ยุทธศาสตร์จีนมุ่งสู้เป้าภูมิคุ้มกันหมู่/บทความต่างประเทศ

บทความต่างประเทศ

 

ยุทธศาสตร์จีนมุ่งสู้เป้าภูมิคุ้มกันหมู่

 

ข้อมูลบนเว็บไซต์ของรอยเตอร์ส ซึ่งทำการรวบรวมข้อมูลทางสถิติเกี่ยวกับสถานการณ์โรคโควิด-19 ในประเทศต่างๆ ทั่วโลกระบุว่า จนถึงวันที่ 20 กรกฎาคม 2564 จีนที่เป็นจุดเริ่มต้นของมหากาพย์โรคระบาดสุดเลวร้ายของมวลมนุษยชาติครั้งนี้ ได้ทำการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้กับประชาชนในประเทศไปแล้วอย่างน้อยกว่า 1,456 ล้านโดส ซึ่งมากที่สุดในโลก

หากอนุมานเอาด้วยการประเมินจากประชากรจีนทั้งหมด ในฐานะเป็นชาติที่มีจำนวนประชากรมากที่สุดในโลกซึ่งมีมากกว่า 1,400 ล้านคน และด้วยวัคซีนที่จีนพัฒนาได้เองในประเทศ ซึ่งผ่านการอนุมัติใช้แล้ว มีอยู่ราว 5 ตัวด้วยกัน ได้แก่ วัคซีนของซิโนฟาร์ม 2 ตัว, วัคซีนซิโนแวค, วัคซีนของบริษัทแคนซิโน และวัคซีนของบริษัทอันฮุย จื้อเฟย

แต่ส่วนใหญ่จีนใช้วัคซีนซิโนฟาร์มและวัคซีนซิโนแวคเป็นหลัก ต้องฉีดกันคนละ 2 โดสนั้น ก็อาจประมาณการได้ว่าชาวจีนน่าจะได้ฉีดวัคซีนกันไปแล้วราวครึ่งหนึ่งของทั้งประเทศ

ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา จีนยังมีอัตราการฉีดวัคซีนตกเฉลี่ยอยู่ที่วันละกว่า 10.3 ล้านโดส หากการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนในประเทศของจีนยังอยู่ในอัตราเฉลี่ยที่กว่า 10.3 ล้านโดสต่อวันเช่นนี้ จีนจะใช้เวลา 28 วัน ก็จะมีจำนวนประชากรที่ได้รับวัคซีนต้านโควิดเพิ่มขึ้นมาอีก 10%

 

การเร่งระดมฉีดวัคซีนต้านโควิดให้ประชาชนให้ได้มากที่สุดเพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ในการต่อสู้กับไวรัสโควิด-19 นั้น เป็นยุทธศาสตร์สำคัญของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ที่ตั้งเป้าหมายว่าจะต้องทำให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ในประเทศให้ได้ภายในเดือนธันวาคมปีนี้

จ้าวอี้หมิง นักระบาดวิทยาประจำศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของจีนชี้ว่า ด้วยเหตุที่วัคซีนจีนมีอยู่นั้นมีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ จีนจึงจำเป็นต้องให้ประชาชนฉีดวัคซีนครบโดสให้ได้มากที่สุด อย่างน้อยถึง 80%-85% ของประชากรทั้งประเทศ หรือคิดเป็นประชากรราว 1,000 ล้านคน เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่

แม้จีนจะเป็นศูนย์กลางการระบาดของโรคโควิด-19 ในเริ่มแรก แต่ด้วยการบริหารจัดการและการบังคับใช้มาตรการจำกัดอย่างเด็ดขาดในการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ นั่นทำให้จนถึงขณะนี้จีนยังสามารถคุมสถานการณ์ไว้ได้อยู่มือ

สะท้อนได้จากตัวเลขผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ในจีนที่ถือว่าต่ำอยู่มากเมื่อเทียบกับประเทศส่วนใหญ่

