สําหรับคนรุ่นใหม่ที่ไม่รู้จัก เอ็ดการ์ ไรซ์ เบอโรส์ นักเขียนนวนิยายคนนี้เทียบได้กับ เจ. เค. โรว์ลิ่ง ในครึ่งแรกของคริสต์ศตวรรษที่ 19

หนังสือเรื่องทาร์ซานซึ่งตีพิมพ์เป็นครั้งแรกเมื่อ ค.ศ.1912 และแปลเป็นภาษาต่างๆ ทั่วโลกกว่าห้าสิบภาษา เป็นเรื่องของเด็กชายจากตระกูลขุนนางชาวอังกฤษที่พ่อแม่ไปเรือแตกอยู่ชายฝั่งคองโก และเสียชีวิตโดยทิ้งลูกชายที่ยังเป็นทารกแบเบาะไว้ในป่า

เด็กคนนี้เติบโตขึ้นโดยได้รับการเลี้ยงดูจากแม่กอริลลา และเรียนรู้การใช้ชีวิตเยี่ยงสัตว์ป่า

สมัยก่อน ถ้าเด็กคนไหนเล่นซน ปีนต้นไม้ โหนกิ่งไม้ จะต้องถูกดุว่าเล่นเป็นทาร์ซานไปได้ ดังนั้น ภาพลักษณ์ของทาร์ซาน คือหนุ่มนุ่งเตี่ยว ไปไหนมาไหนอย่างว่องไวด้วยการโหนเถาวัลย์จากต้นไม้สูงลิ่ว

ทาร์ซานพบรักกับ เจน พอร์เตอร์ ลูกสาวมิชชันนารีชาวอเมริกัน และในที่สุด ก็ต้องทิ้งถิ่นฐานในป่า มารับฐานันดรขุนนางตามกำเนิดเป็น ลอร์ดเกรย์สโตก มาครอบครองคฤหาสน์เกรย์สโตกอันอัครฐานในอังกฤษ

นั่นคือเรื่องราวของทาร์ซาน เท่าที่อยู่ในหัวของคนทั่วไป เนื่องจากนวนิยายชุดนี้ได้รับการนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ภาพลักษณ์ของทาร์ซานที่ผู้คนจดจำได้มากที่สุดเห็นจะเป็นบทบาทที่สวมโดย จอห์นนี่ ไวซ์มุลเลอร์

ถึง ค.ศ. นี้ ตำนานทาร์ซานเวอร์ชั่นใหม่ออกฉายด้วยทาร์ซานและเจนคู่ใหม่ ซึ่งจะอยู่ในใจของผู้คนไปอีกนาน

อเล็กซานเดอร์ สการ์กอร์ด (Zoolander, True Blood) หนุ่มผมทองชาวสวีเดน ลูกชายนักแสดง สเตลลัน สการ์กอร์ด ที่เป็นที่คุ้นหนาคุ้นตานักดูหนังมานาน รับบทเป็นทาร์ซานอย่างลงตัว หนังตัวอย่างพยายามเลี่ยงไม่เปิดให้เราเห็นหน้าของทาร์ซานคนใหม่ชัดเจนนัก แต่พอดูหนังจริงแล้ว ก็จะรับว่านี่ใช่เลยทาร์ซาน ทั้งรูปร่างสูงเพรียวทรงพลังด้วยมัดกล้าม และหน้าตาผสานลงตัวพอดีระหว่างความเป็นชาวป่ากับชาวเมือง

เสียงเรียกร้องในตัว จอห์น เคลย์ตัน ที่สาม ให้กลับคืนสู่ป่าดงพงไพร ปรากฏอยู่ตั้งแต่ฉากแรกที่หนังเปิดเรื่องแล้ว ทว่า จอห์น เคลย์ตัน ก็พยายามฝืนไว้ด้วยหน้าที่ของ “ลอร์ดแห่งเกรย์สโตก” ทายาทคนเดียวที่เหลือของวงศ์ตระกูล

