ย้อนรอย ‘บอสตาล’ ปธ.ลำพูน กรณีศึกษาลีกลูกหนังอาชีพไทย

ขอบคุณภาพจาก เว็บไซต์ ballthai.com

กลายเป็นข่าวใหญ่โตครึกโครมในวงการฟุตบอลลีกอาชีพไทยทั้งที่ยังไม่เปิดฤดูกาลใหม่

เมื่อปลายปี 2564 “บอสตาล” พงษ์ศิริ ฐาราชวงศ์ศึก นักธุรกิจหนุ่ม ประธานสโมสร “ราชันโคขาว” ลำพูน วอริเออร์ ทีมน้องใหม่ในศึกไทยลีก 2 ถูกบุกตรวจค้นบ้านที่เชียงใหม่ และยึดทรัพย์รวมมูลค่ากว่าร้อยห้าสิบล้านบาท

เหตุการณ์สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และตำรวจภาค 5 นำกำลังเข้าตรวจค้น และยึดทรัพย์กลุ่มเป้าหมายยาเสพติดในพื้นที่ 3 จุด ประกอบด้วยหมู่บ้านหรูในตัวเมืองเชียงใหม่ 2 แห่ง และออฟฟิศของกลุ่มขบวนการค้ายาและเปิดพนันออนไลน์ อีก 1 จุด บริเวณถนนซูเปอร์ไฮเวย์

ซึ่งมีชื่อของ “บอสตาล” พงษ์ศิริ ฐาราชวงศ์ศึก เข้ามาพัวพันในคดีนี้ด้วย ก่อนที่เจ้าตัวได้เข้ามอบตัวสู้คดี พร้อมกับยืนยันความบริสุทธิ์ โดยออกมาระบุว่า ส่วนตัวแล้วไม่อยากชี้แจง เนื่องจากได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว แต่เนื่องจากเหตุการณ์มีผลกระทบต่อสโมสร จึงขอชี้แจงว่า ไม่ได้ถูกออกหมายจับเพราะเป็นผู้ค้า หรือบงการ หรือร่วมขบวนการยาเสพติดใดๆ

“บอสตาล” ยืนยันอีกว่า คดีนี้เริ่มจากคนที่รู้จักคนหนึ่ง ถูกจับกุมในงานปาร์ตี้ยาเสพติด 22 คน ซึ่งหนึ่งในนั้นมีคนที่รู้จัก โดยบุคคลนั้นมีเงินหมุนเวียนในภาพรวมมาก จึงเป็นที่สนใจ และตัวเองเคยมีธุรกรรมทางการเงินกับคนดังกล่าว จึงถูกออกหมายจับในข้อหาสมคบกับเขา

“ผมเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ของตนเอง และกระบวนการยุติธรรม เมื่อรู้ว่าถูกออกหมายจับ ผมได้เข้ามอบตัวกับดีเอสไอในทันที ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2564 และได้รับการประกันตัวมา ไม่เคยหลบหนีไปไหน ไม่ได้ถ่ายเทโอนย้ายทรัพย์สินแต่อย่างใด มั่นใจว่าชี้แจงได้ รายละเอียดผมได้ชี้แจงกับพนักงานสอบสวนแล้ว”

 

 

หากย้อนรอยเส้นทาง “บอสตาล” ก่อนก้าวสู่ประธานสโสมสรลำพูน วอริเออร์ ในวัยเพียง 30 ปี ถือได้ว่าเป็นคนที่ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วตั้งแต่อายุยังน้อย โดยเป็นชาวลำพูน และชื่นชอบฟุตบอลมาก รวมทั้งเป็นสาวก “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ส่วนธุรกิจของเขาเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่นักเที่ยวกลางคืนทางภาคเหนือคือ ผับอินฟินิตี้ ที่เชียงใหม่ รวมทั้งผับอันซีน ที่เชียงราย ด้านธุรกิจอื่นๆ ไม่มีความชัดเจนมากนัก

