เงาเกาหลี : ‘Orange Marmalade’ รักจมเขี้ยว

มาดามหลูหลี[email protected]

มีเพื่อนบางคนที่ไม่เคยดูซีรี่ส์เกาหลี มาถามว่าทำไมคนชอบดูและควรจะดูหรือไม่ บอกเพื่อนว่า อย่าดูเลย เพราะดูแล้วจะติดเลิกไม่ได้ จนไม่เป็นอันหลับอันนอน มีประเภทที่เมียดูผัวติด ต้องคอยถามเมียว่าเมื่อไรถึงเวลาดูตอนต่อไป

ทำไมคนชอบดูซีรี่ส์ เพราะละครแต่ละเรื่องเขาทำงานกันอย่างหนัก ทั้งการคัดเลือกนักแสดงและเนื้อหาของบทละคร ซึ่งนักเขียนบทจะผูกเรียงเรื่องราวด้วยรายละเอียดแต่ละตอนชนิดที่เอาคนดูอยู่

แม้จะมีผู้วิจารณ์ว่า ละครเกาหลีวนเวียนอยู่กับธีมเดิมๆ เช่น รักข้ามภพข้ามเวลา, แปลงร่างต่างเพศ, หรือพวกแวมไพร์

ซึ่งเรื่องนี้ Orange Marmalade ก็หนีไม่พ้นธีมแวมไพร์ แต่ก็ให้ความบันเทิงเช่นเดิม

 

โดยโยงเรื่องราวมาแต่อดีต เหมือนต่อยอดจากละครเรื่อง Scholar who walk the night ที่มีแวมไพร์ตัวร้ายอาศัยอยู่ในวัง หากมีแวมไพร์ 2 พวก พวกหนึ่งดื่มเลือดมนุษย์เป็นอาหาร กับอีกพวกดื่มเลือดสัตว์เป็นอาหารคล้ายเป็นพวกมังสวิรัติ

ละครปูเรื่องเล่าย้อนหลังถึงที่มาที่ไปของเหล่าแวมไพร์ ที่ฝ่ายมารหรือพวกดื่มเลือดมนุษย์ได้ถูกกำจัดโดยเบคซึงฮุน (อานคิลคัง) หัวหน้าแวมไพร์ฝ่ายมังสวิรัติ ได้ช่วยเหลือราชวงศ์โชซอนให้รอดพ้นจากเหล่าแวมไพร์ร้าย และยังขอถวายตัวเป็นราษฎรของโชซอน

กษัตริย์แห่งโชซอนทรงปลาบปลื้มและอนุญาตให้แวมไพร์กลุ่มนี้อาศัยในโชซอนได้ แวมไพร์มีอายุนับร้อยๆ ปี จนอยู่มาถึงยุคปัจจุบัน

 

ละครเปิดฉากในยุคปัจจุบัน มีครอบครัวแวมไพร์ของเบคมาริ (ซอลฮยอน) ลูกสาวเบคซึงฮุนกับซงซัน

ฮวา (ยูนยีฮี) และมีน้องชายตัวน้อยอีกคน ซึ่งแวมไพร์เด็กจะควบคุมตัวเองไม่ได้ ต้องมีผู้ใหญ่คอยดูแลให้อยู่แต่ในบ้าน เพราะเมื่อออกนอกบ้านได้กลิ่นเลือดหอมหวานของมนุษย์ อาจห้ามใจไม่เป็นและจะกัดดื่มกิน ถ้าได้ดื่มเลือดมนุษย์แล้วก็จะติดใจจนไม่อยากดื่มเลือดสัตว์อีก

เช่นที่ฮันชีฮู (อีจองฮยอน) ในวัยเด็ก ได้ไปกัดคนตามถนน เพราะพ่อแม่ไม่ทันระวัง คนที่ถูกทำโทษคือพ่อแม่ ทำให้ฮันชีฮูเป็นแวมไพร์กำพร้า อยู่ในความดูแลของฮันยูนแจ (ซงจองโฮ) ลุงของเขา

แวมไพร์ยุคใหม่มีกฎเกณฑ์เหมือนมนุษย์ เพื่อให้อยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืนกับเหล่ามนุษย์ อาหารที่กินคือเลือดสัตว์ แต่ถูกบรรจุมาในถุงอย่างดีดูเหมือนน้ำมะเขือเทศ โดยมีองค์กรดูแลแวมไพร์จะจัดส่งมาให้ถึงบ้านทุกเช้าเหมือนส่งนม

เบคมาริได้เข้าเป็นนักเรียนใหม่โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง ซึ่งเธอต้องการเรียนเพื่อให้จบการศึกษาเท่านั้น แต่เธอต้องย้ายบ้านและโรงเรียนบ่อยๆ เพราะเพื่อนๆ มักจับได้ว่าเธอเป็นแวมไพร์ ด้วยพฤติกรรมแปลกๆ ของเธอ

