หนังสือเรียนสำหรับเด็ก (๙๓.๗)/บทความพิเศษ ฟ้า พูลวรลักษณ์

บทความพิเศษ

ฟ้า พูลวรลักษณ์

 

หนังสือเรียนสำหรับเด็ก (๙๓.๗)

 

ก่อนคริสต์ศตวรรษที่หนึ่ง ในรัชสมัยของพระเจ้าฮั่นอู่ตี้ ได้มีปรากฏการณ์พิสดารหนึ่ง คือซือหม่าเชียง ได้เขียนหนังสือชุดหนึ่งคือ ซื่อจี้ ซึ่งถือเป็นหนังสือประวัติศาสตร์ชุดที่ดีที่สุดในโลก และกลายเป็นผลงานที่มีอิทธพลกว้างไกล เป็นขุนเขาตระหง่านในโลกอักษรศาสตร์

ในขณะที่กษัตริย์โบราณต้องใช้ชีวิตคนเป็นล้านในการขยายอาณาเขตออกไปกว้างใหญ่ แต่เขาคนเดียวได้ขยายอาณาเขตทางอักษรศาสตร์ออกไปกว้างใหญ่ไม่แพ้กัน

สิ่งนี้ช่างน่าตื่นตะลึง แต่ไม่อาจเกิดขึ้นอีกแล้ว เพราะอักษรศาสตร์ในปี 2021 ไม่ได้มีความสำคัญดังนั้นอีกแล้ว มิได้หมายความว่า อักษรศาสตร์หมดความหมาย หากแต่มันไม่ใช่สิ่งที่จะเป็นตัวแทนของมนุษยชาติอีกแล้ว มันมีความสำคัญเป็นรอง

ฉันยังไม่รู้เลยว่า หากมีใครสักคน ด้วยลำพังตัวคนเดียว จะสร้างงานชนิดใดที่กลายเป็นขุนเขาได้อีก

 

วันนี้เราอยู่ในยุคโควิด ซึ่งนิวนอร์มอล กับโอลด์นอร์มอลกำลังต่อสู้กัน

เช่น มองดูง่ายๆ กีฬาโอลิมปิก 2021 นี้ คือตัวแทนของโลกเก่า โอลิมปิกคือมหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ในยุคโควิด มันจึงตายยากที่สุด อาจเพราะคนจัดได้ลงทุนไปมาก การจะเลิกจัด อาจหมายถึงการขาดทุนที่หนักขึ้น หากจัดต่อ อาจทำให้ขาดทุนน้อยลง และคิดถึงนักกีฬาจำนวนมากที่ได้ฝึกซ้อมมาอย่างเอาเป็นเอาตาย หากงดจัดเสีย พวกเขาเหล่านั้นคงอกหัก หลายคนหมดโอกาสที่จะได้สร้างผลงานในโอลิมปิกอีกแล้ว เพราะแปดปีนานเกินไปสำหรับนักกีฬาหลายคน

ถามฉันว่า น่าจัดไหม ในฐานะผู้ดู ฉันไม่สนใจเลย หมายถึง ยังไงก็ได้ หากจัด ฉันก็ดูด้วยความสนใจในระดับหนึ่ง

หากไม่จัด ฉันก็ไม่เสียดาย ฉันสนใจปรากฏการณ์นี้ ในแง่ที่ว่าชาวโลกยอมรับ

นิวนอร์มอลมากน้อยเพียงใด พวกเขายังติดยึดในโลกเก่ามากน้อย

แต่หากฉันเป็นใครคนหนึ่งที่ไม่ใช่ผู้ดู หากแต่เป็นคนที่มีอำนาจในการตัดสินใจ ว่าจะจัดหรือไม่จัด ฉันจะทำอย่างไร

 

ความแปลกอยู่ที่ว่า พอเอาจริงเข้า ฉันกลับคิดไม่ออก สมองของฉันทึบแน่นไปหมด นี้คือความผิดปกติของสมองฉัน เหมือนคิดเลขซับซ้อนไม่เป็น เป็นแต่บวกลบง่ายๆ อาการตายด้านแบบนี้ เกิดจากอะไร ฉันจะทำยังไงดี ในโลกนี้ ฉันเป็นได้แค่ผู้ดูเท่านั้นหรอกหรือ

