ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 7 - 13 กรกฎาคม 2560 |
---|---|
คอลัมน์ | หน้า8 |
เผยแพร่ |
ปัญหาที่เกิดขึ้นจากการออก พ.ร.ก.การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของปัญหาที่เกิดจาก “ความเคยชิน”
อาจเป็นเพราะการบริหารงานในกองทัพต้องใช้ความเด็ดขาด
ใช้ “อำนาจ” สั่งการเป็นหลัก
“ความเคยชิน” ดังกล่าวจึงสืบเนื่องต่อเมื่อคนในกองทัพมาเป็นรัฐบาล
อยากได้อะไรแบบไหนก็สั่งการอย่างเฉียบพลัน
เด็ดขาด เด็ดเดี่ยว
มุ่ง “เป้าหมาย” แต่ลืม “ผลกระทบ”
ไม่เข้าใจการใช้ชีวิตและความรู้สึกของ “ประชาชน”
ตัวอย่างที่ชัดเจนในอดีตก็คือ เรื่องห้ามนั่งท้ายรถกระบะสาดน้ำในวันสงกรานต์
เพราะคิดในมุมเดียว คือ เรื่องความปลอดภัยในการเดินทาง
แต่ลืมนึกถึงชีวิตจริงของชาวบ้านในต่างจังหวัดที่ใช้รถกระบะในการเดินทางเป็นหลัก
สุดท้าย คำสั่งเรื่องรถกระบะในวันสงกรานต์
ก็หายไปกับ “สายน้ำ”
เช่นเดียวกับเรื่องเศรษฐกิจ
ถ้าจำได้ในช่วงแรกๆ ของรัฐบาลชุดนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เคยประกาศเมื่อเดือนมกราคม 2558
จะทำให้ราคายางสูงขึ้นเป็นกิโลกรัมละ 80 บาทภายใน 1 เดือน
“ถ้าไม่มั่นใจจะมาแถลงข่าวได้อย่างไร”
แต่สุดท้ายก็เป็นอย่างที่เห็นและเป็นอยู่
เพราะเศรษฐกิจในโลกของการค้าเสรีนั้นสั่ง “ซ้ายหัน-ขวาหัน” ไม่ได้
เช่นเดียวกับเรื่อง “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” ที่ใช้ความเด็ดขาดจัดการแบบถอนรากถอนโคนแทนที่จะค่อยเป็นค่อยไป
ลืมผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ตามมา
การท่องเที่ยวที่เคยเป็น “เครื่องยนต์” สำคัญของเศรษฐกิจไทยจึงปักหัวลงหลายเดือน
กว่าจะกลับมาอีกครั้งหนึ่ง
เรื่องแรงงานต่างด้าวก็เช่นกัน
รัฐบาลออก พ.ร.ก. ที่เล่นงานทั้งนายจ้างและลูกจ้างอย่างหนัก
มองมุมเดียว คือ เพื่อแก้ปัญหาการค้ามนุษย์และแรงงานเถื่อนไม่ให้ไทยถูกตอบโต้ทางการค้า
พ.ร.ก. นี้จึงเล่นหนัก
ลูกจ้างโดนปรับ 2-3 แสนบาท
นายจ้าง 4-8 แสนบาท
เด็ดขาดเหมือนเดิม ออก พ.ร.ก. ปั๊บ ให้มีผลทันที
มองโลกในมุมเดียว ลืมผลกระทบที่ตามมา
สุดท้ายก็เรียบร้อย ปั่นป่วนไปทั่วประเทศ
รัฐบาลลืมไปว่าแรงงานต่างด้าวนั้นเป็น “เส้นเลือด” ของเศรษฐกิจไทย
ตั้งแต่ธุรกิจระดับล่างจนถึงระดับชาติ
ในที่สุดก็ต้องรีบเหยียบเบรกด้วยการใช้มาตรา 44 ชะลอการใช้ พ.ร.ก. นี้ไปอีก 6 เดือน
ที่น่าสนใจก็คือ “นายกรัฐมนตรี” ที่ออก พ.ร.ก. ชื่อ “พล.อ.ประยุทธ์”
และคนที่ใช้มาตรา 44 ชะลอ พ.ร.ก. คือ ประธาน คสช.
ชื่อ “พล.อ.ประยุทธ์” เหมือนกัน