ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 30 มิถุนายน - 6 กรกฎาคม 2560 |
---|---|
เผยแพร่ |
คอลัมน์ปรุงในครัวทัวร์นอกบ้าน
ลําโพงขนาดย่อมบนเสาสูงกลางชุมชนได้แผดเสียงร้องประกาศคอร์สเรียนภาษาอังกฤษครั้งละหนึ่งบาทแผ่กว้างไปทั่วทุกเช้าเย็นในเวลาเกือบหนึ่งอาทิตย์
–ดร.สุยดา ด่านสุวรรณ ประกาศรับสมัครนักเรียนตั้งแต่อายุ 9 ขวบเป็นต้นไปเพื่อมาเรียนรู้วิชาภาษาอังกฤษให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่จะเปิดประเทศเป็น AEC…
มือที่คว้าจอบขุดและปรุงดินอยู่หยุดนิ่งพลางกวาดสายตาไปรอบๆ ภูเขาและสวนผักสีเขียวขจีตรงหน้าแล้วรอยยิ้มก็ปรากฏบนใบหน้า ฉันจะยิ้มแบบขำๆ ให้หัวใจกระชุ่มกระชวยในทุกๆ เช้าที่ได้ยินเสียงประกาศจาก อบต.
–พี่ ให้หนูช่วยนะ เดี๋ยวหนูจัดการเรื่องสถานที่แล้วก็เรื่องประกาศรับสมัครเอง
ผู้ช่วยที่แทบจะเป็นมือขวาของฉันเสนอตัวที่จะช่วยในสิ่งที่ฉันจะทำเพื่อชุมชน เธอทำงานเร็วและทำงานดีเพราะเธอมีหัวใจในการทำงานเสมอมา
–ไอ้นี่นะ มันจบอะไรมา? มาเป็นผู้ช่วยได้ก็เพราะกำนันคนเก่าเมตตามันเลยดึงมันเข้ามา
–มันทำอะไรให้ชุมชนได้บ้าง? นอกจากพูดเป็นต่อยหอยเอาตัวรอดไปเรื่อยๆ
พี่ๆ น้าๆ ป้าๆ ที่อยู่ทีมเดียวกับผู้ใหญ่บ้านคนใหม่มักจะเล่าเรื่องความไม่ดีของผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านชุมชนหมู่ 4 ให้ฉันฟังบ่อยๆ ซึ่งสิ่งไม่ดีเหล่านี้ก็หาได้มีหลักฐานไม่ จะมีก็แต่เสียงเล่าลือกันเท่านั้น พอหนักเข้า
–ให้มันเข้าบ้านบ่อยๆ ระวังจะหมดบ้านเอานะ!
ฉันได้แต่ยิ้มรับเพราะฉันเป็นคนไม่สนใจกระแส ไม่สนใจคำร่ำลือ แต่จะเชื่อสายตาตัวเองและศรัทธาในการกระทำ ในการปฏิบัติมากกว่าลมปาก
–ผู้ใหญ่บ้านคนนี้เค้าไม่ค่อยชอบหนูพี่ คอยแกล้งหนูมาตลอดเลย บางครั้งก็น้อยใจนะพี่
ผู้ช่วยแวะเวียนเข้ามาปลดปล่อยอารมณ์กับฉันอยู่บ้าง และฉันก็ได้แต่ปลอบให้เธออยู่ต่อเพื่อชุมชน
จนกระทั่งวันหนึ่งเธอเดินน้ำตาซึมเข้ามาสวนธรรม
–หนูเพิ่งออกจากคุกมาพี่
–อ้าว! ฉันตกใจอ้าปากค้าง แต่ดูเธอยังคงนิ่งและมีสติ
–เค้าจับหนูในวงไพ่ตรงปากซอยบ้านหนู หนูคิดว่าพี่รู้เรื่องแล้ว
เฮ้อ…คือจริงๆ ก็มีคนในทีมของผู้ใหญ่บ้านแจ้งมาเหมือนกันนะ ว่าผู้ช่วยโดนจับกลางวงไพ่ แต่เป็นคำพูดที่เหมือนจะสะใจเสียเหลือเกินจนฉันได้แค่เออ…ออ…รับทราบไปเท่านั้น