อาการตายด้านของสมองนี้ ฉันยอมรับ นี้ไม่ใช่เลขบวกลบง่ายๆ เช่น หนึ่งบวกหนึ่งได้เท่าไร หากแต่มันพัวพันไปไกล ฉันคิดถึงมนุษย์นับร้อยล้าน พันล้าน คิดถึงนักกีฬานับพัน นับหมื่น คิดถึงเศรษฐกิจของชาติญี่ปุ่น ขวัญ กำลังใจ อารมณ์ ความรู้สึกของคนมากมาย

มันมาสรุปที่ว่า สมองของฉันตายด้าน คิดต่อไม่ได้ เพราะฉันไม่อาจเอาใจตัวเองเป็นหลัก ฉันไม่ใช่พระเจ้า

ทุกวันนี้ ฉันนิ่งกว่าชาวโลกมากมาย ฉันไม่โวยวาย ไม่กรีดร้อง ฉันไม่ตกลงไปในระดับนั้น

ฉันรู้ว่าโควิดคือวิกฤตการณ์ของโลก เช่นเดียวกับอีกหลายวิกฤตการณ์ที่เคยมีมา เป็นสิ่งมีชีวิต มีคุณและโทษ ที่บอกว่ามีคุณและโทษ เพราะโลกของเรานี้พัฒนาการหลายอย่าง ล้วนเกิดขึ้นจากวิกฤตการณ์ เพียงแต่ตอนนี้ยังชุลมุน วุ่นวาย และเสียงกรีดร้องของมนุษย์ที่แตกตื่น ได้กลบเสียงอื่นจนหมด

วันหนึ่ง มนุษย์จะพบว่า เพราะโรคไข้หวัดใหญ่สเปนในช่วงปี 1920 ได้ทำให้มนุษย์มีพัฒนาการเกี่ยวกับไวรัสมากขึ้นปานใด

 

ในวันนี้มนุษย์ได้ใกล้เข้าไปที่จะค้นพบวัคซีนที่รักษาได้ทุกโรค มันมหัศจรรย์เกินฝัน มันเกิดขึ้นเพราะนี่คือการดิ้นรนเอาตัวรอดของมนุษย์ ที่จำเป็นต้องหาวัคซีนตัวนั้น เพราะไวรัสกลายพันธุ์ได้ง่าย ความจำเป็นบีบบังคับ

ในเบื้องต้น เราค้นพบวัคซีนโดยใช้เวลาสั้นมาก ไม่ถึงปีก็ได้แล้ว ในขณะที่ในอดีต ต้องใช้เวลาหลายสิบปี หรือหลายร้อยปี ทุกอย่างถูกเร่งขึ้นมาหมด

และอีกความรู้หนึ่ง ที่มิได้ยิ่งหย่อนไปกว่า คือความรู้เกี่ยวกับภูมิต้านทานของมนุษย์ ที่กำลังพัฒนาตัวเองอย่างรวดเร็ว ในขณะนี้อาจจะยังช้ากว่าไวรัสสองสามก้าว แต่ก็ใกล้เข้าไปทุกที

และความรู้นี้มีผลกว้างไกล มันมีผลต่อมนุษยชาติทั้งมวล

ความรู้ใดจะมีค่าเท่าความรู้ในภูมิต้านทานตัวเราเอง มันเป็นความรู้ในระดับ Genome

๑๐

แต่ที่เหนือไปกว่า คือความรู้ในการจัดระเบียบโลกใหม่ ความรู้นี้อาจมีผล ตีค่าเป็นชีวิต ประมาณไม่ได้ มันจะบีบบังคับให้มนุษย์เปลี่ยนพฤติกรรม เปลี่ยนอาชีพ เปลี่ยนแม้แต่สิ่งง่ายๆ รอบตัว เปลี่ยนวิธีการคิด

