ผ่าเครือข่ายธุรกิจ ‘โกมล จึงรุ่งเรืองกิจ’ เจ้าของ ‘แอโร่ซอฟ’ สปอนเซอร์ถ่ายทอด ‘ยูโร 2020’

หลังจากลุ้นระทึกกันจนแทบจะหมดหวังว่า คนไทยจะไม่ได้ชมมหกรรมฟุตบอลรายการใหญ่ชิงแชมป์ยุโรปรอบสุดท้าย หรือยูโร 2020 เนื่องจากไม่มีสถานีโทรทัศน์ช่องไหนหรือกลุ่มธุรกิจใดยอมลงทุนซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดรายการดังกล่าว

แม้จะมีสัญญาณบวกจากฝ่ายการเมืองในปีกรัฐบาลว่า ต้องการ “คืนความสุข” ให้คนไทยได้ชมฟุตบอลรายการนี้ แต่ครั้นจะดำเนินการในนามรัฐ สถานีโทรทัศน์ของรัฐ หรือดึงเอาทุนจากกลุ่มรัฐวิสาหกิจมาเป็นสปอนเซอร์ ระเบียบขั้นตอนต่างๆ ก็ดูติดขัดไปหมด

กระทั่งนาทีสุดท้าย ก่อนหน้าการแข่งขันจะเริ่มขึ้นเพียง 1 วัน จึงเกิดการแถลงข่าวโดยนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า สถานีโทรทัศน์ช่อง NBT ของกรมประชาสัมพันธ์จะเป็นผู้ถ่ายทอดสด โดยมีภาคเอกชนคือ แอโร่ซอฟ (Aerosoft) เป็นสปอนเซอร์หลัก

และนับจากวันที่ 11 มิถุนายน 2564 เป็นต้นมา การถ่ายทอดสดพร้อมเสียงเพลงยูโร แอโร่ซอฟ ก็กระหึ่ม กลายเป็นชื่อที่คนรู้จักไปในชั่วข้ามคืน

การควักกระเป๋าจ่ายค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอล 2020 ครบทุกแมตช์เพียงคนเดียวกว่า 300 ล้านบาท เพื่อช่วยให้คนไทยได้ชมการถ่ายทอดสดนัดแรกทันแบบเฉียดฉิว ทำให้ชื่อของ “โกมล จึงรุ่งเรืองกิจ” และบริษัท ซัมมิท ฟุตแวร์ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรองเท้าแบรนด์ แอโร่ซอฟ (Aerosoft) เป็นที่รู้จักของชาวไทยในชั่วข้ามคืน

ที่ผ่านมา หลายคนอาจจะไม่คุ้นเคยกับชื่อนักธุรกิจรายนี้เท่าไหร่ แต่หากพลิกกลับไปดูโปรไฟล์ก็จะรู้ว่า “ไม่ธรรมดา”

โดย “โกมล” เป็นบุตรคนที่ 4 ใน 5 พี่น้องต้นตระกูลจุฬางกูล-จึงรุ่งเรืองกิจ หนึ่งในตระกูลนักธุรกิจรายใหญ่ระดับแสนล้านของเมืองไทย ภายใต้ชื่อกลุ่มซัมมิทคอร์ปและไทยซัมมิท ที่ประกอบด้วย “สรรเสริญ จุฬางกูล” ประมุขแห่งกลุ่มซัมมิท คอร์ปอเรชัน “พัฒนา จึงรุ่งเรืองกิจ” (ถึงแก่กรรม) ผู้ก่อตั้ง ไทยซัมมิท โอโตพาร์ท อินดัสตรี จำกัด “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม “อิสริยา จึงรุ่งเรืองกิจ” เจ้าของโรงแรมเมเปิล บางนา

“โกมล” มีศักดิ์เป็นพี่ชายของ “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” และเป็นอาของ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” และเป็นบิดาของ “พงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ” ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ที่ควบตำแหน่งกรรมาธิการการกีฬา สภาผู้แทนราษฎร อีกตำแหน่งด้วย

นอกจากจะเป็นผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการของซัมมิทฟุตแวร์แล้ว “โกมล” ยังทั้งเป็นเจ้าของธุรกิจหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นสนามกอล์ฟ, พลังงาน-โครงสร้างพื้นฐาน, สินค้าเกษตร, หอพักให้เช่า, โครงการบ้านจัดสรรย่านรังสิต