จอห์นได้รับคำเชิญของกษัตริย์เลโอโพลด์ที่สองแห่งเบลเยียมให้กลับคืนสู่ดินแดนคองโก ซึ่งขณะนั้นอยู่ในครอบครองของเบลเยียม แต่เขาก็ปฏิเสธในตอนแรก เพียงเมื่อโดนเกลี้ยกล่อมโดยตัวแทนจากสหรัฐอเมริกา คือ ดร.จอร์จ วอชิงตัน วิลเลียมส์ (แซมวล แอล. แจ็กสัน) เพื่อให้ช่วยเปิดโปงและขัดขวางแผนการจักรวรรดินิยมที่แผ่ไปทั่วแอฟริกา ด้วยจุดประสงค์ที่จะครอบครองทรัพยากรธรรมชาติและจับชาวพื้นเมืองมาเป็นทาส

จอร์จ วอชิงตัน วิลเลียมส์ เป็นบุคคลจริงในประวัติศาสตร์ผู้ทำการเปิดโปงดังกล่าวแก่สายตาโลก แต่บทบาทของเขาร่วมกับทาร์ซานนั้นเป็นเรื่องสมมติ เนื่องจากทาร์ซานไม่ได้มีตัวตนจริงอยู่ในประวัติศาสตร์สักกะหน่อย

The Legend of Tarzan เป็นหนังดีและสนุกเกินคาดนะคะ มีตัวละครที่เราผูกพันด้วย การถ่ายทำสวยด้วยคอมพิวเตอร์กราฟิก ที่สำคัญคือ เนื้อหาหนักแน่นด้วยความงดงามของชีวิตป่าและพงไพรเถื่อนแต่บริสุทธิ์ รวมทั้งความโลภ ความไร้จิตสำนึกและมนุษยธรรมของจักรวรรดินิยมตะวันตกในยุคล่าอาณานิคม

ขณะเดียวกันก็พูดถึงประเด็นการค้าทาส และพร่าผลาญทำลายทรัพยากรธรรมชาติ ทำลายชีวิตสัตว์ป่า เราเห็นรถไฟลำเลียงงาช้างกองพะเนินเทินทึก ซึ่งเห็นแล้วใจหาย เพราะแน่นอนว่าช้างป่าต้องตายไปไม่รู้กี่สิบกี่ร้อยตัว

เบื้องหลังของการที่ทาร์ซานได้รับคำเชิญกลับไปคองโก ก็เพราะเขาเป็นที่ต้องการตัวของหัวหน้าเผ่า มบองก้า (ดจิมอน ฮุนซู) ที่ทำสัญญาแลกเปลี่ยนเพชรมูลค่ามหาศาลกับการนำตัวทาร์ซานไปส่งให้

เพื่อแก้แค้นแก่ลูกชายคนเดียวที่ตายไปด้วยน้ำมือทาร์ซาน จากการที่เด็กหนุ่มคนนั้นฆ่าแม่กอริลลาของทาร์ซาน

ตัวร้ายที่แท้จริงในหนังคือ ลีออน รอม (คริสตอฟ วอลทซ์) ข้ารับใช้กษัตริย์แห่งเบลเยียม ที่มาลงทุนสร้างทางรถไฟในดินแดนคองโกจนแทบสิ้นเนื้อประดาตัว โดยมีจุดหมายแอบแฝงในการลำเลียงทรัพยากรธรรมชาติและการค้าทาส

หมดท่าเข้าจึงได้ต้องการเพชรดิบในดินแดนนี้อย่างเร่งด่วนมาสนับสนุนการแผ่ขยายแสนยานุภาพของตน

คริสตอฟ วอลทซ์ เป็นเจ้าของรางวัลออสการ์สองตัวจากบทใน Inglourious Basterds และ Django Unchained เล่นบทร้ายแบบได้ใจถึงกึ๋นทุกที ไม่มีใครห้ามใจไม่เกลียดไม่กลัวเขาจนแทบนั่งไม่ติดเก้าอี้เวลาเขาเล่นบทร้ายกาจ