เอาง่ายๆ แค่การเปลี่ยนอาชีพ ผู้คนจำนวนมากจับไปเฆี่ยน ก็ไม่ยอมเปลี่ยนอาชีพ ต้องเหลือทนจริงๆ จึงเปลี่ยนได้ แต่ที่จริงพวกเขาควรเปลี่ยนนานมาแล้ว

๑๑

แต่บ่อยครั้งที่ฉันรู้ตัวว่าตัวเองหมดประโยชน์ สมองชาด้าน ฉันคิดอะไรไม่ออกเลย แม้บางครั้งจะเป็นปัญหาที่ไม่ยากนัก แต่เหมือนเจอจุดอ่อนตัวเอง ฉันแน่นิ่ง หมดสภาพ เหมือนตัวเองกลายเป็นหนอนที่ไร้สมอง มันเป็นความโง่เขลา เกินกว่าความโง่เขลา

ฉันจำเป็นต้องปฏิบัติ ปฏิบัติไปเรื่อย ทีละนิด เหมือนตัวหนอนที่กระดืบ กระดืบไปข้างหน้า ทีละนิด

อาจเพราะปัญหาที่ฉันคิด อยู่คนละมิติกับตัวฉัน มันคงเป็นเช่นนั้น เพราะแม้แต่โลกของอักษรศาสตร์ทั้งโลกก็หมดความหมาย

๑๒

โดยทางการเมือง บ้านเมืองเวลาเกิดภัยพิบัติ ซึ่งอาจไม่ใช่ความผิดของรัฐบาลเลย แต่พวกเขาก็ต้องรับผิดชอบ

อย่างกรณีโควิด ผู้คนได้รับความเดือดร้อนกันทั่วหน้า คนตกงานมากมายมหาศาล ธุรกิจมากมายต้องล้มละลาย ทำต่อไปไม่ได้ หลายระบบต้องพังครืนลง การดำเนินชีวิตไม่อาจเป็นไปตามปกติได้ รัฐบาลควรทำอย่างไรหรือ

๑๓

ตามหลักการแล้ว รัฐบาลทำได้คือ เปลี่ยนรัฐบาล แม้ภัยพิบัตินี้ไม่ใช่ความผิดของพวกเขาก็ตาม แต่นี่เป็นเรื่องของจิตใจ ในขณะนี้จิตใจของคนไทยสั่นไหว ไม่มีความสุข สิ้นหวัง

ทันทีที่นายกรัฐมนตรีประกาศลาออก เปิดทางให้คนอื่นเข้ามาเป็น ผู้คนจะมีความสุข เกิดความหวัง และยินดีให้โอกาสรัฐบาลใหม่ทำงานสัก ๖-๑๒ เดือน เนื่องด้วยพวกเขาเพิ่งเข้ามา ก็เป็นธรรมดาที่ต้องให้เวลาในการทำงาน บัดนี้อากาศที่อุดอู้ หมองช้ำ ได้เกิดการถ่ายเท มีอากาศบริสุทธิ์

๑๔

ที่จริง ๑๒ เดือนนั้น รัฐบาลใหม่อาจทำอะไรไม่ได้เลย หรือได้แต่น้อยเกินไป แต่อย่างน้อยจิตใจของประชาชนจะมีความสุข มีความพอใจ และยินดีรอคอย เรื่องนี้เป็นเรื่องทางจิตวิทยา

๑๕

แต่ในโลกแห่งความเป็นจริง ผู้คนไม่ยอมมองแบบนี้ คนที่อยู่ในอำนาจจะหวงแหน เท่ากับไม่ยอมรับผิดชอบ จะแก้ตัว จะคิดไปทางอื่น ในกรณีช้ำหนัก รัฐบาลจะโทษประชาชนอีกต่างหาก รัฐบาลไม่ยอมมองจิตใจของคนที่กำลังเดือดร้อน มันผิดปกติ ใช่แล้ว เพราะภัยพิบัตินี้มาทำให้จิตของประชาชนบิดเบี้ยว

แต่จะไปโทษพวกเขาอย่างไรได้ ต้องปรับตัว ต้องเยียวยาจิตใจพวกเขาซิ

และนั่นคือ เปลี่ยนรัฐบาล