รวมแล้วมีชื่อเป็นกรรมการในบริษัทต่างๆ ทั้งบริษัทจำกัดและห้างหุ้นส่วนจำกัด มากกว่า 100 บริษัท รวมมูลค่าสินทรัพย์ระดับหมื่นล้านเลยทีเดียว

ในจำนวนนี้จะมีธุรกิจที่โดดเด่น 3 บริษัท คือ ซัมมิท ไพน์เฮิร์สท กอล์ฟคลับ, อกริเพียว โฮลดิ้งส์ และซัมมิทฟุตแวร์

แม้การซื้อสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลยูโร 2020 “โกมล” จะทำภายใต้ชื่อซัมมิทฟุตแวร์ แต่ธุรกิจที่เป็นรายได้หลักและเป็นที่รู้จักของสาธารณชนมากที่สุด จะเป็น “สนามกอล์ฟไพน์เฮิร์สท” ภายใต้บริษัท ซัมมิท ไพน์เฮิร์สท กอล์ฟ คลับ จำกัด ที่ตั้งอยู่ย่านรังสิตและเป็นสถานที่ออกรอบของบรรดาคนใหญ่คนโตจากทั้งวงการการเมืองและธุรกิจมายาวนาน

และไม่น่าแปลกใจที่คลับเฮาส์ของสนามกอล์ฟแห่งนี้จะถูกใช้เป็นสถานที่แถลงข่าวการถ่ายทอดสดฟุตบอลยูโร 2020 ก่อนที่การแข่งขันจะเริ่มขึ้นไม่นานนัก

“โกมล” มีชื่อเป็นทั้งประธานบริษัท และเป็นกรรมการผู้มีอำนาจลงชื่อผูกพันบริษัทร่วมกับ น.ส.เทียมใจ ศศิศาสตร์ น.ส.พลอยครินทร์ สัจจะเวทะ และนางกิตติมา อิ่มประเสริฐ รวมถึงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 81.56% ตามด้วยบริษัท ซัมมิท ฟุตแวร์ จำกัด ถือ 18.43% และ น.ส.ฐาภรพัชร์ จึงรุ่งเรืองกิจ 0.0003%

สำหรับรายได้ธุรกิจสนามกอล์ฟไพน์เฮิร์สทนั้น แม้จะมีรายได้ลดลงต่อเนื่องระหว่างปี 2561-2563 แต่มีผลกำไรระดับ 40-70 ล้านบาท และยังเติบโตประมาณ 50-100% ยกเว้นเพียงปี 2563 ที่กำไรลดลง 26% โดยข้อมูลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า บริษัทซัมมิท ไพน์เฮิร์สท กอล์ฟ คลับ มีรายได้ปี 2561 รวม 499,109,202 บาท ลดลง 1.5% จากปีก่อนหน้า และปี 2562 รายได้รวม 498,226,101 บาท ลดลง 0.17% ส่วนปี 2563 มีรายได้รวม 398,772,422 บาท ลดลงเกือบ 20%

ด้านผลกำไรปี 2561 มีกำไร 43,954,743 บาท เพิ่มขึ้น 107.69% จากปีก่อนหน้า ตามด้วยปี 2562 มีกำไร 69,811,805 บาท เพิ่มขึ้น 58.82% และปี 2563 มีกำไร 51,510,837 บาท ลดลง 26.21%

 

นอกจากนี้ “โกมล” ยังเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่อันดับ 2 ของบริษัทผลิต-ส่งออกข้าวโพดหวานบรรจุถุงและผักผลไม้สด ในนามของบริษัท อกริเพียวโฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ด้วยสัดส่วน 33.05% รองจากลูกชาย “สุเรศพล จึงรุ่งเรืองกิจ” ที่ถือหุ้น 35.36%

ทั้งนี้ อกริเพียวฯ เป็นหนึ่งในเวทีที่สร้างชื่อเสียงด้านการบริหารธุรกิจให้กับ “โกมล” เนื่องจากการตัดสินใจถือหุ้นใหญ่ในบริษัทอกริเพียวฯ ตั้งแต่ช่วงก่อนปี 2555 ทั้งที่บริษัทอยู่ในภาวะขาดทุนสะสมกว่า 100 ล้านบาท พร้อมดึงนายสุเรศพล จึงรุ่งเรืองกิจ ลูกชายคนรองเข้ามาคุมงานในฐานะประธานกรรมการบริษัท หลังจากบริหารเองมาระยะหนึ่ง และสามารถพลิกกลับมามีกำไร

