สารพัดม็อบฮือ ‘ลุกไล่’ บ่มเพาะอุณหภูมิเดือด ‘คาร์ม็อบ’ ยุคนิวนอร์มอล ประยุทธ์-รัฐบาลเมาหมัด/บทความในประเทศ

บทความในประเทศ

 

สารพัดม็อบฮือ ‘ลุกไล่’

บ่มเพาะอุณหภูมิเดือด

‘คาร์ม็อบ’ ยุคนิวนอร์มอล

ประยุทธ์-รัฐบาลเมาหมัด

 

ม็อบขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมาปะทุดุดันอีกรอบ

โดยถือเอาวาระรำลึก 89 ปีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 24 มิถุนายน 2475 เป็นจุดเริ่มต้น

การเคลื่อนไหวของกลุ่มราษฎร กลุ่มไทยไม่ทน และกลุ่มประชาชนคนไทย เป็นไปในลักษณะแยกกันเดิน รวมกันตี ไปยังจุดหมายเดียวกันคือขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์พ้นจากอำนาจที่ครอบครองยาวนานกว่า 7 ปี

การเคลื่อนไหวรอบนี้เต็มไปด้วยอารมณ์ร่วมของประชาชนในสังคมที่กำลังเผชิญปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตรายวันเป็นใบไม้ร่วง จนกระทบต่อวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนทั้งประเทศ

เมื่อปัญหาโควิดผสมกับปัญหาทางการเมืองและเศรษฐกิจตกต่ำ

จึงเสมือนตัวเร่งอุณหภูมิความร้อนแรง เสียงตะโกนขับไล่ดังกระหึ่มไปทั่วสี่มุมเมือง

ถึงกระนั้น พล.อ.ประยุทธ์กลับแสดงทีท่าไม่ยี่หระต่อการเคลื่อนไหวของม็อบขับไล่ และประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนทุกข์ยากจากผลกระทบของโควิด

คำพูด “นะจ๊ะ” ยังเสมือนการราดน้ำมันใส่กองไฟ กระตุ้นความโกรธแค้นของประชาชนทุกสีเสื้อต่อการบริหารจัดการปัญหาที่ล้มเหลวและไร้ประสิทธิภาพของผู้นำประเทศ รวมไปถึงคณะรัฐบาล

นำมาสู่การจัดกิจกรรมของม็อบหลากหลายกลุ่ม ทั้ง “คาร์ม็อบ สมบัติ (ทัวร์)” ของนายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บ.ก.ลายจุด, กิจกรรม “เปิดท้ายวันศุกร์ ลุกไล่เผด็จการ” ของกลุ่มราษฎร และแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม

ตลอดจนกิจกรรม BANGKOK SANDBOX ของเครือข่ายร้านอาหารผู้ประสบภัยโควิด #กูจะเปิดมึงจะทำไม ภายใต้คำขวัญ “ไม่ให้นั่งกินในร้าน งั้นนั่งหน้าทำเนียบก็ได้”

เหล่านี้คือสัญญาณความเคลื่อนไหวของม็อบผสมผสานระหว่างการเมือง เศรษฐกิจ และโควิด ที่รอจังหวะกลับมาปะทุเต็มรูปแบบ

อาจจะเป็นหลังจากสถานการณ์แพร่ระบาดคลี่คลาย

ภายใต้เป้าหมายเดียวกัน ขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์และองคาพยพ

 

ปรากฏการณ์รุกไล่จากประชาชนหลายกลุ่มก้อน เป็นสัญญาณเตือนส่งตรงไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และคณะ

กลุ่มไทยไม่ทน กลุ่มประชาชนคนไทย ประกาศชุมนุมขับไล่ต่อเนื่องทุกวันเสาร์ นัดระดมพลมุ่งตรงมายังทำเนียบรัฐบาล หวังเป็นชนวนจุดเริ่มต้นการเคลื่อนไหวใหญ่หากสถานการณ์โควิดคลี่คลาย

ขณะที่กลุ่มราษฎรและกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม จัดกิจกรรม “เปิดท้ายวันศุกร์ รุกไล่เผด็จการ” เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคมที่ผ่านมา นัดหมายรวมพลบริเวณแยกอุรุพงษ์ ก่อนเดินขบวนมายังทำเนียบรัฐบาล

ตั้งตลาดเปิดท้ายให้ประชาชนที่เดือดร้อนไร้หนทางทำกินจากมาตรการกึ่งล็อกดาวน์ของรัฐบาล

“เพนกวิน” พริษฐ์ ชิวารักษ์ แกนนำราษฎรเข้าร่วม พร้อมขึ้นปราศรัยเปิดแผล 12 ประการของ พล.อ.ประยุทธ์ช่วงตลอดระยะเวลา 7 ปีที่บริหารประเทศล้มเหลว ไล่ยัดเยียดความผิดตามมาตรา 112 ให้ประชาชนนับพันคดี

