เปิดสเปก-เช็กระบบ รถ MG HS ‘เอสยูวี’ ซิ่งก็ได้-ขับชิลก็ดี | ยานยนต์ สุดสัปดาห์

สันติ จิรพรพนิต

ยานยนต์ สุดสัปดาห์/สันติ จิรพรพนิต [email protected]

อีกครั้งกับ ‘เอ็มจี เอชเอส’

‘เอสยูวี’ ซิ่งก็ได้-ขับชิลก็ดี

 

ด้วยการมาถึงของ “ฮาวาล เอช6” เอสยูวีขนาดกลาง ที่เบิกโรงเข้ามาทำตลาดในเมืองไทยจากค่าย “เกรทวอลล์ มอเตอร์” ทำให้ตลาดยิ่งร้อนแรงมากขึ้น

โดยเฉพาะกับค่าย “เอ็มจี” ที่มาจากประเทศจีนเหมือนกัน

ด้วยประการฉะนี้จึงถือโอกาสหยิบยืม “เอ็มจี เอชเอส” (MG HS) ที่เป็นหนึ่งในคู่แข่งสำคัญมาทดสอบอีกสักหน หลังเคยลองมาแล้วเมื่อช่วงเปิดตัวใหม่ๆ

ทำให้ภาพจำต่างๆ เริ่มเลือนๆ ไปแล้ว

อีกทั้งผมมีแพลนจะทดสอบ “ฮาวาล เอช6” ในอนาคตอันใกล้เช่นกัน จะได้ถือโอกาสเปรียบเทียบกันไปในตัว

รุ่นที่ได้มานี้เป็นตัวท็อป (รุ่น X) สีแดงสวยหยดจริงๆ

มาดูรูปร่างหน้าตากันก่อน เส้นสายตัวถังแบบ British Shoulder Line กระจังหน้าขนาดใหญ่มีแผงตาข่ายสีดำอยู่ในกรอบสีเงิน

ไฟหน้าทรงสวยแบบ LED Projector เปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ พร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวัน Daytime Running Lights) มีไฟเลี้ยวอยู่ในตัว

กระจกมองข้างสีเดียวกับตัวรถพร้อมไฟเลี้ยว โดยด้านใต้ฐานกระจกติดตั้งกล้อง ที่จะเชื่อมกับกล้องรอบๆ คัน ส่งภาพแบบมุมสูงมาให้

ไฟท้ายแบบ Space Light Field

ไฟเลี้ยวทั้งด้านหน้าและหลังที่แสดงผลไล่ระดับแบบ “Sequential” วิ่งไล่จากข้างหนึ่งไปอีกข้างหนึ่ง ซึ่งส่วนใหญ่ให้มาในรถยุโรป

ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว

ฝากระโปรงท้ายระบบไฟฟ้า (Electric Liftgate) สามารถตั้งระดับการเปิดว่าต้องการระยะสูงขนาดไหน

 

คลายล็อกเปิดประตูปั๊บ กระจกข้างที่พับเก็บจะกางออกทันที พร้อมส่องไฟสัญลักษณ์ “MG” สีแดงที่พื้น ดูดีมีระดับมากขึ้น

เบาะนั่งทรงสปอร์ตกระชับลำตัวได้ดี พนักพิงศีรษะคู่หน้าเจาะเป็นช่องเพิ่มความสปอร์ต ส่วนด้านหลังพนักพิงสามารถปรับเอนได้ เพิ่มความสบายหากต้องเดินทางไกล

พนักพิงตรงกลางสามารถดึงลงมาเป็นที่เท้าแขน พร้อมช่องเก็บของและที่วางแก้ว 2 ตำแหน่ง เปิด-ปิดแบบซอฟต์ทัช

ภายในใช้สีทูโทนแดง-ดำ วัสดุคอนโซลหน้าเป็นแบบนิ่ม ดูหรูหรามากขึ้น

พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นแบบท้ายตัด ปุ่มด้านขวาควบคุมระบบหน้าจอเรือนไมล์ หน้าจอแสดงผลที่มาตรวัดแบบ Interactive Multi-Function Display ขนาด 7 นิ้ว ส่วนปุ่มด้านขวาคุมเครื่องเสียง

ตรงกลางเป็นหน้าจอหลักแบบ Smart Touchscreen ขนาด 10 นิ้ว รวบรวมการปรับ ตั้งค่าต่างๆ ได้ละเอียดมากๆ

ไม่ว่าจะเป็นน้ำหนักพวงมาลัย ต้องการเบา-กลาง หรือหนัก

การเปิด-ล็อกประตู สามารถตั้งได้ว่าต้องการให้ล็อกอัตโนมัติเมื่อความเร็วเท่าไหร่ หรือการปลดล็อกจะให้ปลดเฉพาะประตูด้านคนขับ หรือปลดล็อกประตูทั้ง 4 บานก็แล้วแต่จะเลือกฟังก์ชั่น

จุดนี้ถือว่าปลอดภัยสำหรับผู้เดินทางคนเดียวบ่อยๆ โดยเฉพาะสาวๆ เพราะไม่ต้องกังวลว่าจะมีผู้ไม่หวังดีแอบย่องมาเปิดประตูด้านหลังเข้ามาในรถ เหมือนที่เคยเป็นข่าวมาก่อน

ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone และช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง รวมถึงช่องต่อยูเอสบีผู้โดยสารตอนหลังด้วย

ไฟในห้องโดยสารแบบ Interactive Ambient Light ที่มีแสงต้อนรับทันทีที่เปิดประตู สามารถปรับโทนแสงภายในห้องโดยสารได้มากถึง 64 เฉดสี

หลังคาพาโนรามิกซันรูฟ เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า

 

กดปุ่มติดเครื่องยนต์ เสียงไม่ดังมากนัก เป็นแบบเบนซินเทอร์โบขนาด 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 162 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตัน-เมตร

ระบบเกียร์ TST (Twin Clutch Sportronic Transmission) 7 สปีด

หัวเกียร์หุ้มหนังดูดีทีเดียว ใกล้ๆ กันเป็นเบรกมือไฟฟ้า ใช้งานง่าย

ปรับโหมดการขับขี่แบบ “Normal” ลองของก่อน อัตราเร่งน่าพอใจออกตัวไม่ถึงขนาดหลังติดเบาะ แต่ความเร็วกลางไปถึงปลายมาเร็วดี

ส่วนถ้าใครชอบแบบจี๊ดจ๊าดตั้งแต่ออกตัวแนะให้ปรับเป็น “Sport” อัตราเร่งกระชับมากขึ้น

ส่วน “Eco” ผมลองอยู่ครู่เดียวก็เซย์กู๊ดบาย เพราะไม่ทันอกทันใจเท่าไหร่

ข้างๆ พวงมาลัยมีปุ่ม “Super Sport” สีแดงใช้เรียกกำลังได้ดี

แต่ถ้าใครชอบสนุกกับการเชนจ์เกียร์ สามารถดึงคันเกียร์เข้าหาตัวขยับขึ้น-ลงได้เช่นกัน

อันนี้แล้วแต่ความถนัด ส่วoผมแน่นอนว่าเน้นไปที่การเล่นกับเกียร์มากกว่า เวลาต้องการลดความเร็วขณะเข้าโค้งโดยไม่ต้องการเหยียบเบรก

ความเร็วระดับ 170-180 กิโลเมตร/ชั่วโมง มาแบบทันใจมาก

 

ระบบช่วงล่างด้านหน้าแม็กเฟอร์สันสตรัต ด้านหลังมัลติลิงก์ เซ็ตค่าเน้นความนุ่มนวล ทำให้ห้องโดยสารไม่สะเทือนมากนัก

บวกกับการเก็บเสียงทำได้ดี ทำให้ได้อารมณ์ไม่ต่างจากรถยนต์ซีดาน

อีกทั้งรถรุ่นนี้มีเทคโนโลยีความปลอดภัยและตัวช่วยขับขี่ค่อนข้างเยอะ

อาทิ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน, ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน พร้อมดึงพวงมาลัยกลับ

ระบบช่วยควบคุมรถเมื่อรถจะออกนอกเลน ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน

ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าในขณะขับขี่

ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ฯลฯ

ขับรถเพลินๆ ลองเล่น “i-SMART” ระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ ซึ่งสามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ตโฟนเพื่อสั่งการได้ด้วย

สามารถสั่งการด้วยเสียงภาษาไทย การเปิดอาจพูดคำว่า “ฮัลโหล เอ็มจี” หรือกดปุ่มที่พวงมาลัยก็ได้เช่นกัน

เปิด-ปิดวิทยุ เพิ่ม-ลดเสียงได้ด้วยคำพูด รวมถึงการเปิดแผนที่นำทาง ฯลฯ

แต่การตอบสนองอาจต้องรอนิดหนึ่ง

 

ที่ผมชอบเป็นพิเศษคือกล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ 3 มิติ มองเห็นภาพรอบตัวรถ

และที่ปลอดภัยสุดๆ คือเวลากลางคืนตอนเลี้ยวซ้าย-ขวา ที่จอตรงกลางจะขึ้นภาพด้านข้างตัวรถเพื่อให้เราเห็นว่าริมถนนที่เราเลี้ยวมีอุปสรรค หรือจะเฉี่ยวกับฟุตปาธหรือไม่

พวกมือเก๋าๆ คงคิดว่าไม่จำเป็น แต่สำหรับมือใหม่ ที่อาจกะระยะวงเลี้ยวไม่แม่นพอ จะได้สบายใจมากขึ้นว่าล้อจะไม่ไปเบียดขอบถนนเวลาเลี้ยวเข้า-ออกซอย

“เอ็มจี เอชเอส” ผมถือว่าเป็นเอสยูวีขนาดกลางที่นั่งสบายทั้งครอบครัว หรือใครอยากขับซิ่งก็ได้อยู่ ที่สำคัญราคาตั้งมาได้น่าสนใจ

รุ่นท็อป (X) ที่นำมาทดสอบ ราคา 1,119,000 บาท

อีก 2 รุ่นที่เหลือคือ “D” 1,019,000 บาท และ “C” 919,000 บาท

แถมช่วงนี้มีโปรโมชั่น เงินดาวน์เริ่มต้น 5% ดอกเบี้ย 0% นาน 4 ปี ฟรีประกันภัยชั้น 1 และ พ.ร.บ.

สุดท้ายคือขยายเวลารับประกันคุณภาพรถยนต์นาน 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร

ขับสบายใจกันยาวๆ ไปเลย