ที่โรงเรียนใหม่เบคมาริพยายามทำตัวให้เงียบที่สุด ไม่ให้โดดเด่น เหมือนไม่มีตัวตน แต่จองแจมิน (ยอจินกู) นักเรียนเด่นดังของโรงเรียนมาชอบเธอ ทำให้เธอเด่นไปด้วย กลายเป็นเป้าถูกจับตามองและเป็นที่อิจฉาของสาวๆ

จองแจมินรู้ว่าฮันยูนแจพ่อเลี้ยงของเขาเป็นแวมไพร์ เขาจึงโกรธแม่และทำเย็นชากับแม่ รวมทั้งเลิกเล่นดนตรีที่เขารัก เพื่อประท้วงแม่เพราะแม่เป็นครูสอนดนตรี แต่เขากลับมาเล่นดนตรีอีกครั้ง เพราะได้ยินเสียงเพลงหวานๆ ของเบคมาริ

 

ละคร 3-4 ตอนแรกดูสนุก เหมือนดูชีวิตนักเรียนวัยรุ่น ที่มีความรัก ความฝัน แต่จู่ๆ ละครดันหักมุมกลับมุข ย้อนเล่าเรื่องแต่สมัยโชซอน หรือพูดกันเล่นๆ ว่าสมัยพระเจ้าเหา เหมือนหาทางออก หรือสร้างพล็อตใหม่

ละครสร้างเรื่องราวย้อนกลับไปสู่อดีต เพื่อเล่าถึงความสัมพันธ์ของเบคมาริและจองแจมิน กับอีกหลายๆ คนที่มีความสัมพันธ์โยงใยกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อน

หรือคนเราคงเป็นเช่นนี้ มีบุญร่วมสร้าง มีกรรมร่วมก่อ ต้องให้มาพบเจอกันอีก เคยช่วยเหลือกัน หรือเกลียดชังทำร้ายกัน ก็ต้องมาพบกันเพื่อชดใช้สิ่งต่างได้กระทำต่อกัน

มีคำถามเกิดขึ้นในใจว่า ถ้าเราเป็นแวมไพร์ หรือมีแวมไพร์จริงๆ เขาจะใช้ชีวิตอย่างไร แวมไพร์ที่มีอายุยืนเป็นร้อยๆ ปี

 

ใน Scholar who walk the night คิมซงยอล บัณฑิตแห่งรัตติกาลที่ไปไหนมาไหนยามค่ำคืน เป็นแวมไพร์ที่มีอายุยืน จึงรู้จักสร้างความมั่งคั่งเพิ่มทรัพย์สิน เพื่อสร้างบริวาร

แต่ในเรื่องนี้ แวมไพร์เบคซึงฮุนพ่อของเบคมาริกลับมีสภาพความเป็นอยู่ไม่ได้ดีไปกว่าในอดีตเมื่อร้อยๆ ปี ที่เขาเคยเป็นพ่อค้าเนื้ออาชีพแสนต่ำต้อย เพื่อได้เลือดสัตว์มาเลี้ยงดูครอบครัว

ปัจจุบัน เขาก็เป็นเพียงพ่อบ้านดูแลลูกชายไม่ให้ซุกซนไปกัดคน และทำงานในร้านอาหารบ้าง ร้านสะดวกซื้อบ้าง ทำไมไม่รู้จักเก็งกำไร หรือสร้างสถานะ หรืออาจเพราะความยากจน ยิ่งดิ้นรนก็ยิ่งรัดตัว หรือการศึกษาน้อย ไม่ใช่บัณทิต

ดูๆ แล้ว มนุษย์กับแวมไพร์ ก็ไม่แตกต่างกัน มนุษย์ผู้ชอบชี้มือตราหน้าผู้อื่น คิดว่าตัวเองวิเศษกว่า แต่ในความเป็นจริง มนุษย์ก็กินเนื้อสัตว์ทุกชนิดเป็นอาหาร ซึ่งไม่ต่างกับแวมไพร์ที่ดื่มเลือดสัตว์เป็นอาหาร หากแวมไพร์ดื่มเพียงเลือดเพื่อการดำรงชีพ ขณะที่มนุษย์กินทุกอวัยวะของสัตว์จนแทบไม่เหลืออะไรเลย

ทั้งมิใช่กินเพื่อประทังชีวิต แต่กินเพราะความอยาก และยังกินทิ้งกินขว้างอย่างเสียของ!

กิมจิ : ประโยคโดนใจของคิมมาริ ที่ขอให้ปฏิบัติต่อเธอเหมือนคนคนหนึ่ง เช่นเดียวกับผิวส้มที่ปอกทิ้ง ยังมีประโยชน์มาใส่ผสมในแยมให้กลิ่นหอม