ยานยนต์ สุดสัปดาห์ : อีก 4 ปี ‘เบนซ์’ เลิกจิบน้ำมัน ผลิต ‘รถยนต์ไฟฟ้า’ เท่านั้น

สันติ จิรพรพนิต

ยานยนต์ สุดสัปดาห์

สันติ จิรพรพนิต / [email protected]

 

อีก 4 ปี ‘เบนซ์’ เลิกจิบน้ำมัน

ผลิต ‘รถยนต์ไฟฟ้า’ เท่านั้น

 

แทบเขย่าไปทั้งโลกรถยนต์ก็ว่าได้ เมื่อ “เมอร์เซเดส-เบนซ์” ค่ายรถจากเยอรมนี ประกาศความพร้อมนำยนตรกรรมในเครือทั้งหมดเข้าสู่ยานยนต์พลังงานไฟฟ้า

โดยภายในปี ค.ศ.2025 หรือ พ.ศ.2568 อีก 4 ปี รถยนต์รุ่นที่เปิดตัวใหม่ทั้งหมดจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าเท่านั้น

ต้องเรียกว่ามาเร็วกว่าที่คาดหมายพอสมควร

เพราะแม้การประกาศของหลายๆ ประเทศในยุโรป จะวางไว้ว่าในอนาคตจะไม่มีรถเครื่องยนต์สันดาปภายใน วิ่งในประเทศ จะให้เฉพาะรถยนต์พลังงานทางเลือกเท่านั้น

โดยคณะกรรมาธิการยุโรป (European Commission) ประกาศอย่างเป็นทางการว่า รถยนต์ใหม่ทุกคันที่จำหน่ายในยุโรป ต้องขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าล้วน 100% หรือเชื้อเพลิงไฮโดรเจน ตั้งแต่ปี 2035 เป็นต้นไป

กลุ่มยุโรปไม่ได้สักแต่ประกาศหรือบังคับให้ทำอย่างเดียวแล้วนั่งหน้ามึนๆ ไม่มีแผนหรือมาตรการอะไรรองรับ แต่ร่วมกันพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในกลุ่มประเทศสมาชิกยุโรป

กำหนดให้มีสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าอย่างน้อยทุกๆ 60 กิโลเมตรบนเส้นทางหลัก สถานีเติมเชื้อเพลิงไฮโดรเจนอย่างน้อยทุกๆ 150 กิโลเมตร

คาดว่ายุโรปจะมีสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้ารวมกว่า 3.5 ล้านสถานีภายในปี 2030 และเพิ่มเป็น 16.3 ล้านสถานีภายในปี 2050

เรียกว่าอีก 14 ปีข้างหน้าประเทศในกลุ่มยุโรปสั่งฆ่าตัดตอนเครื่องยนต์สันดาปเรียบร้อย

แต่ที่เหนือชั้นกว่าคือเมอร์เซเดส-เบนซ์ เล่นประกาศเปิดตัวรถใหม่แบบไฟฟ้าเท่านั้นในอีก 4 ปีข้างหน้า หรือเร็วกว่าเส้นตายที่ยุโรปกำหนดถึง 10 ปี

“เมอร์เซเดส-เบนซ์เตรียมความพร้อมก้าวสู่การเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเต็มตัวภายในทศวรรษนี้ ในช่วงเวลาที่สภาวะตลาดเอื้ออำนวย โดยปรับกลยุทธ์จากรถยนต์ไฟฟ้านำ (electric-first) เป็นรถยนต์ไฟฟ้าเท่านั้น (electric-only) เพื่อพร้อมเดินหน้าสู่โลกที่ปราศจากการปล่อยมลพิษและอนาคตที่ขับเคลื่อนด้วยซอฟต์แวร์”

นายโอลา คัลเลเนียส ประธานบริหาร เดมเลอร์ เอจี และเมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี กล่าวถึงวิสัยทัศน์การเป็นผู้นำยนตรกรรมไฟฟ้า

จากเป้าหมายภายในปี 2565 เมอร์เซเดส-เบนซ์จะมีรถยนต์ไฟฟ้าแบบใช้แบตเตอรี่ (BEV) ในทุกเซ็กเมนต์รถยนต์ของบริษัท และนับตั้งแต่ปี 2568 เป็นต้นไป รถยนต์รุ่นใหม่ที่เปิดตัวออกมาทั้งหมดจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าเท่านั้น

โดยโครงสร้างใหม่ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ภายในปี 2568 หรือ ค.ศ.2025 จะเปิดตัวโครงสร้างรถยนต์ไฟฟ้าใหม่ 3 แบบ

“MB.EA” ครอบคลุมรถยนต์นั่งขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ทั้งหมด โดยสร้างระบบโมดูลาร์ที่ปรับขนาดได้เพื่อเป็นแกนหลักไฟฟ้าสำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์ EV ในอนาคต

“AMG.EA” แพลตฟอร์มของรถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูงสำหรับลูกค้า Mercedes-AMG ที่ให้ความสำคัญทั้งเรื่องเทคโนโลยีและสมรรถนะ

“VAN.EA” เปิดประตูสู่ยุคใหม่ของรถตู้ไฟฟ้าและรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ขนาดเล็ก ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการขนส่งและเมืองที่ปลอดมลพิษในอนาคต