รวมถึงการบริหารจัดการโควิดแบบลิงแก้แห นำมาสู่การล็อกดาวน์ เหมือนฆ่าผู้ประกอบกิจการต่างๆ ให้ตายทั้งเป็น ความผิดทั้ง 12 ประการคือจุดเริ่มต้นการเดินหน้าขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์

“รัฐบาลประกาศอีก 120 วันจะเปิดประเทศ ขอประกาศตรงนี้เหมือนกันว่า อีก 120 วัน พล.อ.ประยุทธ์จะไม่มีประเทศให้อยู่อย่างแน่นอน”

 

สําหรับการชุมนุมในยุคโควิด ที่ปรากฏขึ้นในรูปแบบนิวนอร์มอลคือกิจกรรม “คาร์ม็อบ สมบัติ (ทัวร์)” เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม

นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บ.ก.ลายจุด ประกาศนัด “ซ้อมใหญ่” นำขบวนขับทัวร์ชมทำเนียบรัฐบาล พร้อมกดแตรรถแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ถ้ารัฐบาลประยุทธ์มาจากเสียงนกหวีด เราจะไล่ประยุทธ์ด้วยเสียงแตร”

กิจกรรมครั้งนี้นัดรวมพลกันที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย แน่นขนัดไปด้วยรถเก๋ง รถกระบะ รถแท็กซี่ รถสามล้อ มอเตอร์ไซค์ และจักรยานที่มาตั้งแถวร่วมขบวน

บ.ก.ลายจุด ขับรถนิสสันสีส้ม นำขบวนเคลื่อนมุ่งหน้าไปยังสนามหลวง วนขึ้นสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า ย้อนกลับมายังอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จากนั้นมุ่งหน้าสู่ทำเนียบรัฐบาล รถทุกคันที่ร่วมกิจกรรมเปิดไฟกะพริบ กดแตรดังต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม ขบวนสมบัติทัวร์ ต้องปรับเปลี่ยนแผนกลางคันเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่อนุญาตให้ใช้เส้นทางตามที่กำหนดไว้ เนื่องจากเกรงจะเคลื่อนไปชนกับการชุมนุมกลุ่มไทยไม่ทนซึ่งจัดขึ้นวันเดียวกัน

ขบวนจึงเปลี่ยนทางมุ่งไปยังแยกราชประสงค์ พื้นที่สัญลักษณ์เหตุการณ์สลายการชุมนุมทางการเมืองปี 2553 แทน

กิจกรรมคาร์ม็อบ สมบัติ (ทัวร์) เป็นรูปแบบที่ถูกคิดค้นขึ้นใหม่ หลังการจัดซ้อมใหญ่ ก็ได้มีการประกาศนัด “คาร์ม็อบ สมบัติ (ทัวร์)” ของจริงในวันเสาร์ที่ 10 กรกฎาคม เวลา 13.00 น. ขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์เต็มรูปแบบ

บ.ก.ลายจุด โพสต์ถึงการจัดกิจกรรมครั้งนี้ว่า โควิดแม้จะน่ากลัว แต่ความสามารถในการบริหารของรัฐบาลประยุทธ์น่ากลัวไม่น้อยกว่า

ความหายนะที่บังเกิดขึ้นต่อเบื้องหน้าของพวกเรายามนี้ เป็นผลสืบเนื่องมาจากหลายปัจจัย

แต่ล้วนเชื่อมโยงไปถึง พล.อ.ประยุทธ์

เพราะนอกจากเป็นผู้นำประเทศที่ไร้ความสามารถ ยังกระทำตนเป็นอุปสรรคต่อการจัดการปัญหา

ประหนึ่งประเทศชาติตอนนี้มีเชื้อโรคที่ต้องกำจัดถึง 2 ตัวด้วยกันคือ โควิดและ พล.อ.ประยุทธ์

โควิดแทรกตัวเป็นส่วนหนึ่งของ Cell แต่ประยุทธ์แทรกตัวเป็นส่วนหนึ่งของอำนาจทางการเมืองและยึดกุมอำนาจรัฐ

ขอให้ประชาชนร่วมใจกันกำจัดโควิดและขับไล่ประยุทธ์ออกจากอำนาจ เพื่อที่ประเทศชาติจะหลุดจากความตกต่ำอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเยี่ยงนี้

พร้อมขอให้ผู้ร่วมกิจกรรมช่วยกันออกแบบเส้นทางเดินรถคาร์ม็อบ เส้นทางไหนที่คิดว่าเหมาะสมที่สุด

เริ่มจากจุดรวมพลและสถานที่ปิดกิจกรรม กำหนดเส้นทางพบปะประชาชนสองข้างทาง

กิจกรรมนัดใหญ่นี้จะใช้เวลา 3-4 ชั่วโมง

มีพริตตี้สาวหลายท่านมายืนถือป้ายหน้าขบวนรถ แต่ขอความร่วมมืออย่าเดินลงไปถ่ายรูปคู่ ต้องยึดตามมาตรการเว้นระยะห่าง