ซึ่งจนถึงวันที่ 20 กรกฎาคมที่ผ่านมา จีนยังคงมียอดผู้ติดเชื้อสะสมรวมอยู่ที่ 92,342 ราย โดยมีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นมาในวันดังกล่าวเพียง 65 ราย

ขณะที่จีนมียอดผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 4,636 ราย

 

นอกจากการตรวจเชิงรุก การติดตามรอยโรค และมาตรการล็อกดาวน์ที่จีนบังคับใช้อย่างเข้มข้นเด็ดขาดในทันทีเมื่อมีรายงานพบการระบาดขึ้นใหม่หรือคลัสเตอร์ใหม่นั้น เป็นการตัดไฟตั้งแต่ต้นลม จึงทำให้ควบคุมสถานการณ์ระบาดได้ดี

แต่วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ยังเป็นอาวุธสำคัญที่จีนมุ่งหวังจะใช้ต่อกร ทำให้จีนกำหนดยุทธศาสตร์เร่งกระจายวัคซีนให้กับประชาชนให้ได้มากที่สุดและเร็วที่สุด โดยการจัดหามาตรการจูงใจเพื่อดึงคนให้มาฉีดวัคซีนกันโดยเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการให้ของขวัญและสิทธิประโยชน์แก่ผู้มารับวัคซีน

เมื่อดูเหมือนการเดินทางสู่เป้าหมายการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ของจีนจะยังไปไม่ทันใจ เพราะยังมีชาวจีนอีกมากที่ยังไม่ยอมมาฉีดวัคซีน หรือฉีดไปเพียงโดสเดียว ท่ามกลางความตื่นตัวที่น้อยลงในการจะเข้ารับวัคซีน

เบน เวสต์สก๊อต ผู้สื่อข่าวซีเอ็นเอ็นระบุว่า ปัจจัยที่ทำให้ชาวจีนที่เหลือส่วนใหญ่ยังไม่ไปฉีดวัคซีนนั้น ส่วนหนึ่งอาจเห็นถึงความจำเป็นน้อยลงของการจะต้องฉีดวัคซีน เพราะจีนสามารถควบคุมสถานการณ์ระบาดในประเทศไว้ได้ดี

อีกส่วนหนึ่งยังอาจเป็นผลมาจากความเชื่อมั่นในเรื่องของวัคซีนก็เป็นได้

 

ปัญหาดังกล่าวส่งผลให้รัฐบาลท้องถิ่นในหลายพื้นที่ของจีนมองหายาแรงเพื่อเร่งให้ประชาชนเข้ามาฉีดวัคซีนให้ได้ตามแผนที่รัฐบาลกำหนด โดยการประกาศแจ้งเตือนประชาชนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนว่าอาจจะไม่ได้รับความสะดวกหรือได้รับผลกระทบในการใช้ชีวิต เช่น จะไม่สามารถเข้าถึงการให้บริการประชาชนอย่าง โรงพยาบาล โรงเรียน และระบบขนส่งสาธารณะได้

ยังมีตัวอย่างเมืองที่รัฐบาลท้องถิ่นจะใช้มาตรการสุดโต่ง เช่น เมืองกุ้ยผิงและเป่ยลิ่ว ในมณฑลกวางสี ที่ซีเอ็นเอ็นรายงานว่าได้มีการประกาศมาตรการที่จะไม่อนุญาตให้เด็กมาโรงเรียน เว้นแต่พ่อ-แม่ของเด็กจะฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว ซึ่งวิธีการนี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในโลกออนไลน์ ซึ่งภายหลังมีการลบโพสต์เกี่ยวกับมาตรการนี้ออกไปแล้ว

เหล่านี้เป็นมาตรการส่วนหนึ่งที่รัฐบาลท้องถิ่นอาจดำเนินการเอง โดยพิจารณาจากสภาพสถานการณ์ในพื้นที่เพื่อให้สอดรับกับนโยบายของรัฐบาลกลางในการเดินไปสู่เป้าหมายของการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ในประเทศให้ได้โดยเร็ว