ย้อนกลับไปอีกถึงจุดเริ่มต้นของลำพูน วอริเออร์ ก่อนถึงมือ “เสี่ยตาล” เกิดขึ้นเมื่อปี 2554 จาก “เสี่ยโอน” อนุสรณ์ วงศ์วรรณ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรลำพูน 4 สมัย รวมทั้งอดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวง ต้องการสร้างทีมฟุตบอลท้องถิ่นให้มีชื่อเสียง จึงจดทะเบียนสโมสรเป็นนิติบุคคลชื่อว่า บริษัท สโมสรฟุตบอลลำพูน จำกัด

หลังจากนั้น “เสี่ยโอน” ทำทีมลำพูน วอริเออร์ วนเวียนอยู่ในลีกระดับภูมิภาค และผลงานยังไม่เป็นชิ้นเป็นอันแม้ว่าจะมีชาวลำพูนให้การสนับสนุนทีมบ้านเกิดของตัวเองอยู่ไม่น้อย แต่ปัจจัยหลักในการทำทีมฟุตบอลให้ประสบความสำเร็จคือ งบประมาณ

กระทั่งเข้าสู่ปี 2562 “เสี่ยโอน” ได้ดึงตัว “เสี่ยต้น” ศิริพงษ์ ฐาราชวงศ์ศึก พี่ชายของ “เสี่ยตาล” เข้ามาเป็นผู้จัดการทีม ซึ่งกลายเป็นจุดเริ่มต้นให้ “เสี่ยตาล” เข้ามามีบทบาทในการร่วมบริหารทีมในตำแหน่งผู้อำนวยการสโมสรนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

ช่วงปลายปี 2563 “เสี่ยโอน” ได้รับเลือกตั้งเป็นนายก อบจ.ลำพูน จึงลงจากตำแหน่งประธานสโมสรลำพูน วอริเออร์ และส่งไม้ต่อให้เด็กรุ่นหลานอย่าง “เสี่ยตาล” ขึ้นแท่นเป็นนายใหญ่แห่งทัพราชันโคขาวคนใหม่ด้วยวัยย่าง 30 ปีเท่านั้น

ส่วนพี่ชาย “เสี่ยต้น” ถูกโยกให้ไปเป็นผู้บริหารทีม “ขุนพลนเรศวร” พิษณุโลก เอฟซี ทีมในศึกไทยลีก 4 โซนภาคเหนือ

 

ช่วงเวลาไม่ถึง 2 ปีที่ “บอสตาล” เข้าสู่เส้นทางการทำทีมฟุตบอลอาชีพ และถัดมาเขาเริ่มสร้างชื่อด้วยการร่วมประมูลเสื้อทีมโยโกฮาม่า เอฟ.มารินอส หมายเลขของ “อุ้ม” ธีราทร บุญมาทัน ในราคาสูงถึง 5 แสนบาท เพื่อนำรายได้มอบให้ “จ่าเหน่” เสน่ห์ โพนมณีศักดิ์ อดีตสตาฟฟ์โค้ชทีมชาติไทยที่กำลังป่วย รวมทั้งยังเป็นสปอนเซอร์ทีมอีสปอร์ตส์ของเจ้าอุ้มในชื่อว่า “ลำพูน ธีราทร อีสปอร์ตส์” ลุยศึก PUBG ลีกสูงสุดในฤดูกาล 2021 อีกด้วย

ชื่อของ “บอสตาล” กลายเป็นที่รู้จักในวงการฟุตบอลไทยภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว จากการที่เป็นคนรุ่นใหม่ไฟแรงในการทำทีมฟุตบอลลำพูน วอริเออร์ เลื่อนชั้นจากไทยลีก 3 ฤดูกาล 2020 ที่ผ่านมา ขึ้นสู่ไทยลีก 2 ในฤดูกาลหน้า 2021 พร้อมทุ่มงบฯ เสริมทัพนักเตะต่างชาติโปรไฟล์ดังมาร่วมทีม ทั้งอาลี ซิสโซโก้ อดีตแบ๊กซ้ายทีมลิเวอร์พูล และเจฟเฟรน ซัวเรส อดีตนักเตะทีมบาร์เซโลน่า ที่มีค่าเหนื่อยรวมกันหลัก 3-4 ล้านบาทต่อเดือน