โดยเฉพาะเมื่อปี 2559 ที่สร้างสถิติกำไรสูงสุด (ในขณะนั้น) ที่ 191 ล้านบาท เติบโตเกือบเท่าตัวจากปี 2558 ที่มีกำไร 96 ล้านบาท และปี 2557 มีกำไรเพียง 79 ล้านบาท

ตามข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์ฯ ปี 2563 ที่ผ่านมา อกริเพียวฯ มีรายได้ 1,991 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 319.62 ล้านบาท เพิ่มจากปีก่อนถึง 997% ส่วนปี 2562 มีรายได้ 1,719.52 ล้านบาท มีกำไร 29.14 ล้านบาท และปี 2561 มีรายได้ 1,738.07 ล้านบาท และกำไร 119.55 ล้านบาท

 

สําหรับซัมมิทฟุตแวร์นั้น ก่อตั้งเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2522 ด้วยทุนจดทะเบียน 40 ล้านบาท ประกอบธุรกิจผลิตรองเท้า โดยมีความเชี่ยวชาญด้านผลิตรองเท้าแตะ รองเท้าพยาบาล และรองเท้าสุขภาพด้วยวัสดุโพลียูรีเทน

ปัจจุบันมีจุดจำหน่าย หรือ Aerosoft Arch Support Store รวม 32 สาขาทั่วประเทศ กระจายอยู่ในห้างสรรพสินค้าโรบินสัน, พรีเมียมเอาต์เลต, สปอร์ตเวิลด์ และเดอะมอลล์ รวมถึงมีบริษัทย่อยในต่างประเทศ อาทิ บริษัท แอโร่ซอฟ ซัมมิท ฟุตแวร์ จำกัด (ประเทศกัมพูชา)

ด้านการตลาดได้ขยายไลน์สินค้าจากรองเท้าแตะไปรุกตลาดรองเท้าผ้าใบระดับกลางราคาประมาณ 300-1,000 บาท เมื่อปี 2558 หวังขยายฐานลูกค้ากลุ่มวัยรุ่น นักศึกษา และส่งออกไปที่เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และเมียนมา ด้วยการลงทุนไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท เพิ่มไลน์ผลิตที่โรงงานเดิมบริเวณถนนบางนา-ตราด ก.ม.ที่ 16 พร้อมดึงตัวศิลปินดัง “มาริโอ้ เมาเร่อ” มาเป็นพรีเซ็นเตอร์สินค้า

อย่างไรก็ตาม ตามงบฯ แสดงสถานะทางการเงินนั้น ซัมมิทฟุตแวร์มีผลประกอบการขาดทุนสุทธิ 3 ปีติดต่อกันระหว่างปี 2560-2562 โดยปี 2560 ขาดทุน 208.72 ล้านบาท ปี 2561 ขาดทุน 158.57 ล้านบาท ส่วนปี 2562 ขาดทุน 2.09 ล้านบาท

ปัจจุบัน “โกมล” ยังถือหุ้นในบริษัทต่างๆ อาทิ บริษัท เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน จำกัด (มหาชน) (BWG) ประกอบธุรกิจบริหารและจัดการกากอุตสาหกรรม 242,286,900 หุ้น หรือ 5.84%, บริษัท ไอร่า แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) (AIRA) ประกอบธุรกิจการเงิน 304,169,101 หุ้น หรือ 4.82%, บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) (GRAMMY) 22,720,000 หุ้น คิดเป็น 2.77% และบริษัท ยู ซิตี้ จำกัด (มหาชน) (U) ประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 99,569,427 หุ้น หรือ 1.77%

จากนี้ไปต้องจับตาดูว่าการทุ่มงบฯ 300 ล้านบาท จะช่วยผลักดันธุรกิจซัมมิทฟุตแวร์ และรองเท้าแบรนด์แอโร่ซอฟ อยู่ในใจบริโภคชาวไทยได้มากน้อยเพียงใด

และคุ้มค่ากับการลงทุนหรือไม่