ทางแพร่งเพื่อไทย-ก้าวไกล เปิดใจ รังสิมันต์ โรม กับดราม่าการแก้รัฐธรรมนูญ เกมของใคร?/รายงานพิเศษ

รายงานพิเศษ

พิชญ์เดช แสงแก่นเพ็ชร์

 

ทางแพร่งเพื่อไทย-ก้าวไกล

เปิดใจ รังสิมันต์ โรม

กับดราม่าการแก้รัฐธรรมนูญ เกมของใคร?

“เวลาเรามองเรื่องรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่เรามองแค่มิติวันนี้ แต่เราต้องมองเห็นภาพรวมทั้งหมด ว่ามันมีความพยายามทำลายเสียงของประชาชนมาโดยตลอด ตั้งแต่รัฐประหารปี 2549 และปี 2557 ที่ทำให้เสียงของประชาชนไม่มีความสำคัญเพราะเขารู้แล้วว่าเมื่อใดที่เสียงประชาชนดัง เขาไม่สามารถคุมได้ พอเห็นภาพแบบนี้กลไกการเลือกตั้ง ระบบเลือกตั้งรัฐธรรมนูญปี 2560 มันก็เลยมีจุดประสงค์เพื่อมาทำให้เสียงประชาชนไม่ได้แข็งแรง พรรคการเมืองซึ่งเป็นฝ่ายตรงข้ามกับอำนาจรัฐคะแนนหายไปเยอะเลย แสดงว่ามันได้ผล ทำให้สุดท้าย คสช.จัดตั้งรัฐบาลได้ สืบทอดอำนาจได้ต่อ พอเป็นแบบนี้ คนที่อยู่ในสภาเรารู้ดีว่าลึกๆ แล้วเขามีความคิดมากกว่านั้น” นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.พรรคก้าวไกล เปิดใจถึงกระแสดราม่าที่ถาโถมต่อเกมการแก้รัฐธรรมนูญ

 

รังสิมันต์บอกว่า ฝ่ายกุมอำนาจปัจจุบันฝันอยากจะเห็นการจัดตั้งรัฐบาลที่มันแข็งแรงกว่านี้ เบื่อที่ต้องมาคอยเอาใจพรรคร่วมรัฐบาล มีพรรคการเมืองคอยด่าเสียๆ หายๆ ในสภา นี่คือสิ่งที่รัฐบาลไม่ต้องการจะเห็น เมื่อเขาคิดแบบนี้ สิ่งที่เขาจะทำคือภายใต้การเลือกตั้งกติกาแบบนี้มันไม่เพียงพอ วิธีการก็คือเขาก็ต้องหาระบบเลือกตั้งที่มันดูเหมือนว่าพอหยิบเอามาแล้วคนน่าจะยอมรับ บนพื้นฐานที่คนคิดว่ารัฐธรรมนูญปี 2540 คือรัฐธรรมนูญที่ดีที่สุดแต่ต้องขีดเส้นใต้ว่า ไม่ได้หมายความว่าไม่ต้องปรับปรุงเพิ่ม มันก็ยังมีอีกหลายจุดที่ต้องแก้ เมื่อเป็นเช่นนี้เขาไปหยิบบางส่วนมาตัดแต่งพันธุกรรมและใส่เข้ามาในรัฐธรรมนูญปี 2560 เพื่อให้เหมือนรัฐธรรมนูญปี 2540 ที่มันก่อให้เกิดพรรคการเมืองขนาดใหญ่เป็นแลนด์สไลด์ พลังประชารัฐก็อยากใหญ่มากเช่นนั้น ที่ผ่านมาเขาสามารถที่จะดูดนักการเมืองต่างๆ เข้ามาได้ รวมถึงงวดที่แล้วคะแนนเขาก็ตกน้ำไปเยอะ สิ่งที่เขาจะได้ทันที คือการที่เขาจะต้องชนะ ส.ส.เขตมากขึ้น ทั้งที่ตัวเนื้อคะแนนเขาอาจจะชนะแค่ 26 จาก 100 เปอร์เซ็นต์ของคนที่มีสิทธิ์ เขาจึงจะแก้รัฐธรรมนูญ

ถ้าคิดแบบนี้ทำไมเราต้องไปเล่นเกมตามพลังประชารัฐ?