“คาร์ม็อบ สมบัติ (ทัวร์)” จึงเป็นกิจกรรมทางการเมืองที่ด้านหนึ่งเข้มข้นด้วยเนื้อหา ผสมผสานรูปแบบที่มีสีสันดึงดูดให้คนอยากเข้าร่วม

เป็นการชุมนุมขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์แบบนิวนอร์มอล

 

ขณะที่ม็อบปากท้องของผู้เดือดร้อนจากนโยบายกึ่งล็อกดาวน์ของรัฐบาล

เครือข่ายร้านอาหารผู้ประสบภัยโควิด #กูจะเปิดมึงจะทำไม จัดกิจกรรม “ไม่ให้นั่งกินในร้าน งั้นนั่งหน้าทำเนียบ BANGKOK SANDBOX” จำลองบรรยากาศนั่งชิล ขายยำ กินยำ ตามนโยบายบางกอกแซนด์บอกซ์

พร้อมปราศรัยโจมตีมาตรการของรัฐบาลที่ห้ามนั่งกินอาหารในร้าน ที่เสมือนเป็นการฆ่าผู้ประกอบการร้านอาหารทางอ้อม

ตัวแทนเครือข่าย ยื่น 3 ข้อเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือค่าเช่าร้าน หรือให้หยุดเก็บค่าเช่า เป็นเวลา 6 เดือนเริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคม

ผ่อนคลายให้ร้านอาหารกลับมาเปิดนั่งกินในร้านได้ภายใต้มาตรการคุมเข้ม และให้ระดมฉีดวัคซีนแก่ผู้ประกอบการชั้นแรงงาน

ส่วนทางด้านของคณะก้าวหน้า เตรียมจัดคอนเสิร์ตเยียวยาศิลปินและคนทำงานกลางคืนที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายของรัฐบาล

ภายใต้สโลแกน “กูจะเล่น มึงจะทำไม” ในรูปแบบไลฟ์คอนเสิร์ต เปิดประสบการณ์ฟังเพลงแบบใหม่ ผ่านไลฟ์เฟซบุ๊กและยูทูบของคณะก้าวหน้า วันที่ 9-10 กรกฎาคม ตั้งแต่เวลา 18.00-22.00 น.

ยังมีความเคลื่อนไหวกลุ่มหมอไม่ทน เชิญชวนแสดงพลังติดโบดำ สวมเสื้อดำ ไว้อาลัยแก่ผู้เสียชีวิตจากโควิด-19

สะท้อนถึงความล้มเหลวของรัฐบาล

 

จากการที่รัฐบาลยังคงประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินยาวนานต่อเนื่องนับปี

ประกอบเงื่อนไขคำสั่งมาตรการกึ่งล็อกดาวน์ ห้ามจัดกิจกรรมที่มีการรวมตัวกันจำนวนมากกว่า 20 คนในช่วงโควิดแพร่ระบาด

พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. เผยถึงการชุมนุมของกลุ่มไทยไม่ทน กลุ่มประชาชนคนไทย และคาร์ม็อบ สมบัติ (ทัวร์) ว่า ทั้ง 3 กิจกรรมแกนนำทุกกลุ่มเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ร.บ.ควบคุมโรค พ.ร.บ.ความสะอาด และ พ.ร.บ.จราจรทางบก

ตามมาด้วยนายสนธิญา สวัสดี อดีตสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ กลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) ที่เดินหน้ายื่นอธิบดีศาลขอให้ไต่สวนถอนการประกันตัวแกนนำกลุ่มราษฎร อ้างถึงพฤติกรรมที่ออกมาร่วมม็อบการเมือง ถือว่าผิดเงื่อนไขคำสั่งศาล

ขณะที่ฝ่ายตำรวจเร่งพิจารณาพฤติกรรม 5 แกนนำและยื่นคำร้องขอเพิกถอนประกันให้อัยการพิจารณาแล้ว

แต่ยิ่งฝ่ายประชาชนและผู้ชุมนุมโดนรุกเร้าจากฝ่ายอำนาจรัฐหนักมากขึ้นโดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์เปราะบางเช่นนี้

ยิ่งเสมือนเป็นการบ่มเพาะอุณหภูมิเดือดและความไม่พอใจของประชาชนรอวันกลับมาปะทุรุนแรงกว่าเดิม

หากดูสถานการณ์ตอนนี้เป็นเรื่องยากมากที่รัฐบาลจะกอบกู้คะแนนสนับสนุนให้กลับไปเป็นเช่นเดิม นับวันมีแต่จะตกต่ำลง จากภาพกองเชียร์เสียงเริ่มแผ่ว หมดความอดทนต่อการบริหารประเทศล้มเหลวของรัฐบาล

สถานการณ์ พล.อ.ประยุทธ์และรัฐบาลเหมือนคนเมาหมัด

แค่รอพี่เลี้ยงจะโยนผ้าเมื่อไหร่เท่านั้น