เมอร์เซเดส-เบนซ์ ระบุแผนกลยุทธ์การทำวิจัยและพัฒนาอย่างจริงจัง การลงทุนในรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอรี่ระหว่างปี 2565-2573 จะมีมูลค่ามากกว่า 40,000 ล้านยูโร

 

พร้อมกันนี้ผู้บริหารค่ายดาวสามแฉก ยังเปิดวิสัยทัศน์ความพร้อมด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการปรับระบบส่งกำลังใหม่เพื่อให้การวางแผน การพัฒนา การจัดซื้อ และการผลิตสอดคล้องในระนาบเดียวกัน ในด้านการผลิตและการพัฒนา ตลอดจนเทคโนโลยีการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าที่ผลิตเองภายใน

ขั้นตอนนี้หมายรวมถึงการเข้าซื้อกิจการบริษัทผู้ผลิตแบตเตอรี่จากสหราชอาณาจักรอย่าง YASA ด้วย ซึ่งจะช่วยให้เมอร์เซเดส-เบนซ์สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีมอเตอร์ฟลักซ์แนวแกนที่เป็นเอกลักษณ์ รวมถึงความเชี่ยวชาญในการพัฒนาแบตเตอรี่ประสิทธิภาพสูงเป็นพิเศษเจเนอเรชั่นต่อไป

แบตเตอรี่ไฟฟ้าที่ผลิตภายใน อาทิ eATS 2.0 รวมถึงอินเวอร์เตอร์และซอฟต์แวร์ ประเทศจีน ซึ่งเป็นตลาดรถยนต์พลังงานใหม่ (NEV) ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นที่ตั้งของบริษัทและซัพพลายเออร์หลายร้อยแห่งที่เชี่ยวชาญด้านส่วนประกอบรถยนต์ EV และเทคโนโลยีซอฟต์แวร์

ส่วนแบตเตอรี่ที่เป็นหัวใจหลักอีกส่วน วางแผนที่จะตั้งโรงงาน Gigafactory จำนวน 8 แห่งเพื่อผลิตแบตเตอรี่ร่วมกับพันธมิตรทั่วโลก เพิ่มเข้ามาจากเครือข่ายของโรงงานผลิตระบบแบตเตอรี่ 9 แห่งที่ได้วางแผนไว้ก่อนแล้ว

โดยแบตเตอรี่เจเนอเรชั่นต่อไปจะมีมาตรฐานสูงและเหมาะสำหรับใช้ในรถยนต์และรถตู้ของเมอร์เซเดส-เบนซ์กว่า 90% หลักๆ ไม่พ้นแบตเตอรี่ “โซลิดสเตต” มีเป้าหมายยืดอายุการใช้งานยาวนานขึ้นในขณะที่ใช้เวลาในการชาร์จสั้นลง

 

ระบบชาร์จ เมอร์เซเดส-เบนซ์กำหนดมาตรฐานใหม่ “Plug & Charge” สามารถเสียบปลั๊ก ชาร์จ และถอดปลั๊กโดยไม่ต้องมีขั้นตอนเพิ่มเติมในการตรวจสอบและการชำระเงิน

Plug & Charge จะเปิดตัวพร้อมกับการเปิดตัวรถยนต์รุ่น “EQS” ในปีนี้

โดยเมอร์เซเดส-เบนซ์ถือว่าเป็นค่ายรถยนต์ที่มีเครือข่ายการชาร์จใหญ่ที่สุดในโลก ปัจจุบันมีจุดชาร์จไฟฟ้ากระแสสลับและกระแสตรงมากกว่า 530,000 จุดทั่วโลก

นอกจากนี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังทำงานร่วมกับบริษัทเชลล์ ขยายเครือข่ายการชาร์จ

เจ้าของรถสามารถเข้าถึงเครือข่ายการชาร์จแบตเตอรี่ของเชลล์ ผ่านจุดชาร์จมากกว่า 30,000 จุดภายในปี 2568 ทั้งในยุโรป จีน และอเมริกาเหนือ

รวมถึงจุดชาร์จพลังงานสูงกว่า 10,000 จุดทั่วโลก

ยังวางแผนที่จะเปิดตัวสถานที่ชาร์จระดับพรีเมียมหลายแห่งในยุโรป

พร้อมกันนี้เมอร์เซเดส-เบนซ์อยู่ในระหว่างการพัฒนา “Vision EQXX” รถยนต์ไฟฟ้าที่สามารถวิ่งได้จริงด้วยระยะทางมากกว่า 1,000 กิโลเมตร ที่ความเร็วปกติในการขับขี่บนทางหลวง

ใช้ทีมงานจากหลากหลายสาขา รวมถึงผู้เชี่ยวชาญจากแผนก F1 High Performance Powertrain (HPP) ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ พร้อมจะเปิดตัวในปี 2565 ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่มีอยู่ใน Vision EQXX จะถูกดัดแปลงและนำไปประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มศักยภาพในการใช้งานในโครงสร้างรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ๆ

ถือว่าเป็นแผนงานที่ชัดเจนและครอบคลุม เพื่อเตรียมพร้อมสู่การเป็นค่ายรถยนต์ที่ผลิตแต่รถยนต์พลังงานไฟฟ้าเท่านั้น