ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 10 - 16 กันยายน 2564 |
---|---|
เผยแพร่ |
บทความพิเศษ
ฟ้า พูลวรลักษณ์
หนังสือเรียนสำหรับเด็ก (๙๔)
๑
ในโลกนี้ ที่มีการต่อสู้ระหว่างเด็กกับผู้ใหญ่ เป็นไปได้ไหมว่า เด็กจะรังแกผู้ใหญ่ หมายถึงหากเรา Pass On อำนาจให้เด็กๆ แล้วพวกเขาจะมาทำร้ายเรา เช่น ตัดงบฯ ผู้สูงอายุ ไม่ให้สวัสดิการแก่ผู้สูงอายุ
อันนี้เป็นการล่วงละเมิดสิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นกฎข้อแรกของรัฐธรรมนูญใหม่
แต่ที่สำคัญคือ พวกเขากำลังรังแกตัวเอง ในวันข้างหน้า
เพราะเด็กที่ปีนี้อายุ ๓๕ ปีหน้าก็จะอายุ ๓๖ พวกเขาก็กำลังแก่ตัวลงทุกวัน
๒
มันจะดีไหมหนอ เพราะทุกวันนี้ ผู้ใหญ่รังแกเด็ก พวกเขาไม่ได้รังแกในแง่ของชีวิตประจำวัน เพราะพ่อ-แม่ส่วนใหญ่จะแสนรักแสนถนอมลูกของตน จะยอมเสียสละให้สิ่งที่ดีที่สุดแก่พวกเขา
แต่พอมาถึงเรื่องของอำนาจ ผู้ใหญ่โคตรจะรังแกเด็ก โคตรจะหวงอำนาจ ผู้มีอำนาจมักจะปิดกั้น ทำให้เด็กๆ คิดไม่เป็น ต้องเงียบ ต้องเชื่อฟังผู้ใหญ่ ห้ามดื้อ ห้ามประท้วง ห้ามต่อต้าน ทำให้พวกเขาคิดไม่เป็น ไม่มีความคิดเห็นของตัวเอง
สิ่งนี้คือการที่ผู้ใหญ่รังแกเด็ก เด็กที่ผิดไปจากนี้ คือพวกชังชาติ มันบีบบังคับกันแบบนี้ ที่ฉันเรียกว่า ผู้ใหญ่รังแกเด็ก
๓
เราไม่ค่อยรู้สึกอะไร เพราะเราอยู่ในสังคมแบบนี้มาช้านาน สังคมที่ผู้ใหญ่เป็นผู้มีอำนาจ เหมือนสมัยก่อน มนุษย์มีสังคมที่อยู่ในมือของผู้ชาย การกดขี่รังแกผู้หญิงได้ทำกันอย่างเป็นวัฒนธรรม ตามประเพณี อย่างถูกกฎหมาย และชีวิตผู้หญิงเกิดมามีค่าน้อย เสียเปรียบ อาจดีกว่าสัตว์เลี้ยงนิดหน่อย ไม่มีใครคิดต่อต้าน หรือว่าอะไร
แม้แต่ผู้มีความรู้ มีความสามารถ เพราะพวกเขาตกอยู่ในความเคยชิน คิดว่าสิ่งนี้ถูกต้องแล้ว
ทั้งที่เพศชายและเพศหญิง แตกต่างกันเล็กน้อยเท่านั้นเอง มันกำเนิดจากยีนแค่ตัวเดียว X หรือ Y ใน DNA ของมนุษย์
แต่ความหลงผิด ได้สาปมนุษย์เพศหญิงให้ต้องรับกรรมนานเป็นพันๆ ปี และเท่ากับสาปส่งมนุษย์ครึ่งโลก
๔
หากเราแบ่งเส้นผ่าศูนย์กลางออกที่อายุ ๓๕ โดยกำหนดให้อำนาจเป็นของคนที่อายุ ๓๕ ลงมา และปลดปล่อยผู้มีอายุ ๓๕ ขึ้นไป ให้ปลอดจากอำนาจ โลกนี้จะพลิกเปลี่ยนทันที
๕
มันหมายความว่า
คุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เกิดปี 2521 ปีนี้อายุ ๔๓ ปี
คุณปิยบุตร แสงกนกกุล เกิดปี 2522 ปีนี้อายุ ๔๒ ปี
คุณช่อ พรรณิการ์ วานิช เกิดปี 2531 ปีนี้อายุ ๓๓ ปี
จะเห็นได้ว่า ขนาดคุณธนาธรและคุณปิยบุตรก็แก่เกินไป พวกเขาเป็นได้แค่ที่ปรึกษา คุณช่ออาจมีเวลาเหลืออยู่แค่นิดหน่อย คือสองปีเท่านั้น
นี้คือการกวาดล้างหมดทั้งชั่วอายุคน
๖
หากเราจะแก้ปัญหาของโลก ซึ่งซับซ้อนขึ้นเรื่อย เป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่ใช้เทคโนโลยี ยกเว้นแต่ว่ามนุษย์เต็มใจจะแก้ปัญหาด้วยวิธีโบราณ ซึ่งต้องเริ่มด้วยการลดจำนวนประชากรของโลก