มาร์โกต์ รอบบี้ เล่นบทเจนที่สวยแจ่ม งามสง่าและเก่งกล้าที่สุด แม้จะเป็นบทประเภท damsel in distress คือสาวสวยถูกจับไว้รอให้พระเอกขี่ม้าขาวมาช่วย แต่เจนผู้เข้มแข็งคนนี้ไม่ยอมทำตัวงอมืองอเท้ารอความช่วยเหลืออย่างเดียว เราเห็นได้ชัดว่าทุกวินาทีนั้น เธอคิดหาทางหนีรอดอยู่ตลอดเวลา

แถมเมื่อผู้ร้ายสั่งให้เธอกรีดร้องเสียงดังๆ เพื่อให้ทาร์ซานร้อนรนมาช่วย เธอยังเชิดหน้าท้าทายว่าเธอไม่ใช่ damsel in distress นี่จะได้ทำแบบนั้น

หลังจากดูหนังแล้ว ผู้เขียนชอบทาร์ซานคนนี้มากเลยค่ะ นอกจากรูปลักษณ์ที่ “ใช่เลย” แล้ว คุณลักษณ์เล็กๆ น้อยๆ ที่ประกอบขึ้นเป็นคนป่าเถื่อนในคราบของผู้ดี และการต่อสู้ในใจทั้งสองด้านยังปรากฏให้เห็น

ชอบฉากที่ ดร.วิลเลียมส์เกลี้ยกล่อมให้เคลย์ตันกลับไปคองโกอีกครั้ง เพื่อเห็นแก่ชาวคองโกที่กำลังจะถูกกวาดต้อนไปเป็นทาส

ลอร์ดเกรย์สโตกนั่งอยู่บนรถ และตอบตกลงด้วยการพยักหน้าน้อยนิดแทบไม่ขยับเขยื้อน แต่เราเห็นโลกทั้งสองที่ต่อสู้กันในใจของทาร์ซานในคราบลอร์ดเกรย์สโตก

ฉากที่ประทับใจมากอีกฉากหนึ่งคือ ในทุ่งกว้าง ระหว่างทางที่ลอร์ดเกรย์สโตก เจน และ ดร.วิลเลียมส์ เดินเท้าไปสู่หมู่บ้าน ไปเจอสิงโตตัวเมียเข้า ทาร์ซานเข้าไปทักทายดมกลิ่นกันแบบที่สัตว์ป่าทำกัน เนื่องด้วยสิงโตตัวนี้เคยรู้จักทาร์ซานมาก่อนสมัยยังอยู่ในป่า

ตอนท้ายๆ เมื่อทาร์ซานไปเรียก “กองหนุน” เป็นสัตว์ป่านับร้อยนับพัน ให้บุกค่ายของมนุษย์ที่มาตั้งถิ่นฐานริมทะเล ถึงแม้ว่าคอมพิวเตอร์กราฟิกจะยังไม่เนียนมาก แต่ก็เป็นฉากน่าตื่นใจมากอีกฉากหนึ่ง

ตอนจบที่ถ่ายให้เห็นคฤหาสน์เกรย์สโตกที่ว่างเปล่าไม่มีคนอยู่ ก่อนจะตัดไปสู่กระท่อมหลังเล็กที่ทาร์ซานอาศัยอยู่กับเจน และกำลังมีทายาทน้อย ท่ามกลางชนพื้นเมืองหน้าตายิ้มแย้ม เป็นการลงเอยที่ประกาศว่าพงไพรมีชัยชนะเหนืออารยธรรมและความศิวิไลซ์…

…พามนุษย์กลับไปใช้ชีวิตอย่างกลมกลืนกับธรรมชาติอันยิ่งใหญ่และงดงามอีกครั้ง

THE LEGEND OF TARZAN
กำกับการแสดง
David Yates

นำแสดง
Alexander Skargard
Margot Robbie
Christophe Waltz
Samuel L. Jackson
Djimon Hounsou
Jim Broadbent