เขาต้องการเป็นพรรคการเมืองที่เข้มแข็ง เป็นแผนความต้องการของเขา ส่วนการแก้อย่างอื่นที่อาจจะมีพูดเรื่องสิทธิเสรีภาพบ้างเป็นเพียงแค่ไม้ประดับ และอีกส่วนหนึ่งคือการแก้ไขมาตรา 144 มันจะมีปัญหาที่ตามมาคือ ที่ให้ ส.ส.ไปแตะงบประมาณได้เลยด้วย โดยไม่มีบทลงโทษ คนก็ห่วงว่านี่จะคือการแก้เพื่อโกงหรือไม่? แล้วเราจะแก้รัฐธรรมนูญไปทำไม เมื่อในที่สุดแล้วประชาชนไม่ได้อะไรเลย

ผมคิดว่าทุกคนรู้อยู่แก่ใจว่าปัญหาของประเทศนี้มีอะไรบ้าง ตอบกันตรงๆ ว่าถ้าเราแก้แบบนี้ เราแก้ปัญหาประเทศได้จริงหรือ มีคนบอกว่านี่คือการกินข้าวทีละคำ การเริ่มออกจากระบอบเผด็จการ

ประทานโทษ ถ้ามันเป็นแบบนั้นจริงๆ ทำไมวันนี้เราอยู่แบบนี้ ผมเลยรู้สึกว่า ผมไม่อยากให้คุณเข้าใจผิดว่านี่คือการปกป้องพรรคก้าวไกลว่าเราได้ประโยชน์จากรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ส่วนตัวมองว่าที่เราเข้ามาและได้รับการสนับสนุนจากประชาชน 6.3 ล้านคน เขาต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลงในเชิงโครงสร้าง

แต่วันนี้เรากำลังจะปิดประตู เราจะทำไปทำไม ที่ทำกันอยู่แบบนี้ เป็นแค่ละครปาหี่ แสดงหนังฉากหนึ่งเท่านั้น ถ้าเรายังจำกันได้ปีที่แล้ว ร่างรัฐธรรมนูญที่จะมีการตั้ง ส.ส.ร.ก็ถูกคว่ำไปแล้วงวดหนึ่ง

วิธีรับมือกับเสียงวิจารณ์

 

ผมเองก็ไม่ใช่คนใหม่ในการเมือง โดนถล่มมาโดยตลอด วันที่ผมเคลื่อนไหวในขณะเป็นนักกิจกรรม เป็นนักศึกษา หลายคนอาจจะลืมไปแล้ว ก็จะมีคนกลุ่มหนึ่งบอกว่าผมเป็นคนเสื้อแดง

พอเราเคลื่อนไหวไป ก็มีคนที่เป็นคนเสื้อแดงมาบอกว่าเป็นเสื้อเหลือง เราถูกกล่าวหาว่าเราต้องเป็นอะไรสักอย่างหนึ่งอยู่ตลอดเวลา

ผมถูกกล่าวหาเป็นยุวประชาธิปัตย์ เป็นสลิ่ม คือเยอะมากเลย หลายคนก็ไปเอาคำพูดที่ผมเคยวิพากษ์วิจารณ์คุณทักษิณ ชินวัตร มามองผมว่าเป็นอย่างนั้น แต่ไม่เคยมีใครมีหลักฐานว่าเป็นเสื้อเหลือง ไม่มีภาพชุมนุมพันธมิตรฯ แล้วคนที่พูดจำนวนมากแบบนี้ครั้งหนึ่งเขาเป็นคนที่เคยเคลื่อนไหวมากับเราในช่วงคนอยากเลือกตั้งทั้งสิ้น

