ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 23 - 29 กรกฎาคม 2564 |
---|---|
คอลัมน์ | ยานยนต์ |
ผู้เขียน | สันติ จิรพรพนิต |
เผยแพร่ |
ยานยนต์ สุดสัปดาห์/สันติ จิรพรพนิต [email protected]
‘สตาร์เรีย’ อเนกประสงค์ 11 ที่นั่ง
‘ฮุนได’ จัดให้-ใหญ่เบิ้มกว่าเคย
ค่าย “ฮุนได” ประสบความสำเร็จอย่างสูงกับรถยนต์อเนกประสงค์ขนาดใหญ่แบบ 11 ที่นั่งในชื่อ “เอช-1” (H-1) ที่แม้จะเปิดตัวมานานแต่มียอดขายได้เรื่อยๆ ยอดสะสมเกินกว่า 50,000 คัน
ส่วนหนึ่งไม่พ้นความคุ้มค่าระหว่างออปชั่นต่างๆ และราคาที่ตั้งมาไม่สูงเกินไปนัก
“เอช-1” จึงกลายเป็นรถธงที่สร้างชื่อให้ฮุนไดในประเทศไทยอย่างมาก
เห็นได้ชัดถึงความแพร่หลายชนิดที่ใครขับรถไปต่างจังหวัด จักต้องเจอรถตู้รุ่นนี้อยู่เนืองๆ
อย่างไรก็ตาม ด้วยอายุอานามที่มากขึ้น ทำให้ฮุนไดต้องส่งรถรุ่นใหม่ออกมาสร้างกระแส แต่ยังเน้นความเป็นรถอเนกประสงค์ 11 ที่นั่งเหมือนเดิม
นั่นคือ “สตาร์เรีย” (Staria)
ชื่อ “สตาร์เรีย” เป็นการนำ 2 คำมารวมกันคือ คำว่า “Star” แปลว่าดวงดาว และ “Ria” ที่หมายถึงสาดลงมาเหมือนสายธาร เพื่อสะท้อนแนวคิดและแรงบันดาลใจของการออกแบบที่หมายถึงการล่องลอยของยานอวกาศในหมู่ดวงดาว
เมืองไทยที่ถือว่าเป็นตลาดใหญ่และสำคัญอีกแห่งของฮุนได จึงเลือกแนะนำ “สตาร์เรีย” เป็นแห่งแรกในภูมิภาคเอเชีย นอกเหนือไปจากที่บ้านเกิด
การออกแบบด้านหน้าโดดเด่นด้วยไฟส่องสว่างเวลากลางวันแนวนอนขวางบริเวณสองข้างของกระโปรงหน้า เป็นเส้นขนาดเล็กแต่เปิดไฟแล้วสว่างจ้า
เพื่อเข้ากับกระจังหน้าที่กว้างลายตาข่าย ที่ดูล้ำกว่าของเอช-1 ไฟคู่หน้าทรงลูกบาศก์พร้อมระบบเปิด-ปิดอัตโนมัติ
ใช้สีภายนอกด้านหน้าเป็นสีเดียวกันทั้งหมดเพื่อเน้นความเรียบง่ายแต่ทันสมัย กระจังหน้าติดตั้งกล้องหน้ารถไว้ด้วย
การดีไซน์ถ่ายทอดไปถึงด้านหลัง ด้วยบานกระจกที่กว้างตัดขอบด้วยไฟท้ายแนวตั้ง พร้อมติดตั้งไฟแบบ Parametric Pixel ที่เป็นเอกลักษณ์ของฮุนได กันชนท้ายตั้งอยู่ในระดับต่ำช่วยให้ขนสัมภาระเข้า-ออกได้ง่ายมากขึ้น
กระจกมองข้างขนาดใหญ่พร้อมไฟเลี้ยว
ล้อขนาด 18 นิ้วออกแบบทูโทน มองคล้ายๆ รูปดาว พร้อมยางหน้ากว้าง 235/55
จุดเด่นอีกอย่างคือขนาดพื้นที่กระจกรอบคันใหญ่ทำให้ดูโปร่งมากขึ้น เรียกว่าผู้โดยสารตอนหลังสามารถสัมผัสวิวภายนอกได้เต็มตา
ประตูหลังเปิดด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมเซ็นเซอร์ ปิดเองอัตโนมัติเมื่อเก็บของเรียบร้อยและเดินออกจากท้ายรถ
ส่วนประตูด้านข้างเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้าเช่นกัน โดยประตูเมื่อเปิดสุดมีความกว้าง 90 ซ.ม. เรียกว่าก้าวขึ้นห้องโดยสารได้สบายๆ
นอกจากนี้ บริเวณพื้นยังทำเป็น 2 สเต็ปคล้ายๆ บันได เพื่อให้ขึ้นได้ง่ายขึ้นด้วย
มิติตัวรถขนาดใหญ่ (กว้าง x ยาว x สูง) 1,997 x 5,253 x 1,990 ม.ม. ฐานล้อ 3,273 ม.ม. ถือเป็นรถอเนกประสงค์ที่ฐานล้อยาวที่สุดในเซ็กเมนต์
ภายในใช้สีทูโทนดำ-เบส การออกแบบภายในล้อกับภายนอกที่ดูมีความเป็นอวกาศหน่อยๆ พวงมาลัยทรงสวยพร้อมระบบมัลติฟังก์ชั่น ควบคุมเครื่องเสียงและควบคุมความเร็ว หรือครุยส์คอนโทรลแบบตามรถคันหน้าทำได้ถึงจุดหยุดนิ่งและไปต่อได้เอง
เรือนไมล์ดิจิตอลเต็มรูปแบบขนาด 10.25 นิ้ว ติดตั้งบริเวณด้านบนของแผงคอนโซล เพิ่มทัศนวิสัยให้ผู้ขับขี่มากขึ้น โดยจะเปลี่ยนสีตามโหมดขับขี่ที่เลือก