–หนูก็ยืนอยู่กลางวงไพ่ประจำเป็นเรื่องปกติแหละพี่ แต่วันเกิดเรื่องหนูถือไพ่อยู่ในมือ คนอื่นๆ หนีไปหมดแล้ว เหลือหนูคุยกับตำรวจอยู่ ปกติตำรวจก็รู้จักหนูทุกคนเพราะเคยช่วยงานกันอยู่บ่อยๆ แต่วันนั้นเป็นช่วงของ คสช. พอดีมีทหารเข้ามาด้วย เค้าเลยช่วยอะไรหนูไม่ได้ ไม่ฟังหนูอธิบายด้วยพี่ ส่วนพวกผู้ใหญ่ก็พากันปรักปรำหนูจะให้หนูออกจากราชการ ออกจากการเป็นผู้ช่วยค่ะพี่
ฉันเองได้ฟังแล้วก็อดน้ำตาซึมไปด้วยไม่ได้ เพราะเธอคือเสาหลักของครอบครัว เธอคือผู้กตัญญูดูแลพ่อแม่ แล้วเมื่อต้องออกจากราชการรายได้ที่น้อยอยู่แล้วก็หดหายไป คนที่จริงจังลงพื้นที่อย่างเธอก็ไม่มีใครอีกแล้ว ผู้ช่วยคนอื่นๆ ก็ได้แต่นั่งรับเงินเดือนแล้วก็ทำธุรกิจส่วนตัว ไม่เคยลงพื้นที่และไม่เคยเห็นหน้าเลย
–แล้วจะทำไงต่อ? มีอะไรให้พี่ช่วยไหม?
ฉันถามเธอไปเพื่ออยากให้เธอเรียบเรียงสิ่งที่คิดเอง กระจ่างเองจะได้ไม่ฟุ้งซ่านกับชีวิต
–หนูจะเข้าไปหาของป่าพี่ ลูกหนูมันคงให้เงินเดือนหนูบ้างพอซื้อข้าวสารพี่
ฉันกลายเป็นผู้บริโภคที่ซื้อของป่าจากเธอและเพื่อนของเธอตลอด ไม่ว่าจะเป็น ไข่มดแดง น้ำผึ้งป่า มันมือเสือ ดอกดาหลาหลากสี กระรอกเผือก กล้วยไม้ป่า เห็ดโคน ฯลฯ
–ระวังจะโดนจับติดคุกนะ รับซื้อของป่าเช่นนั้น
ชาวบ้านยังคงแขวะคนล้มไม่สิ้นสุด รายได้หลักของอดีตผู้ช่วยไม่ใช่การขายของให้ฉัน แต่เป็นการเก็บลูกกระสุนในป่า ในค่ายทหารขายมากกว่า เธอว่ารายได้เป็นกอบเป็นกำกว่าทำราชการเป็นไหนๆ
–วันนี้เสียไพ่ไปเกือบหมื่น
น้ามลแม่บ้านไปกลับของฉันซึ่งเป็นคนในชุมชนบ่นหัวเสียเข้ามาทำงานในช่วงบ่ายวันหนึ่ง
–อ้าว ปกติก็เห็นเล่นได้ตลอดนี่คะ
ฉันถามด้วยความสงสัยเพราะน้ามลเป็นคนคิดรอบคอบไม่ค่อยเสียอะไรให้กับใครง่ายๆ และทุกงานไม่ว่าของใครที่ไหนในวัดก็มักจะตั้งวงเล่นไพ่กันถึงเช้า บางครั้งก็เล่นกันยาวเป็นอาทิตย์
–ก็ได้อยู่ในช่วงแรกๆ นั่นแหละ ทีนี้ผู้ใหญ่ชวนเล่นต่อเลยเสียเยอะ หลายคนถูกผู้ใหญ่กินเรียบ
–อ้าว! ทีผู้ใหญ่ชวนเล่นกันทุกคืนทำไมไม่ถูกจับละน้า อดีตผู้ช่วยเล่นยังโดนจับแล้วไล่ออกจากราชการเลย ไม่ยุติธรรมนี่นา…หรือว่าเล่นในวัดได้ เล่นนอกวัดไม่ได้ละน้า
ฉันพูดทีเล่นทีจริงเพราะแม่บ้านท่านนี้คือหนึ่งในทีมผู้ใหญ่บ้านนั่นเอง ดังคาดเธอเงียบสนิทปิดปากทันทีรีบเดินไปหยิบไม้กวาดและเริ่มทำงานบ้าน