หนุ่มเมืองจันท์เล่าเรื่อง “เจ๊จง”

หนุ่มเมืองจันท์facebook.com/boycitychanFC
ขอบคุณภาพ เจ๊จง จาก taokaemai.com

ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ

หนุ่มเมืองจันท์ / www.facebook.com/boycitychanFC

 

เจ๊จง สตอรี่

 

วันก่อนได้สัมภาษณ์ “เจ๊จง” จงใจ กิจแสวง เจ้าของร้านหมูทอดเจ๊จง ในงานเสวนา “Move On ฝ่าวิกฤตโควิด เศรษฐกิจต้องเดินหน้า”

อยากสัมภาษณ์ผู้หญิงคนนี้มานานแล้ว

ไม่ผิดหวังจริงๆ

“เจ๊จง” คล้ายๆ คุณตัน ภาสกรนที

เป็นคนขยัน ลุยงานจริง ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ

ที่สำคัญคือ เป็นคนมีน้ำใจ

หลายเรื่องที่ใครคิดว่าเป็นกลยุทธ์การตลาดของ “เจ๊จง”

ไม่ว่าจะเป็นให้ลูกค้าเติมข้าวเท่าไรก็ได้ มีกล้วยน้ำว้า-ผัก ให้กินฟรี

หรือเรื่องราคาอาหาร “เจ๊จง” คิดง่ายๆ พอราคาหมูขึ้นก็ขอขึ้นราคา แต่พอราคาลงก็ลดราคา ฯลฯ

“ขึ้น-ลง” ตามความเป็นจริง

ทั้งหมดไม่ใช่คิดในเชิงกลยุทธ์

แต่คิดจาก “ใจ”

ผมเรียกว่า “การตลาดแบบจริงใจ”

คุยกับ “เจ๊จง” ตั้งแต่ก่อนขึ้นเวทีจนขึ้นเวที รู้เลยว่าเธอเป็นคนจิตใจดี

อย่างตอนแรกที่ “เจ๊จง” ทำข้าวแกงบุฟเฟ่ต์ ก่อนจะมาทำหมูทอดขาย

มีผู้หญิงคนหนึ่งมาพร้อมลูกที่โตพอสมควร

จ่ายเงินค่าบุฟเฟ่ต์ 1 คน แต่เอาอาหารที่ตักมาป้อนลูกด้วย

ลูกน้องก็บ่นว่าทำแบบนี้เอาเปรียบกัน

จะไปโวย

แต่ “เจ๊จง” ห้ามไว้

“ถ้าเขามีเงิน เขาคงไม่ทำแบบนี้”

นี่คือวรรคทองที่ติดปาก “เจ๊จง” ทุกครั้งที่โดนเอาเปรียบ

จนวันหนึ่งมีโอกาสได้นั่งคุยกับผู้หญิงคนนั้นจึงได้รู้ว่าธุรกิจของเธอเพิ่งปิดกิจการ สามีทิ้ง

“ฟังแล้วเจ๊แทบจะให้กินฟรีเลย แทบจะตักกับข้าวให้กลับไปกินที่บ้านด้วย”

เป็นไปตามที่ “เจ๊จง” คิดจริงๆ

ถ้าเขามีเงิน เขาคงไม่ทำแบบนั้น

 

ช่วงโควิดใหม่ๆ “เจ๊จง” เปิดให้คนที่ตกงานมารับ “ข้าวกล่อง” จากที่ร้านไปขาย

แบบไม่ต้องมีมัดจำ

ขายเสร็จค่อยมาจ่ายเงิน

มีผู้ชายคนหนึ่งเพิ่งตกงาน หน้าตาเศร้ามาก มาขอข้าวกล่องไปขาย

เขาขายเก่งมาก

ขายได้ประมาณวันละ 1,000 กว่าบาท

แต่ต้องเอาเงินทั้งหมดไปจ่ายหนี้นอกระบบ

ความโหดร้ายของ “เงินกู้นอกระบบ” ระดับนี้ครับ

เงินต้น 50,000 บาท ดอกเบี้ยวันละ 1,000 บาท

คิดเป็นอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2 ต่อวัน

เงิน 1,000 บาทที่ได้จากการขายข้าวกล่องเพียงพอแค่ชำระดอกเบี้ยเท่านั้น

ไม่ได้ตัดเงินต้นเลย

“เจ๊จง” ฟังแล้วนอนไม่หลับ

เล่าให้ลูกชายฟัง

ลูกชายบอกแม่สั้นๆ

“ถ้าช่วยได้ แม่ก็ช่วยไปเถอะ”

เพราะเขารู้ว่าถ้าไม่ช่วย “เจ๊จง” ก็จะทุกข์ใจ คิดวนเวียนแต่เรื่องนี้ทุกวัน

“เจ๊จง” เอาเงิน 50,000 บาทให้ “นักขาย” คนนี้ยืมไปคืนเจ้าหนี้

ส่วนเงินที่ขายได้วันละ 1,000 บาทก็เอามาจ่ายหนี้ “เจ๊จง” แทน

50 วันก็เป็นไทแล้ว

จ่ายมาได้เดือนหนึ่ง “เจ๊จง” เริ่มสงสารอีก

เพราะถ้าจ่ายวันละพัน เขาก็แทบจะไม่เหลือเงินเลย

ลดให้จ่ายแค่วันละ 500 หรือ 800 ก็ได้

จะได้เหลือเงินไว้ใช้จ่ายบ้าง

แต่เขาไม่ยอม

อยากตัดหนี้ให้หมดเร็วๆ

“เจ๊จง” บอกว่าเพิ่งเจอกันเมื่อเช้า หน้าตาของเขาสดใสมาก

ไม่เหมือนวันแรกที่มาขอขายข้าวกล่อง

“ความหวัง” ทำให้เกิด “รอยยิ้ม”