ตรงกลางเป็นหน้าจอระบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay / Android Auto แบบไร้สาย ลำโพง 6 ตำแหน่ง
ระบบเชื่อมต่ออุปกรณ์สื่อสารไร้สาย Bluetooth ช่อง USB ต่ออุปกรณ์มัลติมีเดีย
ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแยกปรับอิสระหน้า-หลัง เจาะช่องแอร์เพดาน
ต่ำลงมาเป็นปุ่มควบคุมต่างๆ รวมทั้งปุ่มเปลี่ยนโหมดการขับขี่
ขยับลงมาไปด้านข้างใกล้คนขับเป็นสวิตช์เปลี่ยนเกียร์ระบบไฟฟ้า ใช้นิ้วจิ้มๆ เอา แทนคันเกียร์ แต่ไม่ต้องกังวลเวลาต้องการเรียกกำลังเพราะพวงมาลัยมีแป้น “แพดเดิลชิพ” เปลี่ยนเกียร์ที่หลังพวงมาลัยมาให้ด้วย
ปุ่มสตาร์ต-สต็อป
ส่วนเบาะหนังเป็นหนัง 4 แถว แถวที่ 1, 2 และ 4 เป็นแบบ 3 ที่นั่ง
ส่วนแถวที่ 3 เป็น 2 ที่นั่ง มีที่เท้าแขนให้ด้วย
ซึ่งถือว่าออกแบบแปลกกว่าปกติ เพราะทั่วไปแถวที่ 2 จะเป็นแบบ 2 ที่นั่งมีที่เท้าแขนเรียกว่าสบายที่สุดในรถ แต่สตาร์เรียกลับย้ายที่นั่งสบายที่สุดไปอยู่แถว 3 แทน
เบาะ 3 แถวหลังพับได้ราบ เพิ่มพื้นที่บรรทุก
เจาะช่องวางแก้วและช่อง USB ไว้หลายจุดตามที่นั่งแถวต่างๆ
มีช่องจ่ายไฟสำรอง 12V
ขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล Inline-4 DOHC 16 วาล์ว ความจุ 2,199 ซีซี อินเตอร์คูลเลอร์/เทอร์โบชาร์จ จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ให้กำลังสูงสุดที่ 177 แรงม้า แรงบิดที่ 431 นิวตันเมตร
ช่วงล่างด้านหน้าแม็กเฟอร์สันสตรัต ด้านหลังแบบมัลติ-ลิงก์ ปรับองศาและระดับของ shock absorber เพื่อเพิ่มความนุ่มนวล
อัพเกรดคาลิปเปอร์เบรกและจานดิสก์เบรกเพื่อความปลอดภัยมากขึ้น
สตาร์เรียติดตั้งแอร์แบ็กจำนวน 6 ตำแหน่ง ทุกที่นั่งติดตั้งเข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุด
ความปลอดภัยอื่นๆ อาทิ กล้องมองรอบทิศทาง
ระบบช่วยเตือนและเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ Forward Collision Avoidance Assist
ระบบช่วยเตือนและช่วยควบคุมพวงมาลัยเมื่ออยู่ในจุดอับสายตา Blind-Spot Collision-Avoidance Assist
ระบบช่วยเตือนและเบรกอัตโนมัติขณะถอยรถ Rear Cross-traffic Collision Avoidance Assist
ระบบช่วยเตือนและเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติที่ทางแยก Forward Collision-Avoidance Assist Junction Turning Function
ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่ Driving Attention Warning
ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน Lane Keeping Assist
ระบบควบคุมรถให้อยู่กลางเลน Lane Following Assist
ระบบแจ้งเตือนผู้โดยสารด้านหลัง Rear Occupant Alert
ระบบป้องกันการออกจากรถเมื่อมีรถวิ่งมาด้านข้าง Safe Exit Assist ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการพัฒนาจากฮุนได โดยสัญญาณเตือนจะดังขึ้นเพื่อป้องกันการเปิดประตูเมื่อมีรถอีกคันกำลังวิ่งผ่าน
“ฮุนได สตาร์เรีย” มี 3 สี ได้แก่ สีดำ เอบิส แบล็ก สีเทา สตีล กราไฟต์ และสีเงิน ชิมเมอร์ริ่ง ซิลเวอร์ ภายในมีให้เลือก 2 สีคือ สีดำ-เบจ และสีดำ
ส่วนสียอดฮิตอย่าง “ขาว” แว่วว่าจะออกตามมาภายหลังอาจเป็นในรุ่นพิเศษ
มีให้เลือก 2 รุ่นย่อย รุ่น S 1,729,000 บาท และรุ่น SEL 1,999,000 บาท
ฮุนไดมั่นใจว่ารุ่นนี้จะโดนใจคนไทยไม่น้อยกว่า “เอช-1” พร้อมตั้งเป้าขายปีแรก 10,000 คัน