แต่วิธีนี้ มันผิดสามัญสำนึก
คุณจะฆ่าใคร
๗
คนมีอายุจะพบปัญหามากมายในการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ การจะให้ฉันไปใช้มัน เข้าใจมัน ลำบากมาก
แต่กลุ่มเด็กจะใช้มันอย่างเป็นธรรมชาติ และขณะที่เทคโนโลยีพัฒนาขึ้นไปอีก พวกเขาก็หมดวัยแห่งการมีอำนาจพอดี
หลังจากการขับเคี่ยวต่อสู้มานานพอควร ในช่วงอายุ ๒๐-๓๕ ปี หรือราวสิบห้าปี มันนานพอสมควร และบัดนี้เด็กรุ่นใหม่อีกรุ่นจะเข้ามารับไม้ต่อ
๘
ปัญหาใหญ่หลวงในทางการเมือง คือการคอร์รัปชั่น ถามว่าเด็กจะคอร์รัปชั่นได้ไหม คำตอบคือได้ แต่น้อยกว่า ด้วยเพราะธรรมชาติของเด็กจะยึดในอุดมคติสูงกว่า จะมีความฝันใฝ่มากกว่า
คำว่าคอร์รัปชั่น ก็เปรียบเหมือนเนื้อเน่า ซึ่งมักจะเกิดกับเนื้อที่ถูกทิ้งไว้นานแล้ว ถูกปล่อยไว้ให้เสีย การคอร์รัปชั่นส่วนใหญ่แล้ว ต้องการเวลา ต้องการความเคยชิน ต้องการการบ่มเพาะจนเกิดเป็นนิสัย และเมื่อมันเกิดแล้ว ก็จะหายยาก
เหมือนเนื้อที่เน่าแล้วจะกลับมาเป็นเนื้อดีได้ยาก เราอย่าได้ไว้ใจธรรมชาติของสังขาร
๙
หากผู้ใหญ่จะตัดความกังวล ความหวงแหน มีความมั่นใจในลูก-หลาน เด็กๆ จะสร้างความแปลกใจให้กับพวกเรา
เราตกอยู่ในยุควิกฤต
มนุษย์กำลังทำลายโลกในชั่วพริบตา
หากเราเอาประวัติศาสตร์ของดาวเคราะห์โลกเป็นปฏิทินของหนึ่งปี เรากำลังใช้ทรัพยากรหนึ่งในสามของโลก ให้หมดไปใน ๐.๒ วินาที
๑๐
การทำลายโลกนี้ เริ่มต้นขึ้นในช่วงปฏิวัติอุตสาหกรรม แต่หลุดรางในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง หรือในช่วงที่ฉันเกิดพอดี
เท่ากับว่าตลอดชีวิตของฉัน ๖๘ ปีที่ผ่านมานี้ เป็นช่วงที่จำนวนประชากรและการค้าได้เบ่งบานขึ้น จนเกิดการเติบโตแบบ exponential ให้ผลกระทบเกือบทุกภาคส่วน ที่มนุษย์มีต่อธรรมชาติ การขุดแร่ธาตุ การทำการเกษตร การสร้างโครงสร้างพื้นฐาน การสร้างมลภาวะ การสร้างที่อยู่อาศัย และความสูญเสียของความหลากหลายในทางชีวภาพ
๑๑
เราจึงกำลังก้าวเข้าสู่ศตวรรษแห่ง
การตายหมู่
สุขภาพที่เสื่อมถอย
โรคระบาด
ภัยพิบัติครั้งใหญ่ทางธรรมชาติ เช่น พายุ น้ำท่วม ภัยแล้ง ไฟป่า
๑๒
เท่ากับฉันมีชีวิตอยู่ในยุคที่ดราม่าสูงสุด หลายสิ่งในโลกกำลังหมดความหมาย
ในขณะที่หลายสิ่งก็ก่อหวอด ส่งเสียงสัญญาณเตือนภัยดังลั่น วุ่นวายไปในทุกมิติ เป็นสัญญาณเป็นตาย ในพรมแดนที่ไม่ควรล่วงล้ำทั้งเก้า
เราข้ามล้ำมาแล้วสี่ในเก้า
เรากำลังทำให้ทั้งดาวเคราะห์ทั้งดวงไม่เสถียร
เราได้พูดคุยกันมานานหลายปีแล้ว แต่ในทางปฏิบัติ เราทำน้อยมาก ทั้งนี้เพราะปัญหาเหล่านี้ใหญ่หลวงเกินไป
เราต้องการเทคโนโลยีที่สูงล้ำ หรือเกิดภัยพิบัติที่ใหญ่ล้ำ มาบีบบังคับ จึงพอจะมีทางทำได้
๑๓
หรืออีกทางออกหนึ่งคือ การเปลี่ยนระบบของอำนาจ เปลี่ยนผู้เล่นหมดทั้ง Generation
ซึ่งเป็นวิธีการที่เรียบง่าย แต่มีผลฉับพลัน
ด้วยนี้คือการปฏิวัติ นี้ต่างหากคือการแก้รัฐธรรมนูญที่แท้จริง