มันก็มีมุมที่น่าผิดหวังอยู่ แต่ผมคิดว่าต้องให้เวลาและต้องพิสูจน์ตัวเองให้หนักขึ้น มันไม่มีหนทางอื่นที่จะทำให้เขาเชื่อในตัวเรานอกจากการพิสูจน์ตัวเอง จะมาตีอกร้องไห้กอดหมอนมันไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรหรอก เราต้องพิสูจน์ให้หนักขึ้น

ว่าสิ่งที่เราพูดไปทั้งหมด ที่พยายามอธิบายมันอยู่บนพื้นฐานอะไร ผมอาจจะผิดก็ได้ แต่ตอนรณรงค์ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญปี 2560 ข้อเสนอข้อสังเกตที่เราพูดไปเรามีมันถูกต้อง 100 เปอร์เซ็นต์ รอบนี้ผมอาจจะผิดก็ได้ แต่ผมยืนยันว่ามันมีโอกาสที่จะคิดได้ ว่ามันจะไปเข้าทาง พปชร.ยังไง มันไม่ใช่สิ่งที่ผมคิดไปเองคนเดียว มีอีกหลายคนที่เป็นนักวิชาการเขาก็ประเมินลักษณะเดียวกัน ไปหาดูได้ไม่ยาก ถ้าไม่เชื่อผมก็ลองรับฟังคนอื่นเสนอดู

สุดท้ายผมคิดว่าอยากให้เปิดใจและลองฟังดู ส่วนตัวผมเองก็พยายามอธิบายต่อไปว่าสิ่งที่ผมกำลังพูดมันมีความน่ากังวลใจว่ากำลังจะเกิดขึ้น และถ้ามันเกิดขึ้นจริง ประชาชนจะไม่ได้อะไรเลย

แล้วฐานที่มั่นสุดท้ายของประชาชนก็ถูกทำให้อ่อนแอมากกว่าเดิม จะยิ่งทำให้ประชาชนไม่มีตัวแทนของพวกเขาที่จะเป็นปากเป็นเสียงที่จะต่อสู้กับเผด็จการที่อยากกินรวบประเทศนี้

ความขัดแย้งพรรคร่วมฝ่ายค้านชัดเจนมากขึ้น?

 

ต้องยอมรับว่าระหว่างเรากับเพื่อไทยมีหลายเรื่องที่เห็นไม่ตรงกันอยู่แล้ว เช่น การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ปีที่แล้ว เราเห็นค้านตลอด ว่าคุณจะกำหนดให้ ส.ส.ร.อย่าไปแตะต้องหมวด 1 หมวด 2 ทำไม ผมไม่ได้หมายความว่าคนในสังคมจะต้องมาแก้ แต่ถ้าคุณไปกำหนดแล้วคุณก็บอกว่าเขามีอำนาจในการแก้อย่างเต็มที่ มันไม่เมกเซนส์ การที่คุณไปห้ามเขา เท่ากับว่าคุณไม่เคารพเสียงของประชาชนอย่างเต็มที่ คุณไม่เคารพต่อ ส.ส.ร. ว่าเขาจะมีความสามารถในการจัดทำฉบับใหม่ได้อย่างเต็มความสามารถ

ในมุมแบบนี้ เราก็มีปัญหาที่ขัดแย้งกับเพื่อไทยมาโดยตลอด

ระบบเลือกตั้งก็เป็นส่วนหนึ่งที่ขัดกัน ซึ่งมันอาจจะเป็นการประเมินสถานการณ์ที่ไม่เหมือนกัน เพื่อไทยก็อาจจะคิดว่าการเลือกแบบปี 2540 จะทำให้เขากลับมาอย่างยิ่งใหญ่

เราก็พยายามเตือนว่ายิ่งใหญ่ เพราะในอดีตมันยังไม่มีพลังประชารัฐ มันไม่มีพรรคการเมืองที่ดูด ส.ส.เก่าของคุณไปเยอะขนาดนี้ คนเหล่านี้เขาก็รู้จักคุณดีพอๆ กับรู้จักสวนหลังบ้านตัวเอง ดังนั้น ประมาทไม่ได้

