เสถียร จันทิมาธร/วิถีแห่งอำนาจ เอี้ยก่วย/มิตรสหาย ต่างวัย

เสถียร จันทิมาธร

วิถีแห่งอำนาจ เอี้ยก่วย/เสถียร จันทิมาธร

มิตรสหาย ต่างวัย (95)

เหมือนกับข้อเสนอแนะของอึ้งเอี๊ยะซือจะเป็นทางออกที่ดี เพราะ 1 ไม่ยอมรับการดำรงอยู่ในฐานะซือแป๋ของเซียวเล้งนึ่ง ขณะเดียวกัน 1 ก็สร้างเงื่อนไขนำไปสู่การสามารถแต่งงานกันได้อย่างชอบธรรม

เพราะว่าเซียวเล้งนึ่ง เอี้ยก่วย ย่อมดำรงอย่างเท่าเทียมกัน

“วิธีนี้กลับดียิ่ง” เหมือนกับว่าเอี้ยก่วยจะคล้อยตาม “แต่ว่าอาจารย์กับศิษย์ห้ามมิให้แต่งงานเป็นสามีภรรยา เป็นผู้ใดกำหนดกฎเกณฑ์ขึ้น ข้าพเจ้าพาลจะให้นางเป็นซือแป๋ข้าพเจ้า ทั้งเป็นภรรยาของข้าพเจ้า”

“วิเศษแท้” อึ้งเอี๊ยะซือปรบมือกล่าวอย่างยิ้มแย้ม “เจ้าคิดอ่านเช่นนี้ยังเหนือล้ำกว่าเราชั้นหนึ่ง”

พลางยื่นมือนวดเฟ้นรักษาอาการบาดเจ็บให้

“เราความจริงต้องการให้เจ้าสืบทอดฝีมือของเรา ให้ผู้คนทั้งแผ่นดินทราบว่าหลังจากอึ้งเหล่าเซี้ยยังมีเอี้ยเซี่ยวเซี้ยอีกคนหนึ่ง แต่เขาไม่ยอมเป็นศิษย์เรานับเป็นเรื่องอับจนปัญญา”

“มิใช่จำต้องเป็นอาจารย์กับศิษย์จึงจะสืบทอดฉายานามความเป็นภูตของท่าน หากท่านไม่รังเกียจว่าข้าพเจ้าอายุยังเยาว์ ฝีมือต้อยต่ำ พวกเราทั้ง 2 สามารถคบหาเป็นสหาย หาไม่ก็สาบานเป็นพี่น้องกัน”

เท่ากับเป็นการตีเสมอ เท่ากับไม่รู้ที่ต่ำที่สูง

แน่นอน หากเทียบ “รุ่น” โดยอาศัยอึ้งย้ง ก๊วยเจ๋ง และเอี้ยคังมาเป็นบรรทัดฐาน ต้องถือว่าเอี้ยก่วยเป็นรุ่นหลาน ระดับเดียวกับก๊วยพู

แต่ก็อย่างที่ “กิมย้ง” ระบุ

เอี้ยก่วย กับ อึ้งเอี๊ยะซือ นับว่าเป็นพันธุ์เดียวกันโดยแท้ เพราะไม่ได้ขึ้นอยู่กับกฎเกณฑ์และจารีตธรรมเนียมใดๆ

จึงไม่แปลกที่ในเบื้องต้นอึ้งเอี๊ยะซือจะกระชากเสียง

“เจ้าอายุยังเยาว์กลับขวัญกล้าไม่น้อย เรามิใช่เฒ่าทารก จิวแป๊ะทง ไหนเลยจะประพฤติตนไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงกับเจ้าได้”

“เฒ่าทารก จิวแป๊ะทง เป็นใคร”

ประเด็นมิได้อยู่ที่ว่าจิวแป๊ะทง คือศิษย์อาวุโสและคนสำคัญแห่งสำนักเฉียนจิง หากแต่ยังได้สาบานเป็นพี่เป็นน้องกับก๊วยเจ๋ง

“กิมย้ง” สรุปออกมาว่า ทั้ง 2 สนทนาปราศรัยรู้สึกถูกอัธยาศัยใจคอยิ่ง

คำพังเพยว่าไว้ “ดื่มสุราพบผู้รู้ใจพันจอกน้อยไป สนทนาไม่ถูกคอครึ่งคำมากเกิน” เอี้ยก่วยช่างเจรจาพาที รู้จักใช้ถ้อยร้อยวาจา บวกกับนิสัยใจคอมีส่วนคล้ายคลึงกับอึ้งเอี๊ยะซือ พอกล่าวจากปากอึ้งเอี๊ยะซือมักทอดถอนรำพึงว่าซึ้งถึงใจเรา

นับว่าพอแรกพบก็ถูกชะตา แค้นที่รู้จักสายเกินไป ปากแม้ไม่ยอมรับแต่ในใจยึดถือเป็นสหายต่างวัย

หลายวันให้หลังอาการบาดเจ็บของเอี้ยก่วยทุเลาหายดี เอี้ยก่วยกับอึ้งเอี๊ยะซือคล้ายคู่แฝดที่ประกบแนบแน่น ยากที่จะแยกจากกัน

แรกอึ้งเอี๊ยะซือคิดจะเดินทางใต้ ยามนี้กลับไม่เอ่ยเรื่องการเดินทางแม้สักคำเดียว

1 ชรา 1 เยาว์วัย กลางวันดื่มสุราสนทนา กลางคืนจุดตะเกียงปราศรัย ไม่เลิกรา คล้ายกับผู้ชราไม่มีศักดิ์ศรี สำรวมตน คล้ายกับว่าผู้เยาว์ออกจะกำเริบเสิบสาน อุกอาจ

หากวิจารณ์ถึงประสบการณ์ภูมิความรู้เอี้ยก่วยไม่ได้เศษส่วนเสี้ยวของอึ้งเอี๊ยะซือ

ขณะเดียวกัน เมื่อใดที่อึ้งเอี๊ยะซือเอ่ยถึงหัวข้อใด เอี้ยก่วยล้วนสนับสนุนอย่างสุดจิตสุดใจ บางครั้งกล่าวเสริมเพิ่มเติมสักคำสองคำก็ประสานสอดคล้องพอดีเป็นที่สุด

สรุปได้ว่าดำเนินไปในลักษณะขนมพอสมกับน้ำยา

1 ชรา 1 เยาว์วัยแทบไม่มีเรื่องต้องผิดพ้อง ขัดแย้ง แตกทางกัน ยิ่งกว่านั้น อึ้งเอี๊ยะซือถึงกับยึดถือเอาว่าเอี้ยก่วยเป็นผู้รู้จักเพียงหนึ่งเดียวในชีวิต

แทบจะเข้าไปแทนที่อึ้งย้ง

กระนั้น การพำนักร่วมกับอึ้งเอี๊ยะซือ เที้ยเอ็ง และเล็กบ้อซัง ยังมี “ส่าโกว” จากเกาะดอกท้อเป็นเป้าหมายสำคัญสำหรับเอี้ยก่วย

เพราะว่า “ส่าโกว” รู้เรื่องการตายของเอี้ยคัง บิดาของมัน

ตรงนี้กลายเป็นปมเงื่อนสำคัญที่เอี้ยก่วยจะหาช่องทางในการคลี่คลายว่าเนื้อแท้แล้วเอี้ยคังตายอย่างไร ใครมีส่วน

นี่คือสิ่งที่ค้างคามายาวนาน นี่คือสิ่งที่อยากรู้