 

คุยกับ “เจ๊จง” บนเวที ไม่เหมือนกับการสัมภาษณ์

เหมือนนั่งคุยกันมากกว่า

“เจ๊จง” เป็นคนขยันมาก

บางวันยืนทำงาน เมื่อยขาสุดๆ

เธอบอกว่ามีปัญหาที่เมื่อยขา แต่มือยังทำงานได้

“เจ๊จง” แก้ปัญหาด้วยการเอาเก้าอี้มารองขาแก้เมื่อย แล้วทำงานต่อ

บางวันเหนื่อยจนเดินขึ้นบันไดไม่ไหว ต้องใช้เกาะราวบันไดขึ้นชั้น 2

“แค่เหนื่อย นอนตื่นมาก็หายแล้ว”

“เจ๊จง” เป็นคนไม่ยอมปล่อยเวลาให้สูญเปล่า

การขาย “หมูทอด” ของเธอก็มาจากเรื่องนี้

ตอนนั้นเธอเป็นหนี้อยู่ ขายข้าวแกงบุฟเฟ่ต์ก็พอมีรายได้

แต่ขายเสร็จตั้งแต่บ่าย

เธอก็คิดว่าเหลือเวลาตั้งแต่บ่ายถึงเย็น หลายชั่วโมง

จะนั่งอยู่เฉยๆ ได้อย่างไร

วันหนึ่ง ไปซื้อข้าวหมูทอดมาให้ลูกกิน

เห็นหมูทอดในกล่อง 5 ชิ้น

โกรธ ทำไมขายแพงจัง

บอกลูกว่าเดี๋ยวแม่ขายหมูทอดดีกว่า จะไม่ขายแพงๆ แบบนี้

คิดแล้วลองเลยแบบ “สตาร์ตอัพ”

ช่วงบ่ายวันนั้น ร้านเจ๊จงก็เริ่มขายหมูทอด

ให้ข้าวให้หมูทอดเต็มที่

ขายดิบขายดีจนถึงวันนี้

 

“เจ๊จง” เป็นคนชอบเรียนรู้ พร้อมปรับตัวกับเทคโนโลยีสมัยใหม่

เล่นทั้งทวิตเตอร์ เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม

วันหนึ่ง นั่งคิดว่าขายของเสร็จตอนเย็น มีเวลาว่างตั้งแต่ 5 โมงถึง 1 ทุ่มก่อนเข้านอน

น่าจะทำอะไรสักอย่าง

นั่นคือที่มาของการ LIVE ขายของออนไลน์ในวันนี้

“เจ๊จง” เป็นคนชอบเรียนรู้

อยากซื้อ-ขายทอง ก็เข้าไปดูในเว็บไซต์

เจอศัพท์ภาษาอังกฤษเยอะมาก

คำไหนไม่เข้าใจก็จดใส่กระดาษ

เห็นลูกค้าคนไหนท่าทางมีความรู้ ก็จะเอาศัพท์ภาษาอังกฤษที่จดไปถาม

ได้คำตอบก็เอามาติดที่โต๊ะทำงาน

ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนตอนนี้เธอลงมาลุยตลาดซื้อ-ขายทองคำแท่งแล้ว

“เจ๊เป็นคนไม่อายที่จะถาม ได้ผัวก็มาจากเรื่องนี้”

จาก “ทอง” เธอวกมาเรื่อง “ผัว”

“เจ๊จง” เล่าว่าตอนที่เรียนการศึกษาผู้ใหญ่ มีอะไรที่ไม่รู้ก็จะยกมือถามครู

เพื่อนๆ จะเบื่อ “เจ๊จง” เพราะยิ่งถามมาก ครูก็ปล่อยกลับบ้านช้า

สามีของ “เจ๊จง” หมั่นไส้ เลยแกล้งจีบเธอ

“เขาคงกะว่าจีบติดแล้วจะทิ้ง แต่มาเจอที่บ้านจนมาก เขาก็เลยสงสาร”

“เจ๊จง” ออกตัว

แต่เชื่อเถอะครับ ใครได้รู้จัก “เจ๊จง”

ทุกคนจะหลงรักใน “ความจริงใจ” ของผู้หญิงคนนี้

 

คําถามสุดท้าย

“เคล็ดลับความสำเร็จของเจ๊จงคืออะไร”

“เจ๊จง” ทำหน้างง

“อย่างเจ๊ ถือว่าประสบความสำเร็จแล้วหรือ”

ผมสรุปได้เลยว่า “เคล็ดลับ” ความสำเร็จของเธอคือ ไม่คิดว่าตัวเองประสบความสำเร็จ

เมื่อยังไม่สำเร็จ ก็ยังมีเส้นทางให้เธอได้เรียนรู้ต่อไป

คุยกันต่ออีกนิดหน่อย ผมก็สรุปจบการเสวนา

“เจ๊จง” รีบยกมือ

“เจ๊ขอฝากนิดนึงได้ไหม”

ผมพยักหน้า นึกว่าจะฝากคำคมทิ้งท้าย

เปล่าเลยครับ

“เย็นนี้เจ๊มี LIVE ขายของที่เพจของเจ๊นะ ฝากกดเข้าไปดูด้วยนะคะ”

“เจ๊จง” ใช้เวลา 1 นาทีสุดท้ายให้เกิดประโยชน์สูงสุด