แต่พอกันคุยกันแบบนี้ เราไม่ได้คุยกันมากพอ จนทำให้เพื่อไทยเร่งจะหยิบยื่นร่าง ซึ่งสุดท้ายความขัดแย้งก็ยิ่งบานปลาย เหมือนว่าเพื่อนของเรากำลังจะข้ามถนน แต่เขามองไม่เห็นรถคันใหญ่ที่กำลังพุ่งเข้ามา บางทีเราสะกิดอย่างเดียวไม่พอแล้ว เราต้องตะโกนดังๆ ก็ต้องตำหนิติเตียนกันบ้าง มันก็เคยสำเร็จ มันก็เคยได้ผลเช่นปีที่แล้วที่เพื่อไทยต้องการยื่นเพียงแค่การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เราเป็นพรรคที่เรียกร้องว่าทำไมคุณไม่ยกเลิกอำนาจ ส.ว.ในการเลือกนายกฯ ด้วย

สุดท้ายพอเราตำหนิเขาดังพอ ก็เปลี่ยนทันที เราก็คาดหวังว่าการที่เราพูดกับมิตรของเราด้วยเสียงที่ดังหน่อย หนักแน่นหน่อย มันจะทำให้เขาเปลี่ยนใจ และทำให้เขาเห็นถึงภัยคุกคามที่กำลังจะเข้ามาสู่ประชาชน เราก็ยังมองเขาเป็นมิตร

เพียงแต่ต้องยอมรับว่าความเป็นจริงเรามีจุดยืนที่ไม่ได้ตรงกันทั้งหมด

มองอีกด้านหนึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีความขัดแย้งไม่ตรงกันในหมู่กองเชียร์ แต่เราก็ยืนยันว่าเราก็ไม่อยากเห็นบรรยากาศแบบนี้ เราไม่อยากเห็นประชาชนทะเลาะกันเพียงเพราะว่าเห็นพรรคการเมือง 2 พรรคมีจุดยืนบางอย่างที่ไม่ลงตัว

แต่ว่าในอีกด้านหนึ่ง ถ้าพรรคเพื่อไทยใจเย็นลงสักนิดเลิกด่าเราว่าไม่มีมารยาท ว่าเราเป็นเด็กไม่รู้อะไร พูดจริงๆ นะการพูดประโยคพวกนี้ขึ้นมา มันไม่ได้ช่วยอะไรเลย แล้วจะมาทวงบุญคุณอะไรต่างๆ บางทีผมก็เซ็งว่านี่เราก็ทำกับเพื่อไทยมาโดยตลอดหรือครับ?

ผมเองที่ไม่ได้อภิปรายไม่ไว้วางใจรอบแรก เพราะใคร?

ดังนั้น อย่าไปเอาเรื่องอื่นมาปน อย่ามาพูดในลักษณะที่ดิสเครดิต เพราะก็มีสังคมจำนวนหนึ่งที่พร้อมจะเชื่ออยู่แล้วว่าเราเป็นนักการเมืองหน้าใหม่สมัยแรกว่าคนไม่รู้มารยาททางการเมือง

จุดยืนของก้าวไกล ก็ยืนยันว่าเราไม่ได้คิดแค่การเข้ามาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจปากท้องอย่างเดียว สิ่งที่มันทำให้ประเทศนี้ไปไหนไม่ได้เพราะว่าเรามีโครงสร้างทางการเมืองที่เหมือนเดิม แล้วจะมีรัฐบาลมากี่สมัย กติกาดีแค่ไหน สุดท้ายถ้า “ชนชั้นนำ” เขาไม่เอากับคุณ เขาก็เขี่ยคุณทิ้ง

ดังนั้น มันจะต้องจัดการกระบวนการต่างๆ ที่ทำลายประชาชนเสียที

ชมคลิป