นอกจากนี้ ยังกว้านซื้อนักเตะไทยที่มีดีกรีเป็นอดีตทีมชาติหลายคนมาร่วมทีมลุยศึกซีซั่นใหม่ ไม่ว่าจะเป็น อาทิตย์ สุนทรพิธ, อดุล หละโสะ, แซมมวล ป.คันนิ่งแฮม และรณชัย รังสิโย ซึ่งมีค่าเหนื่อยรวมกันหลักล้านบาทต่อเดือน

จนทำให้ลำพูนกลายเป็นทีมน้องใหม่ลีกรองที่น่าจับตามองกับการเลื่อนชั้นขึ้นสู่ลีกสูงสุด

 

อย่างไรก็ตาม หลังจาก “บอสตาล” มีชื่อพัวพันกับคดีข้างต้น ในทางกฎหมายก็ต้องสู้คดีพิสูจน์ความบริสุทธิ์กันไปตามกระบวนการยุติธรรม ขณะที่ในส่วนทีมลำพูน วอริเออร์ ประกาศพร้อมเดินหน้าต่อลุยศึกไทยลีก 2 แน่นอน เพราะเป็นเรื่องส่วนบุคคล ไม่เกี่ยวข้องกับสโมสร และในทีมมีหลายหุ้นส่วน

แต่เรื่องนี้ถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์กันไปว่า สโมสรฟุตบอลจะกลายเป็นแหล่งฟอกเงินหรือไม่?!

“บิ๊กโจ” พาทิศ ศุภะพงษ์ เลขาธิการสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ระบุว่า สมาคมและบริษัท ไทยลีก จำกัด เข้าไปตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับโครงสร้างการบริหารของสโมสรว่า มีผลกระทบหรือไม่ อย่างไร ส่วนทางคดีเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ดำเนินการ เป็นเรื่องของบุคคล ด้านทางฟุตบอลเอง ไทยลีกต้องตรวจสอบ และสอบถามไปยังสโมสร ว่ามีผลกระทบในการบริหารทีมหรือไม่สำหรับการส่งทีมเข้าร่วมแข่งขัน

ขณะที่ “บิ๊กแชมป์” กรวีร์ ปริศนานันทกุล รักษาการเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยลีก จำกัด เปิดเผยว่า มองว่าเป็นเรื่องตัวบุคคล ก็ต้องว่ากันไปตามรูปคดี ส่วนสโมสรที่เข้าร่วมมีการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล ต้องดูว่าได้รับผลกระทบอะไรบ้าง จะมีแนวทางทำทีมอย่างไรต่อไป ส่วนกรณีที่ถูกสงสัยว่าการเข้ามาทำทีมฟุตบอลจะเป็นการนำเงินผิดกฎหมายมาฟอกหรือไม่นั้น ยอมรับว่าเป็นเรื่องยากของสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ และไทยลีก ที่จะหาว่าเงินที่มาใช้กับสโมสรผิดประเภทหรือไม่ หรือเอามาจากไหน

นับเป็นเส้นทางระยะสั้นในวงการฟุตบอลลีกอาชีพไทยสำหรับ “บอสตาล” พงษ์ศิริ ฐาราชวงศ์ศึก ในฐานะประธานสโมสรลำพูน วอริเออร์ ที่โด่งดังเป็นพลุแตกทั้งในด้านการทำทีมฟุตบอล และกรณีเรื่องส่วนตัว

แต่เรื่องนี้จะกลายเป็นประเด็นที่จับตามองของสังคมในข้อครหาต่างๆ และจะถือเป็นกรณีศึกษาที่ดีสำหรับวงการฟุตบอลลีกอาชีพไทยกับประเด็นที่สังคมตั้งคำถามทิ้งไว้มากมาย…