยไลฟ์สด เอาธรรมะมาสอนเป็นเรื่องตลกขบขัน แต่พอมีคนสนใจเข้ามาดูมากๆ รวมทั้งมีเพจที่มาคอมเมนต์ขายสินค้า มาโปรโมตแบรนด์ตัวเอง กลับมาทวงถามให้จ่ายค่ามาใช้พื้นที่เพจของตนในขณะไลฟ์สด

สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงไม่อาจปล่อยให้ภิกษุอลัชชีเหล่านี้กระทำการย่ำยีพุทธศาสนาได้อีกต่อไป

 

ความเห็นจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) นายสิปป์บวร แก้วงาม รองผู้อำนวยการ พศ. ในฐานะโฆษก พศ.กล่าวว่า การกระทำของ 2 พระสงฆ์ จะเป็นหน้าที่ของเจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์หรือเจ้าอาวาส ที่เป็นผู้บังคับบัญชาขั้นต้นของพระทั้ง 2 รูป โดย พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 ได้บัญญัติไว้ชัดเจนในมาตรา 38 ว่า เจ้าอาวาสมีหน้าที่อบรมบ่มนิสัยบรรพชิตและคฤหัสถ์ให้ตั้งอยู่บนความเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา

และหากบรรพชิตและคฤหัสถ์ไม่อยู่ในโอวาทของเจ้าอาวาส เจ้าอาวาสสามารถขับไปเสียจากวัดได้

ทั้งนี้ การเผยแผ่พระพุทธศาสนาถือเป็นเรื่องดีอยู่แล้ว เพราะสังคมเราต้องการให้พระนำหลักธรรมคำสอนสู่สังคม เพื่อให้ทุกคนมีหลักธรรมประจำใจในการดำรงชีวิต ไม่ให้เกิดความผิดพลาดและสร้างความเดือดร้อนต่อสังคม แต่สิ่งสำคัญในความเป็นพระภิกษุสงฆ์คือ ความสำรวมในความเป็นสงฆ์

“โดยส่วนตัวจะไม่ไปวิเคราะห์แทนพี่น้องประชาชน เพราะเชื่อว่าประชาชนมีองค์ความรู้ มีความคิดเป็นของตนเอง สามารถวินิจฉัย พินิจพิเคราะห์ได้เองว่า การแสดงลักษณะนี้อยู่ในความสำรวมของสงฆ์หรือไม่”

นายสิปป์บวรกล่าว

 

ขณะที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ รองประธานคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ออกแอ๊กชั่นโจมตี พส.ทั้ง 2 รูป ถึงขั้นวิจารณ์ให้ลาสิกขา

“ไม่เหมาะสม เพราะพระสงฆ์กลายเป็นดารา เรื่องนี้พระธรรมวินัยห้ามไว้ ไม่ควรทำตัวเป็นดารานักแสดง ถ้าอยากจะเป็นดาราก็ควรจะลาสิกขา” นายไพบูลย์กล่าว

เสียงวิจารณ์ลุกลามไปถึงขั้น กมธ.ศาสนาฯ ที่นิมนต์ 2 พส. เข้าไปชี้แจงถึงการออกมาไลฟ์สด ซึ่งมีทั้งบอกว่า ไม่สามารถทำได้และสามารถทำได้

ซึ่งเรื่องนี้นายสุชาติ อุสาหะ ส.ส.เพชรบุรี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ได้กล่าวว่า กมธ.ศาสนาฯ สามารถนิมนต์พระมาทำความเข้าใจได้ ตามข้อบังการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ปี 2562 กำหนดให้ กมธ.ศาสนาฯ มีหน้าที่และอำนาจการทำกิจการพิจารณาสอบข้อเท็จจริง หรือศึกษาเรื่องใดๆ ที่เกี่ยวกับการอุปถัมภ์ ทำนุบำรุงคุ้มครองศาสนา ดังนั้น เมื่อมีกระแสสังคมวิพากษ์วิจารณ์กรณีการออกมาไลฟ์สดของ 2 พระสงฆ์

ในฐานะ กมธ.ศาสนาฯ ต้องทำหน้าที่ให้เกิดความชัดเจนขึ้น

 

กระแสสังคมดูเหมือนจะไม่มีผลหยุดการไลฟ์สดของ 2 พส.ได้ เพราะถึงแม้จะมีกระแสวิจารณ์ในทางชื่นชมและไม่ชื่นชอบ ติเตียน ออกมาอย่างต่อเนื่อง

กลับกัน 2 พส.เดินหน้าออกรายการทีวี ไลฟ์สดเผยแพร่ข้อคิดธรรมะต่อเนื่อง และสร้างรูปแบบการไลฟ์ใหม่ๆ ให้น่าสนใจมากยิ่งขึ้น

ทั้งการร่วมไลฟ์สดกับคนดังมากมาย อาทิ พระมหาเทวีเจ้าแห่งเมืองทิพย์ เจ้าของแฟนเพจเฟซบุ๊ก VEEN ต้นตอที่มาคำศัพท์ที่พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ หยิบยืมมาใช้เพื่อสื่อสารกับคนรุ่นใหม่

“อย่าเคลมพระพุทธศาสนาไว้คนเดียว คุณมีของดีหรือของมีค่าแต่ถูกเก็บไว้ในหีบและล็อกกุญแจ อย่างนั้นจะมีไว้เพื่ออะไร เหมือนธรรมะดีมากแต่จะสื่อกับใคร ธรรมะตอนนี้มีไว้เทศน์ให้ผีฟัง แล้วจะมีประโยชน์อะไร แค่ต้องนำมาย่อยเอามาหยอด ของมีค่าถ้าเก็บไว้ก็อาจไม่มีค่า” คือคำกล่าวของพระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ ที่ตอบข้อถามถึงกรณีดราม่าต่างๆ เกี่ยวกับการกระทำของ 2 พส.ที่เกิดขึ้นในสังคม

น่าจะเป็นข้อความที่ยืนยันได้ว่า พส.จะเดินหน้าเผยแผ่ธรรมะในรูปแบบการไลฟ์สดและใช้ภาษาที่เข้าถึงง่ายต่อไป